ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 273 ตัวตนแห่งราชาสวรรค์

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 273 ตัวตนแห่งราชาสวรรค์

ราชาสวรรค์ได้ส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งลึก “ไม่ล่ะ ข้าจะไปเอเวอเรส”

“ถึงเฉินเฉียงจะไม่สามารถยกระดับการบ่มเพาะไปได้อีกในอนาคต แต่เขานั้นถือครองความลับของเขตแดนจักรพรรดิอยู่ ยังไงซะเขาต้องตกเป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน กับเรื่องนี้ ข้าเพียงคนเดียวคงไม่อาจช่วยเขาได้ ข้าต้องหาทางอื่นช่วยเขาในเรื่องนี้”

“หยานเสวี่ย หลังจากเจ้าพบเจอเฉินเฉียงแล้วก็คอยอยู่กับเขาไปก่อนล่ะ”

หลังจากได้มองหยานเสวี่ยจากไปแล้ว ราชาสวรรค์ก็เปลี่ยนทิศทางไปยังเทือกเขาเอเวอเรส

แต่เพียงเขาได้เริ่มบินออกไป สองร่างก็ได้ปรากฏขวางหน้าเขาไว้

“หลินไฮ่หวังเรอะ”

หลังจากเห็นหน้าหนึ่งสองคนนี้แล้ว ราชาสวรรค์ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าหลินไฮ่หวังหาตัวช่วยในการต่อกรกับเขา

“ผู้อาวุโสหลี่ นี่หมายความว่ายังไง”

คนที่อยู่กับหลินไฮ่หวังนั้นคือผู้อาวุโสหลี่แห่งสภาผู้คุมกฎ เขานั้นอยู่ในระดับเทียบเท่ากับราชาจอมพลขั้นกลาง

“หมายความว่าไงรึ ฮึ่ม ราชาสวรรค์ ราชาผู้นี้ยอมรับว่าไม่อาจเทียบเคียงเจ้าได้ แต่ในเมื่อผู้อาวุโสหลี่อยู่ที่นี่แล้ว ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะทำอะไรได้อีก”

ผู้อาวุโสหลี่ได้ยกมือขึ้นห้ามหลินไฮ่หวังให้หุบปากไป ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มแล้วพูดออกมา “ราชาสวรรค์ หลินไฮ่หวังรายงานข้าว่าลูกศิษย์ของเจ้าที่ชื่อหลิวหลาง…ไม่สิ สมควรจะเรียกเฉินเฉียงถึงจะถูก เขานั้นออกมาจากเขตแดนจักรพรรดิมาแล้วไม่ใช่รึ”

“หรือจะให้บอกว่าไอ้ตอนที่เปิดเขตแดนจักรพรรดิในตอนนั้นเขาก็ออกมานานแล้วใช่รึเปล่า”

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนกัน ข้ามีคำถามต้องการจะถามเขา”

“ข้าจะเห็นแก่ว่าเขาเป็นคนของเจ้า ข้ารับรองว่าข้าจะไม่ทำให้เขาถึงแก่ชีวิต”

ในตอนนี้ราชาสวรรค์หัวเราะออกมาในทันที ก่อนที่จะพูดออกมา “ผู้อาวุโสหลี่ หากท่านต้องการจะไปหาเฉินเฉียงล่ะก็คงต้องไปหาเขาเองแล้วล่ะ ท่านจะมาถามหาที่ข้าทำไม”

“กล้าดียังไง ราชาสวรรค์ เจ้ากล้ามีท่าทีแบบนี้ต่อผู้อาวุโสหลี่อย่างนั้นรึ” หลินไฮ่หวังที่อยู่ข้างๆได้ตะคอกออกมาอย่างขุ่นเคือง “เมื่อผู้อาวุโสหลี่อยู่ที่นี่แล้ว เจ้านั้นยังกล้าที่จะทำตัวโอหัง นี่เจ้าไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเลยสินะ”

“ไอ้เฉินเฉียงนั่น ข้าเห็นกับตาว่าเจ้าพาเขาเข้าไปในโลกใบเล็กของเจ้ากับตาตัวเองคู่นี้ แค่เจ้าส่งเขามาให้ข้าแค่นั้นก็จบแล้ว”

ราชาสวรรค์ยักไหล่ให้หนึ่งที พร้อมพูดออกมาด้วยท่าทางที่ช่วยไม่ได้ “กับเรื่องนี้ตัวข้าคงต้องเสียใจกับเจ้าด้วยนะ เฉินเฉียงนั้นได้ฝ่าโลกใบเล็กของข้าออกมา แม้แต่ข้าในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเขานั้นอยู่ที่ใด”

“ฝ่าออกมาเรอะ ออกมาจากโลกใบเล็กของเจ้าเนี่ยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า ราชาสวรรค์ เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสหลี่เป็นเด็กน้อยที่เชื่อทุกคำพูดของเจ้ารึไงกัน”

“กับอีแค่นักรบทักษะพิเศษขั้นสูงอย่างมันเนี่ยนะ ขนาดระดับราชาเหนือมนุษย์หรือแม้แต่ราชาทักษะพิเศษ เมื่อหลุดเข้าไปแล้วก็ยังไม่อาจหลุดออกมาได้หากเจ้าของโลกใบเล็กยังไม่อนุญาตเลย”

“จะมีอยู่ทางเดียวที่มันออกมาได้คือเจ้าตายไปแล้ว”

“แต่เจ้าก็ยังอยู่ดีไม่ใช่รึไง”

และเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หลินไฮ่หวังก็ได้หันไปผู้อาวุโสหลี่แล้วพูดออกมา “ผู้อาวุโสหลี่ ดูเหมือนว่าราชาสวรรค์นั้นต้องการแข็งข้อกับท่าน มีเพียงพวกเราต้องลงมือและบังคับให้เขาเปิดโลกใบเล็กออกดูเพียงเท่านั้น”

ราชาสวรรค์เมื่อได้ยินแล้วก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โฮ่…. ผู้อาวุโสหลี่ นี่ท่านต้องการจะตรวจสอบโลกใบเล็กของข้างั้นรึ”

ผู้อาวุโสหลี่ได้พูดออกมาด้วยท่าทางไม่แยแส “ราชาสวรรค์ จะดีกว่าหากเจ้าไม่บังคับให้ข้าต้องลงมือ เจ้าก็รู้ หากข้าเป็นคนลงมือเอง ยังไงซะเจ้าก็ต้องมอบมันให้ข้าต่อให้เจ้าไม่ยอมก็ตาม”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ราชาสวรรค์นั้นไม่ได้คิดจะหลบหนีหรือต่อต้านแต่อย่างใดเมื่อได้ยิน เขานั้นเพียงหัวเราะอย่างดังลั่นเพียงเท่านั้น “ผู้อาวุโสหลี่ ท่านอย่าได้หลงลืมไปว่าในตอนที่ข้าเข้าร่วมสภาผู้คุมกฎนั้น ทางสภาได้ให้คำมั่นกับข้าว่าจะให้ข้า ราชาสวรรค์ผู้นี้ ทำอะไรก็ได้ตามใจนึก”

“แล้วเพียงแค่ท่านเนี่ยนะที่คิดตัดสินใจเรื่องนี้ ต่อให้ทั้งสภาผู้คุมกฎมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ล่ะก็ ข้าว่าพวกเขาคงไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่มย่ามกับของส่วนตัวของข้าเลยกระมัง”

“เจ้า เจ้า ไอ้ราชาสวรรค์ แกมันจะโอหังเกินไปแล้ว” หลินไฮ่หวังนั้นไม่คิดว่าราชาสวรรค์จะได้ตัวราวกับไม่แยแสต่อหน้าผู้อาวุโสหลี่ได้ถึงขนาดนี้ เขาชี้ไปที่ราชาสวรรค์อย่างจงเกลียดจงชัง ก่อนที่จะหันไปหาผู้อาวุโสหลี่

เมื่อผู้อาวุโสหลี่ได้ยิน เขาก็ได้ก้มหน้านิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็หนักแน่นราวกับตัดสินใจเรื่องสำคัญได้

“มันก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ราชาสวรรค์ ในตอนที่เจ้าเข้าร่วมกับพวกเรานั้น พวกเราให้สิทธิอำนาจที่ล้นเหลือกับเจ้า และให้อิสระกับเจ้าอย่างเต็มที่ก็จริง

แต่กับเรื่องของเฉินเฉียงผู้นี้ เพียงแค่มันเกี่ยวพันกับความลับของเขตแดนจักรพรรดินั่น ข้าเชื่อว่าการตัดสินใจของข้านั้นดีพอที่จะเป็นการตัดสินใจแทนเผ่าพันธุ์”

หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสหลี่ก็ได้เดินเข้าหาราชาสวรรค์อย่างช้าๆ

เมื่อเห็นดังนี้ คลื่นพลังของราชาสวรรค์ก็ได้หลั่งไหลออกมาจนทำให้ผ้าคลุมสีน้ำเงินของเขานั้นโบกสะบัด ถึงแม้จะไม่มีลมพัดเลยก็ตาม

“ฮื้ม”

ผู้อาวุโสหลี่ที่ก้าวเดินเข้าไปหาราชาสวรรค์ได้สองก้าวนั้นก็พบว่าตรงหน้าเขานั้นมีเขตแดนบางอย่างมาป้องกันเขาไว้ นี่ทำให้เขานั้นหัวเราะออกมาอย่างดูแคลน “หึหึหึ ราชาสวรรค์ ถึงแม้เจ้านั้นจะมีพลังการต่อสู้ที่สูงล้ำ แต่เจ้านั้นก็ไม่อาจจะสู้ข้ามขั้นระดับชั้นได้หรอกนะ”

“ข้าว่าเจ้านั้นสมควรยอมแพ้จะดีกว่า หากว่ากับเพียงเรื่องแค่นี้แล้วทำให้เจ้านั้นต้องเป็นอะไรไป ข้าว่ามันก็คงไม่ดีนัก”

หลินไฮ่หวังที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสหลี่ก็อดที่จะลอบดีใจในหัวใจของเขาเสียมิได้ และนี่จึงทำให้เขานั้นคิดจะเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก “ราชาสวรรค์ เจ้ากล้าที่จะเสียมารยาทกับผู้อาวุโสหลี่ เจ้ามันรนหาที่ตาย”

“ผู้อาวุโสหลี่ ให้ข้าผู้นี้ช่วยท่านอีกแรง”

หลังจากพูดจบ หลินไฮ่หวังได้ใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณที่รุนแรงที่สุดของตนใส่ราชาสวรรค์

แต่ก่อนที่การโจมตีนี้จะถึงตัวราชาสวรรค์ ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาก็ได้ถูกกระตุ้นในทันที ป้องกันการโจมตีนี้ของหลินไฮ่หวังไปได้อย่างง่ายดาย

“ขยะ”

เพียงราชาสวรรค์สบถออกมาดังๆก็ทำให้หลินไฮ่หวังนั้นกระเด็นไปไกลกว่าพันกว่าเมตร

“ราชาสวรรค์ บังอาจ”

ผู้อาวุโสหลี่นั้นเมื่อเห็นว่าหลินไฮ่หวังถูกดีดกระเด็นออกไปไกลก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเคือง เขาได้ปลดปล่อยพลังจากโลกใบเล็กของตนถาโถมเข้าใส่ร่างของราชาสวรรค์ราวกับคลื่นยักษ์

ท้ายที่สุด ด้วยการที่ระยะห่างของระดับชั้นต่างกัน ทำให้ราชาสวรรค์เองไม่อาจต้านทานได้นานนัก จนต้องถอยร่นออกไปหลายร้อยเมตรอย่างไม่หยุด

ถึงแม้ในตอนนี้มุมปากของราชาสวรรค์จะมีเลือดไหลออกมาจากอาการบาดเจ็บภายใน แต่เขานั้นก็ยังไม่มีท่าทีที่จะอ่อนข้อ กลับกัน เขาได้ยืดหลังตนและพยายามยื้อต้านทานพลังนี้ไว้อีกหลายหน

“ราชาสวรรค์ ทำไมเจ้านั้นต้องกล้าแข็งข้อกับข้าเพียงแค่ไอ้ลูกกระจ๊อกตัวนั้นของเจ้า จงฟังคำเตือนของข้า ส่งตัวไอ้เด็กนั่นมาซะ”

“ฮึ่มมม ข้า ราชาสวรรค์ผู้นี้ ไม่ได้แข็งข้อแต่อย่างใด”

“ผู้อาวุโสหลี่ หากท่านมีความสามารถล่ะก็ ก็จงเข้ามา หาไม่แล้วท่านก็เป็นได้เพียงขยะอีกตนหนึ่ง”

“เจ้า….ฮึ่ม”

ในครั้งนี้ ผู้อาวุโสหลี่โกรธขึ้นมาจริงทำให้เขานั้นยื่นมือออกไปที่พื้นที่ตรงหน้า ก่อนที่จะปล่อยการโจมตีที่รุนแรงพุ่งตรงไปยังราชาสวรรค์

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เมื่อเห็นฉากนี้ ราชาสวรรค์ไม่ได้คิดกลัวแต่อย่างใดแต่กลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เป็นตอนนี้ที่พลังของผู้ที่อยู่ในระดับราชาเหนือมนุษย์ขั้นกลางในโลกใบเล็กของตน เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้อย่างห้าวหาญ

“นี่เจ้ากล้าจะใช้แสงไฟมาสู้กับแสงตะวันและจันทราเลยงั้นรึ ดูเหมือนว่าเจ้านั้นจะมั่นใจตัวเองเกินไปแล้ว”

ผู้อาวุโสหลี่สบถออกมาทีหนึ่งก่อนที่จะผลักมือของตนให้ยื่นตรงเข้าไปอีกครั้ง จากคลื่นพลังที่ต่อต้านกันอยู่ระหว่างราชาทั้งสองนี้เพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ว่าคลื่นพลังของผู้อาวุโสหลี่กำลังดันเข้าไปหาราชาสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ

หลินไฮ่หวังผู้ซึ่งถูกดีดกระเด็นออกมาก่อนหน้านี้นั้น เมื่อลอยตัวกลับมาแล้วเห็นฉากนี้ก็อดที่จะหัวเราะร่าไม่ได้ในทันที

“ราชาสวรรค์ คราวนี้แหละ เจ้าได้ตายสมใจแน่ นับแต่เจ้าเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์ของข้านั้น เจ้านั้นทำตัวยโสโอหังและไม่เห็นใครในสายตามาโดยตลอด สมควรแล้วที่เจ้าต้องโดน”

ราชาสวรรค์ผู้ซึ่งกำลังติดพันการต่อสู้กับผู้อาวุโสหลี่อยู่นั้น เขาได้มองไปที่หลินไฮ่หวังด้วยสายตาที่เย็นชาปราดหนึ่ง แต่ก็เป็นตอนนี้ที่เขาสัมผัสได้ถึงความห่างชั้นของผู้อาวุโสหลี่และตนเอง

-ดูเหมือนว่าเรื่องในวันนี้ยากที่จะจบลงโดยไม่เจ็บตัวสินะ-

เมื่อคิดขึ้นมาแบบนี้แล้ว หัวใจของราชาสวรรค์ก็ได้เต้นระรัวขึ้นมา

เป็นตอนนี้ที่มีสัญลักษณ์บางอย่างที่เป็นรูปสามเหลี่ยมสีเทาปรากฏตรงหน้าของราชาสวรรค์ มันค่อยๆเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วคั่นกลางระหว่างจุดปะทะระหว่างคลื่นพลังของราชาทั้งสองจนบังเกิดเสียงเรียวเล็กแหลมจนเสียดหู

เมื่อผู้อาวุโสหลี่ได้เห็นสัญญาลักษณ์นี้อย่างชัดเจนว่าสัญญลักษณ์นี้ลอยออกมาจากโลกใบเล็กของราชาสวรรค์

และเมื่อสัญญาลักษณ์สามเหลี่ยมนี้หยุดหมุนลง มันได้ลอยไปอยู่เหนือหัวของราชาสวรรค์โดยลอยอยู่เหนือหัวของเขาสามเมตร

“ห่าเหวอะไรวะนั่น”

หลินไฮ่หวังที่กำลังดีใจอยู่นั้น ในตอนนี้เขาได้หัวเราะค้างพลางจ้องมองที่สัญลักษณ์นี้อย่างตกตะลึง

ในตอนที่ ผู้อาวุโสหลี่ได้จ้องมองไปที่สัญลักษณ์นี้ คลื่นพลังที่ถาโถมของเขาก็ค่อยๆหยุดลงด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่สัญลักษณ์พลางมองสลับไปที่ราชาสวรรค์ด้วยสายตาเย็นชาแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

“ผู้อาวุโสหลี่ ทำไมท่านถึงไม่ฆ่าไอ้ตัวทรยศนี้อีกกัน”

“ฮึ่ม คนเช่นข้าจะเป็นให้คนเยี่ยงเจ้ามาคอยสั่งคอยสอนรึไง”

หลังจากรับรู้ถึงความเดือดดาลของผู้อาวุโสหลี่ที่มีต่อตนโดยไม่แม้แต่ต้องมองตานี้แล้ว หลินไฮ่หวังเองไม่มีทางเลือกทำได้เพียงหุบปากของตนลงไปอย่างไม่อยาก ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปยังแผ่นสามเหลี่ยมสีเทาที่ลอยอยู่เหนือหัวของราชาสวรรค์ด้วยท่าทางงุนงง

นั่นก็เพราะผู้อาวุโสหลี่เพียงเมื่อเห็นแผ่นป้ายนี้ก็ต้องถอนกำลังของตนออกในทันที แผ่นห้อยนี้นั้นช่างน่าฉงนนัก

หลังจากถ่มเลือดออกมาคำหนึ่งแล้ว ราชาสวรรค์ก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทีสงบ “ผู้อาวุโสหลี่ หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ราชาผู้นี้ขอตัว”

แม้แต่หลังราชาสวรรค์หายตัวไปแล้ว ผู้อาวุโสหลี่เองนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนท่าทางของตนแต่อย่างใด

“ผู้อาวุโสหลี่ แผ่นป้ายของไอ้ราชาสวรรค์นั่นมันคืออะไรกัน”

“ฮุยตู๋”

ผู้อาวุโสพูดออกมาสั้นๆเพียงสองคำ ก่อนจะถอดถอนลมหายใจออกมายาวๆ แล้วหันหลังหายตัวไปในทันที

“ฮุยตู๋…เหรอ….นี่”

แม้ผู้อาวุโสหลี่จากไปแล้ว แต่หลินไฮ่หวังนั้นกลับทำได้เพียงนิ่งอึ้งไปเท่านั้น

สำหรับผู้ที่อยู่ในระดับราชานั้นไม่มีใครไม่รู้จักความทรงพลังของฮุยตู๋อย่างแน่นอน

เขาไม่คิดว่าราชาสวรรค์จะมีความเกี่ยวข้องกับฮุยตู๋มาก่อน นี่ราชาสวรรค์เกี่ยวอะไรกับฮุยตู๋กัน

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาในตอนนี้รับรู้เพียงพอว่าหลังจากนี้ไปนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาสวรรค์ เขาจะไม่หาเรื่องอีกอย่างแน่นอน

นั่นก็เพราะ แม้แต่ผู้อาวุโสหลี่แห่งสภาผู้คุมกฎยังไม่กล้าที่จะทำอะไรราชาสวรรค์ แล้วกับอีกแค่ราชาตัวน้อยๆอย่างเขาจะกล้าทำอะไรราชาสวรรค์ได้อีก

หากเขาคิดทำอย่างนั้นจริงก็ไม่ได้ต่างไปจากการรนหาที่ตาย

ถึงแม้จะไม่อยาก แต่หลินไฮ่หวังนั้นตัดสินใจแล้วว่าจะลามือจากเรื่องนี้

…..

อีกฟากฝั่งหนึ่ง เฉินเฉียงนั้นเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากการติดตามของราชาสวรรค์ เขาจำต้องตัดใจจากดาบดั้นเมฆ เพื่อที่จะตัดจากการตรวจจับของหยานเสวี่ยให้ได้

เพราะทักษะเคลื่อนย้ายมิติของราชาสวรรค์นั้นสามารถรับรู้การคงอยู่ของเขาได้ด้วยสิ่งนี้ได้ทุกเมื่อ เฉินเฉียงเองที่ไม่มีทางเลือกจนต้องเผ่าผลาญแก่นสายเลือดของตนเพื่อเพิ่มพลังและความเร็วให้เหนือขีดจำกัด และในตอนนี้หลังจากที่บินทิ้งห่างมากว่าสองร้อยกิโลเมตรแล้วนั้น ท้ายที่สุดเขาก็มั่นใจได้ว่าราชาสวรรค์ไม่อาจตามเขามาได้อีก

แต่การเผาผลาญแก่นสายเลือดนี้ ตอนที่ราชาสวรรค์สอนเขามานั้น เขาได้สำทับออกมาว่าต้องไม่ใช้มันจนกว่าจะขึ้นไปถึงระดับราชา

หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ นับจากนี้ เฉินเฉียงจะไม่อาจจะก้าวเข้าสู่ระดับราชาได้ชั่วชีวิต

แต่กระนั้น เฉินเฉียงยังเชื่อมันในความมหัศจรรย์พันลึกในระบบย่อยสลายซากของตนอยู่ดี ต่อให้เขาต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับแก่นสายเลือดจนไม่อาจจะก้าวข้ามขั้นระดับการบ่มเพาะ เขาก็เชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไข

ยิ่งไปกว่านั้นคือ การที่เขาช่วยเว่ยหยวนตี้ในครั้งนี้นั้น ไม่เพียงเห็นแก่หน้าของฉิงเชิน แต่เขานั้นยังต้องการฟังสาเหตุการตายของพ่อของตนจากปากเว่ยหยวนตี้

การที่เฉินเฉียงใช้การเผาแก่นสายเลือดนี้ ไม่เพียงจะเหนือกว่าการข้ามมิติของราชาสวรรค์แล้ว มันยังไปเตะตาเว่ยหยวนตี้อีก

ในตอนที่เขาได้เห็นร่างของเฉินเฉียงเปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้านี้ เขาก็รู้ดีว่าเฉินเฉียงทำอะไรออกไป

และนี่ทำให้เขานั้นนึกฉงนงงงวยกับการตัดสินใจของเฉินเฉียงพลางโล่งใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ด้วยความเร็วขนาดนี้ แม้แต่ราชาสวรรค์ก็ไม่อาจจะหากเขาได้พบ ในที่สุด ชีวิตของเขาก็ได้ปลอดภัยสักที

หลังจากบินอยู่ร่วมสิบวัน เฉินเฉียงและเว่ยหยวนตี้ ในที่สุดก็ได้กลับมาถึงภาคกลาง

ที่ทะเลสาบเรือนกระจก

เฉินเฉียงได้วางเว่ยหยวนตี้ลง ก่อนที่จะสำรอกเลือดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ

“กัปตัน”

จางหยวนและสมาชิกกองกำลังเทียนเว่ยคนอื่นที่รออยู่ก่อนแล้วนั้นถึงกับหน้าเปลี่ยนสีในทันทีที่เห็นฉากนี้ ทุกคนต่างรีบเร่งเข้ามาดูอาการของเฉินเฉียง

“กัปตัน เกิดอะไรขึ้นกัน แล้วทำไมผู้การเว่ยถึงได้บาดเจ็บขนาดนี้อีก”

“กัปตันของพวกเจ้านั้นได้เผาผลาญแก่นสายเลือดของตนเพื่อช่วยข้า อาการบาดเจ็บของเขานั้นย่อมไม่น้อยอย่างแน่นอน” เว่ยหยวนตี้ได้มองไปที่เฉินเฉียงพลางพูดออกมาราวกับไม่แยแสในสิ่งที่เกิดขึ้น

“ห้ะ เผาผลาญแก่นสายเลือดเนี่ยนะ” จางหยวนและเจิ้งยี่ต่างก็หน้าถอดสีและตื่นตระหนกในทันทีที่ได้ยิน

“ศิษย์น้องรัก นี่เจ้ารู้รึเปล่าว่ามันหมายความว่ายังไงกัน” กัวเหลียงที่เข้าไปพยุงเฉินเฉียงอยู่ในตอนนี้ส่ายหัวไปมาพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงไหล

“ศิษย์น้อง พวกเรานั้นต่างก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่อาจารย์ฮู่ภูมิใจที่สุดในชีวิต ทำไมเจ้าต้องตัดอนาคตตัวเองเช่นนี้ด้วย”

“แล้วข้าควรทำยังไงดี”

“ผู้การเว่ย ท่านรู้วิธีแก้ไขอาการบาดเจ็บของเขารึเปล่า”

เมื่อเห็นท่าทางของจางหยวนแล้วนั้น เว่ยหยวนตี้ก็ทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจ “เฮ้ออออ ข้าในตอนนี้จะไปทำอะไรได้กัน ตอนนี้สภาพของข้าก็ไม่ได้ต่างกันนัก”

เมื่อเจิ้งยี่และคนอื่นๆได้ยินต่างก็ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นพร้อมใบหน้าที่ไร้เรี่ยวแรง

“ใครกัน ใครกันที่ทำให้แม้แต่ท่านเว่ยบาดเจ็บขนาดนี้ แม้แต่กัปตันของเราก็พลอยบาดเจ็บไปด้วย”

“มันคือราชาสวรรค์” เว่ยหยวนตี้ในตอนนี้ที่นึกถึงราชาสวรรค์ขึ้นมาก็นึกกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ ราชาผู้นั้นไม่เพียงจะทำลายโลกใบเล็กของเขาแล้ว เขายังสั่นคลอนจิตใจของเขาอีก

“ราชาสวรรค์…ห้ะ เป็นไปได้ยังไงกัน”

จางหยวนและพวกนั้นต่างก็มองไปที่เฉินเฉียงอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วถามออกมา “กัปตัน ไม่ใช่ว่าราชาสวรรค์….”

จางหยวนและพวกที่กำลังจะถามออกมานั้นก็สังเกตเว่ยหยวนตี้ว่าอยู่ที่นี่ และนี่ทำให้ทุกคนเงียบปากไป

แต่เมื่อเว่ยหยวนตี้นั้นเมื่อเห็นฉากนี้ก็ตกตะลึงในทันที

ดูเหมือนว่าสมาชิกในกองกำลังเทียนเว่ยนั้นจะรับรู้ถึงตัวตนของเฉินเฉียงมานานแล้ว แถมยังรู้ลึกซึ้งถึงขั้นความสัมพันธุ์ระหว่างราชาสวรรค์และเฉินเฉียงเสียอีก

แต่กระนั้น เว่ยหยวนตี้กำลังทำท่าราวกับไม่ได้รับรู้ในเรื่องนี้ แล้วพูดออกมา “หลานชายเฉินเฉียง ตอนนี้พวกเราทั้งคู่ต่างก็เจ็บหนัก จะดีกว่าหากพวกเรานั้นติดต่อผู้อาวุโสที่อยู่ในเขาโชวหยาง เป็นไปได้ว่าท่านผู้อาวุโสฮั่นจะมีทางรักษาพวกเราได้”

“ดี กัปตัน ท่านเว่ย รออยู่นี่ก่อน ข้าจะรีบไปส่งข้อความให้คนของเขาโชวหยางมาช่วยเดี๋ยวนี้”

“จางหยวน หยุด”

เฉินเฉียงได้ปาดเลือดที่มุมปากก่อนจะเรียกให้จางหยวนกลับมา

นี่แสดงให้เห็นว่าคนในกองกำลังเทียนเว่ยนั้นไม่ได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสงครามเขตจิ้งชวนแม้แต่น้อย

ไม่อย่างนั้นทุกคนคงจะอิดออดต่อข้อเสนอของเว่ยหยวนตี้อย่างแน่นอน

และหากพวกผู้อาวุโสจากสภาสูงภาคกลางมาถึงที่นี่จริงๆล่ะก็ สิ่งแรกที่พวกนั้นจะทำคือการจับกุมเฉินเฉียง

ด้วยการที่จางหยวนยังไม่รู้เรื่องนี้ เขาจึงได้ถามออกมาอย่างสงสัย “กัปตัน ท่านเว่ยนั้นก็พูดออกมาถูกต้องแล้วนี่ เป็นไปได้ว่าคนจากสภาสูงน่าจะหาวิธีช่วยเหลือท่านจากการเผาผลาญแก่นวิญญาณนี้ได้”

เฉินเฉียงได้หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ “จางหยวน หากเจ้าอยากให้ข้าตายด้วยน้ำมืออาวุโสสูงพวกนั้นก็ไปตามมาได้เลย”

“ท่านหมายความว่ายังไงกัน” จางหยวนยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยิน “กัปตัน ถึงแม้ท่านจะมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อาวุโสฮั่นแต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แถมในตอนที่ศึกจิ้งชวนนั้น พวกเราก็ยังสังหารองครักษ์ฉีได้อีก ไหนจะการที่สังหารผู้นำทัพที่เป็นนายพลทักษะพิเศษพลังจิตนั่นด้วย”

“นั่นสิ กัปตัน ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเพื่อช่วยผู้การเว่ยแล้วยังถึงกับตัดอนาคตตัวเองแบบนี้ ข้าเชื่อว่าเพียงเรื่องนี้ผู้อาวุโสฮั่นคงไม่คิดจะฆ่าท่านอย่างแน่นอน”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน