บทที่ 149 เพลิงโลกันตร์[รีไรท์]
บทที่ 149 เพลิงโลกันตร์[รีไรท์]
“คุณฉู่ คุณมีไอเดียอะไรจะเสนอไหม พวกเราควรจะเริ่มยังไงกันดี?” เหวยจีถาม
“ฉันเคยเจอกับพวกกลายพันธุ์มาก่อน ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งมาก แม้แต่ฉันเองก็ยังจัดการมันได้ยาก แถมพวกมันก็มีกันเยอะมาก แต่ยังดีที่ฉันพบว่าต่อให้พวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายพวกมักก็ยังกลัวไฟอยู่ดี”
พูดถึงตรงนี้ฉู่เหินระลึกไปตอนที่เขากำลังเผชิญหน้ากับพวกสัตว์ในท่อระบายน้ำนั่น แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกขนลุกขนพองอยู่เลย
“ไอเดียของฉันก็คือ ให้พวกเราเทน้ำมันลงไปในนั้นแล้วก็จุดไฟเผามันซะเลย พวกนั้นไม่น่าจะหนีขึ้นมาได้หรอก หรือไม่ก็ถ้ามีขึ้นมาก็จัดการมันซะ”
ถึงจะพูดแบบนั้นแล้ว แต่ฉู่เหินก็เข้าใจดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำแบบนั้น เขาไม่ยินดีที่จะไปเจอกับพวกมันอีกแน่ ๆ ในสายตาชายหนุ่ม พวกกลายพันธุ์คือสัตว์ประหลาด ไม่เพียงแต่จะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง รูปร่างของมันเองก็ยังชวนให้ตกตะลึงอีกด้วย ขนาดหนูตัวเดียวก็ใหญ่กว่า 2 เมตรแล้วแถมยังมีพลังป้องกันที่เยอะมากอีก นี่ยังไม่รวมไปถึงจำนวนที่มากของพวกมันอีก แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
พวกกลายพันธุ์ด้านล่างนั้นยังไงก็ต้องห้ามไม่ให้พวกมันขึ้นมาข้างบนนี้ได้ ไม่งั้นโลกจะต้องถึงคราวอวสานแน่ ลองคิดสภาพเวลาพวกหนูตัวใหญ่กว่า 2 เมตรขึ้นมาบนนี้สิจะรู้สึกยังไง?
ด้านใต้นั้นไม่ได้มีแค่หนู มันมีทั้งแมลงสาบ งูมีพิษ แม้แต่มดก็ยังมีขนาดเท่ากำปั้น ลองนึกสภาพเวลาที่เราเข้าไปแหย่รังมดดูสิ คิดดูสิว่ามันจะดูวุ่นวายมากแค่ไหน ว่าแล้วมันก็ทำเอาฉู่เหินคิดไปถึงภาพตอนที่เขาเห็นค้อนตกลงไปในรังมด เพียงพริบตาเดียวค้อนที่ว่านั่นก็ถูกพวกมันกินเข้าไปเรียบร้อยแล้ว
“คุณฉู่ ผมเห็นด้วยกับการใช้ไฟนะ แต่ถ้าเกิดว่ามันเกิดระเบิดที่ข้างใต้นี้ล่ะ แล้วคนของเราที่อยู่ด้านนอกจะปลอดภัยหรือเปล่า?” เหวยจีถามย้ำอีกครั้ง
ฉู่เหินเองก็ครุ่นคิดไม่ตกเช่นกัน เพราะเขารู้ว่าการที่เหวยจีเสนอความเห็นแบบนี้มาไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล แต่หมายความว่ามีจุดอันตรายบางอย่างที่เขามองข้ามไปแน่ ๆ
“พี่เหวยจี สิ่งที่พี่พูดมามันมีเหตุผลก็จริง แต่ว่าถ้าพวกเราหนีออกไปไกลเกิน พวกกลายพันธุ์อาจหนีออกมาจากข้างในก็ได้ ถึงตอนนั้นกลัวว่าพวกเราอาจจะมาไม่ทันแน่ ฉันเห็นด้วยที่ว่าเราควรจะทำการอพยพก็จริง แต่มันไม่ควรออกไปไกลเกินไป เมื่อถึงเวลานั้น อย่างน้อยเราก็จะมีได้คอยดักพวกมันเอาไว้”
ทุกคนในทีมมังกรเองก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที พวกเขาทุกคนเริ่มทำการเคลื่อนย้ายกำลังพลออกมา ก่อนจะเรียกใช้ดาวเทียมเพื่อคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา หากมีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ทุกคนก็สามารถมาได้ทันเวลา
ทุกคนจะได้รับวิทยุสื่อสารติดตัวกันเอาไว้เพื่อในกรณีมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้แจ้งกันทันท่วงที ในเมื่อเป็นแบบนี้ วอล์คกี้ทอล์คกี้ จึงเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุด
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ถังน้ำมันกว่า 10 ถังก็ถูกเทลงไปในท่อระบายน้ำ เพียง 1 ชั่วโมงทั้งท่อนั่นก็จมอยู่ใต้น้ำมันจำนวนมหาศาล ทุกชีวิตต่างก็อพยพออกไปทั้งหมด เพราะไม่มีใครกล้ารับประกันว่าเมื่อเทน้ำมันไปแล้วมันจะไม่เกิดการระเบิดขึ้น ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุด
โค้ดเนมที่ใช้เรียกปฏิบัติการนี้คือ เพลิงโลกันตร์ ตอนนี้ในใจของทุกคนได้แต่เฝ้ารอ ไม่รู้ว่าหลังจากกองเพลิงครั้งใหญ่นี้สิ้นสุดลง พวกสัตว์ร้ายนั่นจะถูกเผาจนตายกันหมดรึเปล่า
อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉู่เหินมั่นใจจะใช้แผนใช้ไฟเผาก็คือ เขาไม่พบว่ามีแก๊สอื่นๆ ในนั้นเลยตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ข้างล่าง ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่เกิดขึ้นจากใต้ล่างนั่นได้ ถ้าหากไม่มีความผิดพลาดละก็นะ
“ทุกทีมเข้าจุดที่เตรียมการเอาไว้แล้ว ผมจะจุดไฟแล้วนะ!”
10 คนจากกลุ่มมังกรแยกออกเป็น 6 กลุ่ม ทุกกลุ่มจะมีหน้าที่คอยดูแลแต่ละทิศทาง ฉู่เหินกับโจวหู่อยู่กลุ่มเดียวกัน ส่วนฉู่เฟิงก็ถูกเขานำกลับไปเก็บนานแล้ว แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าคนมีฝีมือขนาดนั้นอยู่ ๆ จะหายตัวไปได้อย่างไร ทว่าปกติก็ไม่มีใครโง่พอจะถามคำถามนั้นหรอก!
ทุกกลุ่มถูกแบ่งออกไปคุมพื้นที่ที่กำหนดไว้และเริ่มสำรวจว่ามีอะไรที่สามารถติดไฟได้หรือไม่ ตราบเท่าที่ทุกอย่างยังทำงานได้ตามปกติ เชื้อเพลิงก็จะถูกจุดติดได้
“ทีมที่สองเข้าประจำที่ ทุกอย่างปกติดีสามารถจุดไฟได้ครับ”
“ทีมที่สามเข้าประจำที่ ทุกอย่างปกติดี สามารถจุดไฟได้ครับ”
ทั้งหกกลุ่มใช้เวลาตรวจสอบเพียง 10 นาทีเท่านั้น ในที่สุดการรายงานก็จบลง อีกทั้งในระยะ 10 ไมล์ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใด ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงจุดไฟทันที
“จุดไฟได้” เมื่อมีคำสั่งลงมา ผู้เชี่ยวชาญจึงจุดไฟทันที เปลวไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็วราวกับมังกรเพลิงที่เคลื่อนไหวอย่างดุเดือด ความเร็วของเปลวไฟในระยะ 10 ไมล์ เมื่อคำนวณดูคร่าว ๆ แล้ว ทุกคนก็คาดว่าอาจต้องใช้เวลาทั้งสิ้นราว ๆ ครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงจุดหมาย
สายตาของพวกเขาจับจ้องภาพนี้อย่างใจจดใจจ่อ ภาพที่ถูกถ่ายลงมาจากดาวเทียมแสดงถึงประกายไฟจำนวนมากที่ถูกจุด อีกเพียงไม่กี่ไมล์ก่อนที่มันจะลามไปถึงท่อระบายน้ำ และถ้าเป็นแบบนี้ละก็คงไม่น่าจะมีสัตว์ร้ายตัวไหนหลุดออกมาอีกแน่ ๆ
ฉู่เหินจ้องไปยังหน้าจอและซูมเข้าไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดอยู่บริเวณใกล้ ๆ โกดัง เพราะเขากลัวว่าสัตว์พวกนั้นมันอาจจะไม่ถูกกวาดล้างจากกองเพลิงนี้ก็ได้
“พระเจ้าช่วย อะไรวะนั่น?” เขาสบถออกมาเมื่อจับภาพไปที่บริเวณใกล้ ๆ โกดัง
“พิกัด 16 ละติจูดกับลองจิจูด พวกนายมาดูเร็ว นั่นมันอะไรน่ะเหมือนจะเป็นคน!” เขาตะโกนออกมาจนทำให้ทุกคนเล็งไปยังพิกัดตรงนั้นทันที ในกองซากปรักหักพังเหล่านั้นมีเด็กอายุ 8 หรือ 9 ขวบกำลังนอนหลับอยู่
ทุกคนได้แต่ตะลึงกับภาพเหล่านี้ แถมกองเพลิงที่กำลังลุกลามไปอย่างรวดเร็วแบบนี้นั่นหมายความว่าเด็กน้อยจะต้องถูกไฟคลอกแน่ ๆ หลังจากที่ครุ่นคิดกันสักพัก ทุกคนก็ได้แต่คิดว่านี่ชีวิตของเด็กคนนี้จะต้องมาจบลงเพราะพวกเขาจริง ๆ หรือ?
ไม่ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหนแต่มันก็สายเกินไปแล้ว ต่อให้พวกเขารวดเร็วกว่าไฟพวกนี้ แต่ถ้าไปแล้วกลับออกมาไม่ทันการล่ะ ? ทุกคนตั้งท่าอยากจะออกไปช่วย แต่ก็จนปัญญา ได้แต่เก็บความโศกเศร้าเอาไว้ในใจ
ทะเลเพลิงลุกลามอย่างโกรธเกรี้ยว ไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยเด็กคนนี้ได้ เพราะไม่มีอะไรอันตรายไปว่าภัยจากน้ำหรือไฟอีกแล้ว ถึงอยากจะเข้าไปแค่ไหนนอกจากจะไม่สามารถช่วยเด็กได้แล้ว ชีวิตตัวเองก็คงเอาไม่รอด ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำได้มากสุดคือจ้องมองกองเพลิงค่อย ๆ เผาร่างเด็กคนนั้นด้วยความขมขื่น ที่ตนหมดปัญญาจะช่วยเท่านั้น
ไม่เพียงกลุ่มมังกรเท่านั้นที่เห็นภาพตรงหน้า แม้แต่ฝูงชนที่ข้างนอกออกไปไกลนับ 100 ไมล์ก็เห็นเช่นกัน คนในกลุ่มมังกรคำรามออกมาเพราะการทำงานที่สะเพร่าของตัวเอง จะพูดยังไงก็หมดแรงจะแก้ตัวแล้ว สิ่งที่พวกเขาสามารถที่ทำได้คือจ้องมองศพของเด็กคนนั้นถูกเผาต่อหน้าต่อตาพวกเขาเท่านั้น
Next