ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 335 สัมผัสภายนอก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บท​ที่​ 335 สัมผัส​ภายนอก​

มัน​ไม่มีทางเลือก​อื่น​อีกแล้ว​

ถึงแม้ว่า​ระดับ​การบ่ม​เพาะ​ของ​หลิว​ฉางเชิงจะไม่ได้​สูง แต่​เขา​ก็​ยัง​รู้เรื่อง​นี้​ดี​

หากว่า​ผู้​ทรงพลัง​ตรงหน้า​เขา​ต้องการ​จะฆ่าเขา​ล่ะ​ก็​ แต่​ให้​เขา​อยาก​จะหนี​ก็​ไม่มีโอกาส​ที่จะ​หนี​ไป​ได้​

และ​นี่​ทำให้​เขา​ทำได้​เพียง​คุกเข่า​ลง​เพื่อ​ร้องขอ​ความเมตตา​

เฉิน​เฉียง​เดิน​ไป​ที่​โต๊ะ​ช้าๆก่อนที่จะ​เขียน​ข้อมูล​ทั้งหมด​ที่​เขา​จะยืม​ ก่อนที่จะ​นำ​เหรียญ​ม่วง​หนึ่ง​เหรียญ​ออกมา​แล้ว​หัน​ไปหา​หลิว​ฉางเชิง

“ผู้จัดการ​หลิว​ เหรียญ​ม่วง​นี่​เพียงพอ​หรือไม่​”

“พอ​ครับ​พอ​เพียงพอ​อย่าง​ที่สุด​”

หลิว​ฉางเชิงพยักหน้า​รับ​และ​หวัง​เพียง​ให้​เฉิน​เฉียง​รีบ​จากไป​

อย่างไรก็ตาม​ เป็น​ตอนนี้​ที่​หัวใจ​ดวง​น้อย​ๆของ​เขา​ก็​ไม่อาจจะ​สงบ​ได้​อีก​

นั่น​ก็​เพราะ​หลังจากที่​เฉิน​เฉียง​เก็บ​หนังสือ​ทุก​เล่ม​และ​ข้อมูล​ทุกอย่าง​กลับ​เข้า​แหวน​ไป​ด้วย​รอยยิ้ม​ ก็​เปลี่ยนเป็น​สีหน้า​เย็นชา​ในทันที​

ถึงแม้ว่า​เขา​นั้น​ไม่ได้​มีสิ่งใด​ที่​น่าประทับใจ​ใน​โลก​ปีศาจ​นี้​เลย​ก็ตาม​

แต่​กับ​คน​เช่น​หลิว​ฉางเชิงนี้​ ไม่ว่า​จะอยู่​ที่ไหน​ก็​เป็น​ขยะ​อยู่ดี​

และ​เขา​เอง​ค่อนข้าง​ที่จะ​พบ​เจอ​คน​เหล่านี้​อยู่​บ่อยครั้ง​จน​ขยะแขยง​พวก​มัน​

เมื่อ​หลิว​ฉางเชิงได้​เห็น​ใบหน้า​เย็นชา​ของ​เฉิน​เฉียง​ หลิว​ฉางเชิงที่​คุกเข่า​อยู่​กับ​พื้น​ก็​มีท่าทาง​ตระหนก​ใน​ทันใด​

เฉิน​เฉียง​ค่อยๆ​เดิน​เข้าไป​หน้า​หลิว​ฉางเชิงอย่าง​ช้าๆ ก่อนที่จะ​วาง​มือขวา​ไว้​บน​หัว​หลิว​ฉางเชิง แล้ว​พูด​ออกมา​อย่าง​ช้าๆ “ทำ​ตัวดี​ๆแล้ว​หลับ​ซะ”

เพียง​เฉิน​เฉียง​พูด​จบ​ประโยค​ หนังตา​ของ​หลิว​ฉางเชิงก็​ค่อยๆ​ปิด​ตัว​ลง​ ก่อนที่จะ​ลง​ไป​นอน​กอง​กับ​พื้น​

เฉิน​เฉียง​ค่อยๆ​วาง​หลิว​ฉางชงลง​ด้วย​ใบ​หน้าที่​ไร้อารมณ์​ ก่อน​จะเดิน​ออกจาก​ห้อง​และ​ปิดประตู​ไว้​ดังเดิม​ แล้ว​เดิน​กลับ​บ้านพัก​ของ​ตน​ไป​

ไม่นาน​จาก​เฉิน​เฉียง​จากไป​ เม่ย​ซิน​และ​ห​ลี่​กวง​ก็ได้​เดิน​ลงมา​พร้อม​ตำรา​และ​ข้อมูล​ต่างๆ​

“ฮื้ม หลิว​ฉางเชิงไป​ไหน​กัน​ แล้ว​ทำไม​ถึงปิดประตู​ล่ะ​”

เม่ย​ซิน​หมาย​ที่จะ​เปิด​ประตู​ห้องพัก​ของ​หลิว​ฉางเชิง แต่​ก็​ถูก​หยุด​มือ​ไว้​โดย​ห​ลี่​กวง​

“น้อง​เม่ย​ซิน​ เจ้าลืม​คำพูด​ของ​ศิษย์​แผนก​วิชา​ยุทธ​เมื่อ​ครู่​ไป​แล้ว​รึ​ไง”

“พวกเขา​บอ​กว่า​บรรณารักษ์​หลิว​นั้น​เป็น​พวก​หื่น​กาม​อย่าง​ที่สุด​ และ​ใน​เมื่อ​ประตู​ปิด​แน่น​เสีย​ขนาด​นี้​ ข้า​เกรง​ว่า​เขา​คงจะ​ทำ​เรื่อง​ไร้ยางอาย​อยู่​กระมัง​”

“เอา​อย่างนี้​แล้วกัน​ ข้า​จะรอ​อยู่​นี่​ ส่วน​เจ้ากลับ​ไป​ก่อน​ เดี๋ยว​ข้า​จะจัดการ​เรื่อง​ขอยืม​เอง​แล้วกัน​”

เม่ย​ซิน​กะพริบตา​อัน​กลม​โต​และ​สวยงาม​ใส่อยู่​พัก​หนึ่ง​ ก่อนที่จะ​เผย​รอยยิ้ม​ยั่วยวน​ออกมา​ให้​กับ​ห​ลี่​กวง​

“พี่ใหญ่​ห​ลี่​กวง​ดี​กับ​ข้า​ที่สุด​เลย​”

หลังจากนั้น​ เธอ​ก็ได้​หมุนตัว​ออกมา​แล้ว​เดิน​จากไป​

ห​ลี่​กวง​ที่​มีเอกสาร​มากมาย​อยู่​ใน​มือ​นั้น​ก็​รอ​อยู่​ด้านนอก​นาน​พอดู​ แต่​นอกจาก​เสียง​แปลก​ๆจาก​ใน​ห้อง​เขา​ก็​ไม่ได้ยิน​เสียง​ใด​อีก​

ยัง​ดี​ที่​มีศิษย์​สำนัก​คนอื่น​ลง​มาจาก​บันได​ใน​ตอนนี้​

ศิษย์​ชาย​คน​หนึ่ง​มอง​ห​ลี่​กวง​ที่​ยืน​อยู่​ด้านนอก​ประตู​ห้องพัก​ ก่อนที่จะ​หัวเราะ​ร่า​แล้ว​เปิด​ประตู​เข้าไป​

แต่​เมื่อ​เปิด​เข้าไป​ พวกเขา​ก็​เห็น​เพียง​หลิว​ฉางเชิงที่​กำลัง​นอน​กรน​อยู่​

“ชู่วววว”​

เมื่อ​เห็น​ฉาก​นี้​ ศิษย์​ที่​อายุ​มาก​ที่สุด​รีบ​จุ๊ปาก​ให้​เงียบเสียง​แล้ว​ให้​ศิษย์​ที่​เปิดประตู​รีบ​ปิดประตู​ลง​อย่าง​เงียบๆ​

“ฮี่ฮี่ ดูเหมือน​ไอ้​เฒ่าลามก​นี่​จะเหนื่อย​จน​หลับ​ไป​แฮะ นี่​ถึงเวลา​ที่​พวกเรา​จะกอบโกย​และ​ประหยัด​เงินได้​แล้ว​ ไป​กัน​เถอะ​”

เมื่อ​พูด​จบ​ ทุกคน​ก็​ทำตัว​ราวกับ​ผึ้ง​แตก​รัง​

เมื่อ​เห็น​ฉาก​นี้​ ห​ลี่​กวง​เอง​ก็​มีท่าที​ลังเล​อยู่​เล็กน้อย​ ก่อนที่จะ​ผสมโรง​ตาม​เขา​ไป​

ถึงแม้ตระกูล​เขา​จะมีเหมือง​แก่น​วิญญาณ​ แต่ยังไง​ซะประหยัด​เงิน​ไว้​ได้​ก็​ยัง​ดีกว่า​เป็น​ไหน​ๆ

หลังจาก​กลับ​ไป​แล้ว​ ห​ลี่​กวง​ก็ได้​นำ​เรื่องราว​นี้​ไป​คุย​กับ​เม่ย​ซินอ​ย่าง​สนุกสนาน​

แต่​ใน​อีก​วัน​ถัดมา​ ข่าวใหญ่​ก็ได้​กระจาย​ไป​ทั่ว​สำนัก​

บรรณารักษ์​ห้องสมุด​ หลิว​ฉางเชิงได้​กลับกลาย​เป็นตัว​โง่งม

“พวก​เจ้าได้ยิน​รึเปล่า​ ไอ้​ตัว​ตำ​บอน​หลิว​ฉางเชิงนั้น​กลับกลาย​เป็นตัว​โง่งมเพียง​ชั่ว​ข้ามคืน​ไป​แล้ว​ ในที่สุด​พื้นที่​ศิษย์​นอก​ของ​พวกเรา​ก็​จะได้​สงบสุข​สักที​”

“สวรรค์​ยังมี​ตา​จริงๆ​ นับแต่​ไอ้​หลิว​ฉางเชิงเข้า​ควบคุม​ห้องสมุด​ ศิษย์​หญิง​มากมาย​ต้อง​เสีย​อนาคต​บ้าง​ก็​ต้อง​ตกนรกทั้งเป็น​เพราะ​ไอ้​เฒ่าระยำ​นั่น​”

“ชู่วววว​ เบา​เสียหน่อย​เว้ย​เฮ้ย​ เรื่อง​นี้​ไม่ได้​เกี่ยวพัน​แค่​ศิษย์​นอก​นะ​วุ้ย​”

“ข้า​ได้ยิน​ว่า​ผู้อาวุโส​ศิษย์​ใน​หลิว​ฉิงหยุ​น​นั้น​ได้​รายงาน​เรื่อง​นี้​กับ​ผอ.​ให้​เร่ง​หา​ความจริง​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​อย่าง​เร่งด่วน​”

“สืบหา​ความจริง​ ยังไง​ล่ะ​วะ​นั่น​ ก็​ไอ้​หลิว​ฉิงหยุ​น​นั่น​มัน​เป็น​คน​วางตัว​หลาน​มัน​เอง​ให้​ก่อกรรมทำเข็ญ​กับ​พวกเรา​ศิษย์​ภายนอก​แล้ว​ยัง​มีหน้า​มาขอ​ความเห็นใจ​อีก​เนี่ย​นะ​”

“ไม่มีใคร​ไป​กล้า​ทำ​อะไร​มัน​หรอก​ เป็น​สวรรค์​นั่นแหละ​ที่​ลงทัณฑ์​มัน​แล้ว​”

“ข้า​เห็นด้วย​กับ​เจ้าใน​เรื่อง​นี้​ว่ะ​”

“ก็​จริง​ พวกเรา​ศิษย์​นอก​ถูก​หลิว​ฉางเชิงสร้าง​ความยากลำบาก​มานาน​ แล้ว​ตอนนั้น​มัน​มัว​ทำ​อะไร​อยู่​ล่ะ​”

“ดัง​คำกล่าว​ที่ว่า​คนชั่ว​ต้อง​จบสิ้น​เพียงลำพัง​จริงๆ​”

“ใน​ฐานะ​ที่​มัน​เป็น​ผู้อาวุโส​สูงสุด​ มัน​ต่างหาก​ที่​ควรจะ​มาขอโทษ​เรา​ใน​เรื่อง​ที่​หลาน​ของ​มัน​ก่อ​เอาไว้​น่ะ​”

“ใคร​จะไป​สน​กัน​ ยังไง​ซะเรื่อง​นี้​ก็​ไม่ได้​เกี่ยว​อะไร​กับ​พวกเรา​แล้ว​ อยาก​สืบ​อะไร​ก็​สืบไป​เถอะ​ ช่างมัน​จะดีกว่า​ ข้า​ว่า​เรา​ไป​หอ​ภารกิจ​เพื่อ​หาเงิน​มาใช้ดีกว่า​น่า​ ดู​สิว่า​มีภารกิจ​ไหน​ที่​น่าสน​บ้าง​ พอ​ได้ยิน​เรื่อง​ดี​ๆแบบนี้​แล้ว​รู้สึก​อยาก​จะหา​ทำ​อะไร​ให้​ชีวิต​มัน​ดีขึ้น​แล้ว​สิ”

ถึงแม้ว่า​เรื่อง​จะเกิดขึ้น​ที่ทาง​ฝั่งของ​ศิษย์​ภายนอก​ แต่​ศิษย์​ทุกคน​ต่าง​ก็​ดีใจ​กัน​ยกใหญ่​จน​ต้อง​เก็บอาการ​เพราะ​กลัว​จะถูก​กล่าวหา​ลาก​เข้าไป​เกี่ยว​

…..

ด้านใน​ของ​สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​

เมื่อ​เห็น​หลิว​ฉางเชิงที่​ใน​ตอนนี้​กำลัง​นอนเล่น​กับ​พื้น​เพื่อ​นับ​มด​ตัว​น้อย​ที่​กำลัง​มองผ่าน​ราวกับ​เด็ก​โง่งมคน​หนึ่ง​ ใบหน้า​ของ​หลิว​ฉิงหยุ​น​นั้น​เต็มไปด้วย​สีหน้าที่​เคร่งขรึม​จน​น่าสะพรึงกลัว​

“ผอ.​ฉี ชาย​แก่​คน​นี้​คิด​ว่า​เรื่อง​นี้​มัน​ช่างน่าแปลก​นัก​”

“ฉางเชิงของ​แค่​ใช้ชีวิต​อยู่​อย่าง​สงบ​ที่​ฝั่งศิษย์​นอก​ แล้ว​อยู่​ๆทำไม​เขา​ถึงกลายเป็น​แบบนี้​ได้กัน​”

“ข้า​ว่า​เรื่อง​นี้​ต้อง​เกี่ยวข้อง​กับ​ไอ้​พวก​ดาวตก​ แล้ว​ส่งใคร​บางคน​มาก่อการ​ ท่าน​จะไม่คิด​สืบสวน​มัน​จริงๆ​รึ​ไง”

ผอ.​ฉีถอนหายใจ​ออกมา​อย่าง​ช่วยไม่ได้​ “ผู้อาวุโส​สูงสุด​ ข้า​เข้าใจ​ความรู้สึก​ของ​ท่าน​นะ​”

“แต่​ข้า​ไม่เข้าใจ​ว่า​ท่าน​เอาเรื่อง​นี้​ไป​โยง​กับ​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​ได้​ยังไง​”

“พวกเรา​นั้น​ถึงแม้จะมีการกระทบกระทั่ง​กัน​อยู่​บ้าง​ แต่​ข้า​ก็​เข้าใจ​นิสัย​คน​ทาง​ฝั่งสำนัก​เต๋า​ดาว​ตกเป็น​อย่าง​ดี​ และ​ไม่มีทาง​ที่​พวก​นั้น​จะทำ​เรื่อง​แบบนี้​ได้​”

“ยิ่งไปกว่านั้น​คือ​หากว่า​พวก​นั้น​ต้องการ​สร้าง​ปัญหา​จริง​ ทำไม​ถึงลงมือ​กับ​ฝั่งศิษย์​นอก​ที่​ไม่ได้​มีความสลักสำคัญ​อัน​ใด​ล่ะ​”

ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​ที่ว่า​พวกเรา​ยัง​ไม่แน่ใจ​ด้วยซ้ำ​ว่า​หลิว​ฉางเชิงโดน​อะไร​ไป​ถึงได้​ตก​อยู่​ใน​สภาพ​นี้​

“นอกจาก​เจ้าและ​ข้า​แล้ว​ ผู้อาวุโส​คนอื่น​ของ​สำนัก​ต่าง​ก็​ออก​ไป​ตรวจสอบ​เรื่องราว​นี้​ให้​ก็​ยัง​ไม่รู้​ด้วยซ้ำ​ว่า​หลิว​ฉางเชิงถูก​ทำร้าย​จน​ตก​อยู่​ใน​สภาพ​นี้​ได้​อย่างไร​”

“ผอ.​ เรื่อง​นั้น​ข้า​ก็​รู้​ แต่​ข้า​ไม่เข้าใจ​ว่า​คนดี​ๆเช่น​เขา​ทำไม​ถึงได้​กลายเป็น​คน​โง่งมแบบนี้​”

“ยัง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​ที่ว่า​ฉางเชิงเป็น​ผู้อาวุโส​ที่​อ่อนด้อย​ที่สุด​อีก​ หาก​เขา​ไม่ได้​ถูก​โจมตี​แล้ว​เขา​จะไป​โดน​อะไร​เข้ากัน​ล่ะ​ถึงได้​กลาย​มาเป็น​แบบนี้​”

ผอ.​ฉีที่​ถูกลาก​มาที่นี่​เพียง​เพราะ​หลิว​ฉิงหยุ​น​นั้น​ต้องการ​ให้​เขา​ทำ​อะไร​บางอย่าง​กับ​เรื่อง​นี้​ราวกับว่า​เขา​ต้อง​รับผิดชอบ​เรื่องราว​นั้น​ ความจริง​แล้ว​เขา​เอือมระอา​กับ​หลิว​ฉางเชิงมานาน​มาก​จน​คิด​จะฆ่าให้​พ้น​ๆไปมา​ตั้ง​นาน​แล้ว​

มีใคร​บ้าง​ใน​ฝั่งศิษย์​นอก​ที่​ไม่สาปส่ง​หลิว​ฉางเชิงกัน​

เขา​นั้น​แม้จะอยู่​ใน​ฐานะ​ผอ.​ เขา​เอง​ก็​ไม่อาจ​ใช้เรื่อง​เพียงเท่านี้​ไป​กดดัน​หลิว​ฉิงหยุ​น​ให้​ทำ​อะไร​ได้​เหมือนกัน​

มาใน​ตอนนี้​แม้จะมีเรื่อง​แบบนี้​เกิดขึ้น​ เขา​กลับ​รู้สึก​โล่งใจ​อย่าง​ที่สุด​

อย่าง​น้อย​ๆเหล่า​ศิษย์​นอก​ของ​สำนัก​เขา​จะไม่ติฉินนินทา​ว่า​เขา​เป็น​ผอ.​ที่​ลำเอียง​เอาใจ​ผู้อาวุโส​สูงสุด​อีกต่อไป​

แต่​ไม่ว่า​ยังไง​ก็ตาม​ หลิว​ฉิงหยุ​น​ก็​ยัง​ถือว่า​เป็น​คนสำคัญ​ของ​สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​อยู่ดี​

แถมหลิว​ฉิงหยุ​น​นั้น​ไม่มีหลาน​คนอื่น​อีก​ จึงเป็นธรรมดา​ที่​เขา​จะรู้สึก​อัดอั้นตันใจ​

เมื่อ​คิดได้​แบบนี้​ ผอ.​ฉีก็ได้​ถอน​ลมหายใจ​แล้ว​พูด​ออกมา​ “ผู้อาวุโส​สูงสุด​ เอา​อย่างนี้​แล้วกัน​ ข้า​จะไป​แผนก​ปรุงยา​แล้วไป​ถามศิษย์​น้อง​เมิ่งหน่อย​ว่า​มียา​ฟื้น​คืน​จิตวิญญาณ​หรือไม่​ เพื่อ​ว่า​มัน​จะรักษา​หลิว​ฉางเชิงได้​”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท