ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 210 เขินอาย

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 210 เขินอาย

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่ทั้งสองคนนั้นนั่งห่างออกไปรักษาแผลตัวเองจากกลุ่มกองกำลังของตนนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองรู้ดีว่าเฉินเฉียงนั้นมาช่วยแต่ทั้งสองนั้นยังยอมรับในตัวเฉินเฉียงไม่ได้

-ศิษย์น้องเล็ก บอกข้าหน่อยสิว่าเจ้าไปเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ได้ยังไง- กัวเหลียงที่นั่งกินยารักษาแผลอยู่นั้นได้ส่งเสียงทางจิตวิญญาณถามเฉินเฉียง

เฉินเฉียงที่ได้ยินก็ฝืนยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินไปหาเขา

กัวเหลียงสะดุ้งในทันทีและถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง –ว่าไงศิษย์น้อง เจ้าเป็นแบบนี้ได้ยังไง นี่ไม่คิดจะบอกกันมั่งเรอะ แล้วไหนจะไอ้ปีกที่ไม่เหมือนใครนั่นอีก ไม่คิดจะบอกกันเลยรึไง-

เฉินเฉียงยังคงไม่ตอบอะไรออกมา เขาหยิบกระบี่ยาวออกมาจากแหวนแล้วโยนให้กัวเหลียง –ศิษย์พี่ ใช้กระบี่นี่ดีกว่า กระบี่ของท่านหมดสภาพไปแล้วล่ะ-

“ว่าฮ่าฮ่าฮ่า…” กัวเหลียงเปิดปากหัวเราะดังลั่นในทันที “กระบี่นี่ช่างคมนัก ศิษย์น้องเล็ก กระบี่เล่มนี้ช่างคมนัก เจ้าไปได้มันมาจากไหนกัน”

กัวเหลียงมีความสุขจนเผลอลืมส่งเสียงทางจิตวิญญาณและพูดออกมาอย่างดังลั่น จึงทำให้ทุกคนหันมามองในทันที

เมื่อเห็นแบบนี้ เฉินเฉียงจึงได้นำอาวุธอีกแปดเล่มออกมาและมอบให้แก่ทุกคน

“ทุกคนควรจะเปลี่ยนอาวุธที่ใช้ซะ ข้าพึ่งจะฆ่ามนุษย์กลายพันธุ์ได้ยี่สิบกว่าตน พวกเจ้ารับมันไว้ซะ”

“ฮึ่ม ข้าไม่ต้องการของจากไอ้พวกมนุษย์กลายพันธุ์น่ารังเกียจ”

จางหยวนได้โยนกระบี่ยาวที่เฉินเฉียงโยนมาก็ได้โยนกลับคืนไป

เฉินเฉียงเองก็เข้าใจเหตุผลที่จางหยวนทำแบบนี้

นั่นก็เพราะในตอนที่เขาเข้าสำนักเต่าดำไปนั้นเขาก็ได้รับรู้ว่า เหตุผลที่จางหยวนออกจากสำนักเต่าดำก่อนกำหนดนั้นเป็นเพราะพ่อของจางหยวนต้องตกตายด้วยมนุษย์กลายพันธุ์ในสนามรบ จุดนี้เป็นจุดที่คล้ายคลึงกับเจิ้งยี่อย่างมาก

และนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้จางหยวนและเจิ้งยี่ไม่อาจยอมรับในตัวเฉินเฉียงได้

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้จางหยวนกระด้างกระเดื่องในเรื่องนี้

“จางหยวน เจ้าเกลียดมนุษย์กลายพันธ์ุมากงั้นรึ แต่เจ้านั้นกลับไม่ยอมใช้อาวุธที่ทรงพลังในการจัดการพวกมันเนี่ยนะ อาวุธในมือของเจ้าจะใช้ฆ่ามนุษย์กลายพันธุ์ได้สักกี่ตน ห้ะ”

หลังจากเฉินเฉียงได้พูดออกมา ก็ได้นำมาเชเต้ออกมาแล้วส่งให้หนี่เฟิง ก่อนที่จะนำสมุนไพรออกมาสองชนิดและคลุกเคล้าตำขยำในห่อผ้าและส่งให้กัวเหลียง

“ศิษย์พี่กัว ช่วยพี่หนี่เฟิงทายาก่อนสิ”

“ขอบคุณมากศิษย์น้องเล็ก” หนี่เฟิงได้รับมาเชเต้นี่มาและได้ถือว่ามันเป็นสมบัติประจำตัวของเธอไปแล้วและพูดออกมาด้วยความยินดี

ต่อมา เฉินเฉียงได้เดินไปหาเม่ยหลัวหลันและยื่นแผ่นแก่นพลังงานให้เธอ

“กัปตัน นี่คืออะไรน่ะ”

เม่ยหลัวหลันมองโยกตัวไปมาแบบเล่นใหญ่โตก่อนที่จะหยิบแผ่นแก่นพลังงานนี้ขึ้นมาส่องกันเป็นการใหญ่ และถามออกมาตามสัญชาตญาณ

ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะยังคงสงสัยในสถานะของเฉินเฉียงอยู่ก็ตาม แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เชื่อว่าเฉินเฉียงเป็นมนุษย์กลายพันธุ์แบบที่เธอรู้จักแต่อย่างใด

ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นปีกที่ไม่เหมือนมนุษย์กลายพันธุ์ที่ไม่เหมือนใคร และเช่นเดียวกับคนอื่นที่ได้จำมันจนฝังใจไปแล้ว

“พี่หลัวหลัน นี่คือแผ่นแก่นพลังงาน ข้าได้มาจากพวกมนุษย์กลายพันธุ์ที่สังหารไป”

“พี่นั้นมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำเกินไป ท่านจะต้องเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วไปได้”

“สิ่งนี้ใช้แบบเดียวกับแก่นคริสตัล ส่วนผลลัพธ์นั้น ท่านลองดูก็รู้”

“งั้นลองเลยนะ”

เมื่อเม่ยหลัวหลันได้ยินดังนั้นก็ได้คิดที่จะลองดูในทันที แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร แฟนหนุ่มของเธอก็ได้ฉกไปกับมือ ก่อนที่จะวางมันไว้ในมือพร้อมปิดตาและดูดซับพลังงานใสแผ่นแก่นพลังงานนี้

คนอื่นในตอนนี้มีท่าทีตื่นๆเล็กน้อยและจ้องมองราวกับกำลังลุ้นระทึก ไม่นาน เขาก็ได้เปิดตากว้างและเปิดปากพูดออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี “หลัวหลัน แผ่นแก่นพลังงานของกัปตันนี่สุดยอดไปเลย”

“เทียบกับแก่นคริสตัลแล้วนั้นมันดีกว่ามากจนบอกไม่ถูกเลย”

“กัปตัน ท่านมีอีกรึเปล่า”

เฉินเฉียงที่เห็นเองก็ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะนำแผ่นแก่นพลังงานอีกยี่สิบแผ่นออกมา ก่อนที่จะส่งให้เม่ยหลัวหลันไป

ถึงแม้เฉินเฉียงจะรู้สึกน้อยใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อยู่บ้างเพราะว่านี่เป็นการแสดงออกว่าเขานั้นยังไม่ได้เชื่อใจในตัวเฉินเฉียงมากนักก็ตาม

แต่กระนั้น หากมองในมุมกลับแล้วมันก็ยังสมเหตุสมผลอยู่ดี แต่ยังไงซะสำหรับเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี นั่นก็เพราะการที่พวกเขากลัวว่าแผ่นแก่นพลังงานที่เขาเอามาให้จะทำให้เกิดสิ่งปกติของเขา แต่กระนั้นก็ยังยอมให้เม่ยหลัวหลันรองดูอยู่ดี

เพียงหลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าแผ่นแก่นพลังงานนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ นี่ทำให้ท่าทางของทุกคนที่มีต่อเฉินเฉียงเปลี่ยนไป

“พี่เม่ย แผ่นแก่นพลังงานนี้เพียงแผ่นเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ท่านนั้นเปิดจุดตันเถียนลับได้อย่างน้อยก็สองจุด และนี่ย่อมเพียงพอต่อการข้ามระดับขั้นการบ่มเพาะของท่านจนเป็นระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้”

“ส่วนที่เหลือนั้นก็แบ่งให้ทุกคนแล้วกัน”

“แล้วก็จดจำไว้ว่าหากได้พบเจอพวกมนุษย์กลายพันธุ์อีก พวกมันสมควรจะมีแผ่นแก่นพลังงานนี้อยู่ในแหวนอย่างน้อยๆก็คนละหนึ่งแผ่น อย่าได้ไปโยนมันทิ้งเป็นอันขาด”

“ของสิ่งนี้แม้แต่พวกมันเองก็ยังได้รับมาอย่างยากเย็น”

เม่ยหลัวหลันได้พยักหน้ารับในทันทีก่อนจะรีบแบ่งแผ่นแก่นพลังงานนี้ให้กับทุกคน

เมื่อถึงตาจางหยวนและเจิ้งยี่ ทั้งสองมีท่าทีลังเลก่อนที่จะบอกปฏิเสธออกมาในที่สุด

เฉินเฉียงได้ถอนหายใจอย่างหนักออกมาในทันทีเมื่อเห็นฉากนี้

“จางหยวน เจิ้งยี่ ข้ารู้ดีว่าเจ้าทั้งสองยังเคลือบแคลงในตัวข้า แต่อย่าได้หลงลืมไปว่าพวกเจ้านั้นต้องเผชิญหน้ากับอันตรายในไม่ถ้วนในเขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้”

“หากว่าข้าไม่อยู่ที่นี่ พวกเจ้าต้องเป็นคนปกป้องทุกคน”

“แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้านั้น พวกเจ้าจะมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยให้ทุกคนต้องบาดเจ็บอีกครั้ง ไม่สิแม้แต่ต้องตกตายเช่นนั้นรึ”

“หึ”

เฉินเฉียงที่พูดออกมาตั้งมากมายนั้นแต่กลับได้รับเสียงเชิดใส่จากเจิ้งยี่เพียงเท่านั้น

“ศิษย์น้องเล็ก ช่างพวกเขาเถอะน่า ไอ้พวกนี้มันก็แค่คนที่ไม่รับฟังความจริงเพียงเท่านั้น”

กัวเหลียงได้ดึงเฉินเฉียงให้กลับเข้ามารวมกลุ่มกับคนอื่นก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อ

“ศิษย์น้องเล็ก บอกข้ามาหน่อยสิว่าตกลงว่าเจ้านั้นเป็นอะไรกันแน่ แล้วปีก….”

ก่อนที่กัวเหลียงจะได้ถามช เฉินเฉียงได้หันไปมองยังชายป่าที่อยู่ด้านขวาในทันที

“มีอะไร” กัวเหลียงได้ถามออกมาอย่างเคร่งขรึม

“มีคนมาที่นี่” เฉินเฉียงตะโกนออกมาดังลั่น

นี่ทำให้ทุกคนที่ได้ยินได้ยืนขึ้นมาอย่างร้อนรนก่อนที่จะมองไปทิศทางที่เฉินเฉียงมองอยู่

ไม่กี่นาทีต่อมา กลุ่มคนประมาณสิบห้าไม่ก็สิบหกคนได้ปรากฏตัวขึ้นในครรลองสายตาของทุกคน

หลังจากมองหน้ากันแล้ว หลิวไฮ่ได้หัวเราะออกมาเป็นคนแรกอย่างดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่าไม่มีอะไรหรอกน่า ทุกคน พวกเขาเองก็เป็นคนของตึกจอมพลเหมันต์ของพวกเรา”

จางหยวนที่เห็นอีกฝ่ายแล้วก็มีท่าทีอ่อนลงด้วยเช่นกัน

“โย่ว นั่นมันกองกำลังเทียนเว่ยของตึกจอมพลเหมันต์จันทราไม่ใช่รึนั่น”

“พี่ชายจางหยวน นี่ท่านบาดเจ็บงั้นรึ”

จางหยวนได้เดินเข้าไปหาคนที่พูดและสบถออกมาอย่างเย็นชา “ลีปิง กองกำลังของเจ้ามีเพียงเท่านี้เองรึ และคนอื่นล่ะ ”

คนคนนี้คือลีปิง เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ดูอ่อนเยาว์อย่างมาก เมื่อได้ยินคำถามของจางหยวนแล้วเขาก็ได้ถถอนลมหายใจออกมา

“เฮ้อ ให้ข้าพูดตรงๆเลยนะพี่จางหยวน พวกเรานั้นพึ่งจะพบเจอกับมนุษย์กลายพันธุ์มาก่อนหน้านี้และนั่นทำให้กองกำลังของข้าเสียหายอย่างหนัก หลังจากสู้ไปกว่าวัน จากพวกข้าที่มีอยู่เจ็ดสิบคนเหลือเพียงสิบหกคนที่เหลือรอดมาได้”

เมื่อจางหยวนได้ยินเรื่องนี้ทำให้เขานั้นมีใบหน้าที่มืดครึ้มในทันใด

“ศิษย์น้องเล็ก มีอะไรรึ” กัวเหลียงที่สังเกตเห็นท่าทางไม่สู้ดีของเฉินเฉียงก็ได้ไปยืนข้างหลังและรีบสะกิดถาม

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่ได้ตอบ ก่อนที่จะเดินไปหาคนที่ชื่อลีปิง

“เอ่ออออ นี่คือ…..”

เมื่อเห็นเฉินเฉียงเดินมาอย่างไม่เป็นมิตร ลีปิงก็รีบชี้ไปที่เฉินเฉียงและถามจางหยวนออกมา

จางหยวนในตอนนี้ปากกระตุกในทันที เขานั้นกำลังคิดอยู่ว่าจะแนะนำเฉินเฉียงยังไงดี แต่เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้ซัดฝ่ามือใส่ลีปิง

——————–

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน