บทที่ 101 ล้างพิษ
สถาปัตยกรรมของเผ่าเงือกค่อนข้างหรูหราและงดงาม นี่ยังไม่รวมถึงกำแพงที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าอย่างมุกสีดำที่ถูกฝังเรียบรางอยู่เต็มไปหมด มีอัญมณีใต้ท้องทะเลเพียงไม่กี่ชนิดที่คู่ควรกับการนำมาสร้างพระราชวัง พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยน้ำทะเล แต่เมื่อเข้าไปในพระราชวังแล้ว กลับไม่มีน้ำซึมอยู่เลยแม้แต่น้อย นี่มันช่างน่าอัศจรรย์ใจโดยแท้
แสงสว่างจ้าห้อยอยู่เหนือตัวบ้าน เกิดจากปลาเรืองแสงที่มารวมตัวกัน จิตรกรรมฝาผนังดูเหมือนจริงและเป็นสามมิติ ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่ามันไม่ใช่ภาพบนฝาผนัง หากแต่เป็นปะการังอันงดงาม
สีเขียวบนกำแพงแสดงถึงความที่ไม่เหมือนใคร มันคือหวายประจำท้องทะเลที่เลื้อยไปบนกำแพง
สุดทางระเบียงทางเดินคือประตูมิติบานใหญ่ ประตูมิติสีดำทำให้คุณอยากรู้ว่าข้างในนั้นเป็นพื้นที่แบบไหน แต่ถ้าเดินเข้าไปมองใกล้ ๆ คุณจะเห็นว่ามันคือเปลือกของหอยแมลงภู่ยักษ์ที่กำลังอ้าปากจนดูเหมือนกับประตูมิติ เมื่อฉู่เหินเดินเข้าข้างในนั้น เขาก็พบเข้ากับที่โล่งกว้างขนาดไม่ต่ำกว่า 20 ตารางเมตร
กระถางดอกไม้ทะเลที่ดูไม่เหมือนใคร มันสะท้อนถึงความงดงามและเอกลักษณ์ของห้องนี้ หินแบน ๆ ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง มันเป็นเตียงหินเตียงเดียวในห้องนี้ การตกแต่งของห้องนี้เรียบง่าย แต่สง่างาม แค่ฉู่เหินมองผ่าน ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหล่านี้
หญิงชราผมขาวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ฉู่เหินเห็นได้ชัดเจนว่าร่างกายของเธอทรุดโทรมมาก ใบหน้าของเธอขาวซีด แต่ยังมีรอยคล้ำอยู่บนหน้าผาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าฉู่เหินถึงกับเคร่งเครียด เขาสรุปได้ทันทีที่เห็นเลยว่าหญิงชราผู้นี้ถูกวางยาพิษ
แสงของไข่มุกดำหลายชิ้นทำให้ห้องที่ดูมืดกลับมามีสีสันมากขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ฉู่เหินรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน
“ผมชื่อฉู่เหิน ขอคารวะท่านผู้อาวุโส” ฉู่เหินกล่าวทักทายเพื่อแสดงความเคารพต่อหญิงชรา ตั้งแต่ฉู่เหินมาที่นี่ เขาคือตัวแทนของมวลมนุษยชาติ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำเสียเรื่อง
“วังเงือกสร้างมากว่าหมื่นปีแล้ว คุณเป็นมนุษย์คนแรกที่มาที่นี่ เมื่อหลายแสนปีก่อน เราเป็นมิตรกับมนุษย์ แต่เปลือกโลกเปลี่ยนแปลงตลอด เราไม่สามารถอยู่บนผืนดินได้อีกต่อไป เราจึงต้องย้ายมาอยู่ใต้ท้องทะเล” หญิงชรากล่าว
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฉู่เหินก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เมื่อแสนปีก่อนมนุษย์ได้ก่อกำเนิดแล้วหรือนี่? และถ้าเทียบกับเชื้อชาติอื่น ในโลกนี้มีมนุษย์สายพันธุ์อื่นด้วยหรือไม่ แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถหาคำตอบได้แล้ว เพราะนั่นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายแสนปีก่อน
“ถึงฉันจะเคยเห็นมนุษย์แต่ในคัมภีร์โบราณ แต่ฉันก็รู้ได้เลยว่าคุณเป็นมนุษย์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่ตอนนี้สิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนไปแล้ว เราไม่สามารถเป็นมิตรกับมนุษย์ได้อีก แต่ในเมื่อคุณมาเพราะความบังเอิญ เราก็ยังจะปฏิบัติกับคุณอย่างดี” หญิงชราพูดต่อ
“ถึงคุณจะบอกว่าได้รับการฝึกฝนมา แต่แรงดันใต้น้ำในท้องทะเลลึกก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทนได้ ฉันอยากรู้ว่าคุณเข้ามาได้อย่างไรและมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร” หญิงชรากล่าวกับฉู่เหินด้วยความระแวง ซึ่งฉู่เหินเอง เขาก็คิดว่านี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ถ้านางเงือกมาเกยตื้นในยุคสมัยนี้ แบบนั้นก็คงกลายเป็นสัตว์ทดลองของสถาบันที่ไหนสักแห่ง สัตว์ประหลาดถูกมองว่าเป็นอัตรายต่อมนุษย์ แม้มันจะยังไม่คุกคามมนุษย์เลยสักนิดก็ตาม
“ในเมื่อคุณถามมา งั้นผมก็จะไม่ปิดบัง ผมใช้สมบัติชิ้นหนึ่งดำลงมาที่ใต้ท้องทะเลลึก มันคือลูกปัดกันน้ำที่ช่วยให้ผมอยู่ใต้น้ำได้อย่างอิสระ ส่วนเรื่องเหตุผลที่มาก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมมาหาสาหร่ายใต้ท้องทะเลลึก แต่ถ้าได้เจอปะการังสวยๆ ด้วยก็เลยยิ่งดี”
หญิงชรามองเห็นความนอบน้อมของฉู่เหิน ตาของเธอมีแววของความเอ็นดู ชายตรงหน้าเธอนั้น เขาดูเป็นคนดีและมีความสุขุมเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น หญิงชราก็ค่อย ๆ บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง มันช่วยคลี่คลายความเข้าใจผิดระหว่างฉู่เหินกับอีกฝ่าย และเมื่อได้ฟังทั้งหมดแล้ว เขาก็เข้าใจ และไม่คิดติดใจอะไร
“ผมคิดว่าคุณน่าจะโดนพิษอะไรสักอย่าง ผมลงทะเลครั้งนี้ได้นำเอายาติดตัวมาด้วย ผมไม่แน่ใจว่าจะถอนพิษได้ไหม แต่อย่างน้อยก็น่าจะบรรเทาได้มากทีเดียว แต่ถ้าท่านผู้อาวุโสไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไรนะครับ”
ฉู่เหินมองหญิงชราที่อยู่ตรงหน้า เขาอยากจะช่วยเงือกชราตรงหน้า แต่เขาก็เห็นแววตาของเธอที่ยังคงแฝงไว้ด้วยความกังขา ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ นี่เป็นเพียงแค่การพบกันครั้งแรกเท่านั้น ถึงเขาอยากจะช่วยอีกฝ่ายจริง แต่ถ้าพวกเขาจะยังไม่ไว้ใจ นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หลังจากส่ายหัว เขาก็เตรียมตัวกลับ
“ผมโชคดีมากที่มีโอกาสได้พบวันนี้ แต่ผมคงไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้แล้ว งั้นยังไงผมจะกลับล่ะครับ” ฉู่เหินหันหลังกลับทันที
“ช้าก่อน คุณมีทางบรรเทาพิษได้จริงเหรอ?” หญิงชรารีบถามเมื่อเห็นว่าฉู่เหินจะกลับ
การเดินทางของฉู่เหินครั้งนี้ เขาได้เตรียมยามาหลายตัว แม้แต่เซรั่มที่ดีที่สุดเขาเองก็พกมาด้วย ถึงชายหนุ่มจะไม่รู้ว่ามันจะสามารถรักษาพิษได้หรือไม่ แต่ถึงจะไม่หายขาด อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง
ฤทธิ์ของเซรั่มสามารถเร่งการเผาผลาญและช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในช่วงเวลาอันสั้น ในกรณีนี้ มันอาจช่วยบรรเทาพิษของหญิงชราได้ ฉู่เหินเห็นว่าหญิงชราคนนี้มีความเมตตา ดังนั้นเขาจึงยอมช่วย
“เซรั่มนี่ได้ผลตอนอยู่บนบก ผมไม่แน่ใจว่าในน้ำมันจะช่วยได้ไหม” ฉู่เหินตอบไปตามตรง
เมื่อหญิงชราได้ยินอย่างนั้น แทนที่เธอจะผิดหวัง แต่ตรงกันข้าม แววตาของเธอกลับเปล่งประกาย เธอสัมผัสได้ว่าคำพูดของฉู่เหินเป็นความจริง ดังนั้นเธอจึงเริ่มสนใจเซรั่มที่ฉู่เหินพูดถึงแล้ว
“สหาย ถ้าช่วยได้ ก็ช่วยฉันเถอะ ถ้าสามารถบรรเทาพิษนี้ได้ เผ่านางเงือกจะเป็นหนี้บุญคุณคุณมาก” หญิงชรากล่าวยืนยันกับฉู่เหิน
“งั้นเดี๋ยวผมจะฉีดเข้าไปให้ แล้วบอกผมนะว่าคุณรู้สึกว่ามันช่วยได้ไหม” ฉู่เหินนำเข็มฉีดยาออกมาจากในแหวนมิติ เขานำขวดเซรั่มออกมา เปิดฝาและน้ำเข็มมาดูดยาเข้าไปในหลอด เมื่อเขาฉีดยาเข้าไปในร่างกายของหญิงชรา เธอก็ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
เธอรู้สึกว่าเมื่อยาถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเธอ พิษที่ทำลายร่างกายของเธอก็หยุดทำงานทันที และมันก็กำลังถูกขับออกจากร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายใน 2-3 วัน พิษคงจะหมด ถึงแม้จะเพียงใช้เวลาเพียงแค่นั้นก็ตาม หากแต่พวกฉลามพิษคงไม่ยอมให้เธอมีเวลาพักฟื้นนานขนาดนั้นหรอก
“สหาย ช่วยฉีดเซรั่มให้ฉันอีกได้ไหม?” หญิงชรามองฉู่เหินด้วยความกระตือรือร้น เธอรู้สึกว่าของแบบนี้ต้องแพงมากแน่นอน เธอรู้สึกโชคดีมากที่ได้เซรั่มนี้มาหนึ่งเข็ม เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อยที่เอ่ยปากขอมากเกินควร
“ผู้อาวุโส คุณจะฉีดอีกเข็มย่อมได้ ผมฉีดให้ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา แต่ถ้าได้รับเซรั่มมากเกินไป ผมเกรงว่ามันจะมีผลข้างเคียงกับร่างกายของคุณ” ฉู่เหินตอบไปตามจริง
“เพื่อนมนุษย์ของฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิด อีกไม่นาน ฉลามพิษก็จะมาโจมตีเรา ถ้านางเงือกพ่ายแพ้ โลกใต้น้ำนี้ก็จะไม่ต่างอะไรกับสุสาน เมื่อถึงเวลานั้น ฉันไม่รู้ว่าพวกเราจะตายไปอีกเท่าไหร่ ฉันไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น ฉันจึงอยากขอให้คุณฉีดให้อีกเข็ม”
Next