บทที่ 159 โลกที่ขับเคลื่อน[รีไรท์]
บทที่ 159 โลกที่ขับเคลื่อน[รีไรท์]
ฉู่เหินกล่าวทักทายพี่สะใภ้ก่อนจะออกทะเลไป ตอนแรกฉู่เหินค่อนข้างรู้สึกมีบางอย่างรบกวนจิตใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะได้สมบัติอะไรหลังจากที่เปลี่ยนแหไปแล้ว หลังจากที่เขาได้โยนมันไป จู่ ๆ แหมันก็เปลี่ยนทิศทางเอง นี่มันเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่สำหรับชายหนุ่ม ไม่ว่าจะแหอันไหนมันก็เหมือนกันหมดแหละ เพราะเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าโลกอีกฟากหนึ่งนั้นเป็นเช่นไร
“ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ไหนดูซิว่าเจ้าจะขโมยเมล็ดพันธุ์ได้ยังไง ถ้าทำได้ละก็พวกข้าจะขอยกย่องว่าเจ้าคือนักรบผู้กล้าที่แท้จริง แต่ถ้านี่เป็นเพียงการคุยโม้โอ้อวด วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า” จักรพรรดิของต้าเซียกล่าว
ในจังหวะความเป็นความตายแบบนี้ สิ่งที่เสี่ยวเฟิงคิดถึงก็คือแหหว่านปลาที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งหนึ่ง เขาได้แต่ภาวนาให้มันจะออกมาช่วยชีวิตเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ข้าเองก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่ถ้าท่านอยากเห็น ข้าก็จะทำให้ท่านรู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าพูดแล้วไม่คืนคำ” เสี่ยวหลิงนับถือพี่ชายของเธอจริง ๆ เธอรู้สึกได้เลยว่าพี่ชายเหมือนไม่ใช้พี่ชายตัวเอง เสี่ยวเฟิงยิ้มออกมาด้วยความเชื่อมั่น
เมื่อเสี่ยวเฟิงกำลังพูดประโยคนั้นจบ ทันใดนั้นเขาก็มองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความประหลาดใจ ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน จู่ ๆ มันก็ได้แหจับปลาค่อย ๆ หล่นลงมาจากท้องฟ้า
“พวกเจ้าชาวต้าเซียจงฟังให้ดี ๆ ถ้าไม่เชื่อละก็ลองดูสิ ข้าจะทำให้เมล็ดพวกนั้นหายไปทันทีเลย ถ้าไม่เชื่อก็จงดูนี้ซะ”
คำพูดดังกล่าวล้วนแล้วแต่ไม่มีใครเชื่อ ชายที่ถูกมัดอยู่นี้จะมีลูกเล่นอะไรมาทำให้เมล็ดพันธุ์พวกนี้หายไปได้ ถูกไหม? พวกเขามองเสี่ยวเฟิงอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลังคนตายอย่างไรอย่างนั้น
จักรพรรดิต้าเซียส่งสัญญาณให้พวกทหารก็เตรียมจัดการพวกเขา หากแต่พระองค์ทรงชะงักไปก่อน เขาอยากรู้ว่าเด็กคนนี้ที่จะมาไม้ไหนกัน?
จริง ๆ แล้วตัวจักรพรรดิเองก็ชื่นชมในตัวของเสี่ยวเฟิงอยู่บ้างเหมือนกัน ในขณะที่พวกเขากำลังถูกจับตัวอยู่นั้นก็ยังแสดงความกล้าหาญและสงบนิ่งออกมาได้ เจ้าเด็กคนนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ทว่าพอสิ้นสุดคำพูดของเสี่ยวเฟิง แหจับปลาขนาดใหญ่ก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้วยความรวดเร็วขนาดที่ว่าใช้จับดวงดาวและดวงจันทร์ได้ ภายในเวลา ไม่ถึง 1 ใน 10 ของลมหายใจ แหก็หว่านเก็บเอาเมล็ดทั้งหมดหายไปในทันที
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากจนทุกคนในที่นี้ไม่อาจทำอะไรได้ เมื่อพวกเขารู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็หายไปแล้ว
แม้ว่าจักรพรรดิต้าเซียต้องการจะฆ่าเขามากแค่ไหนก็ตาม แต่พระองค์ก็เป็นคนที่ต้องยึดมั่นในคำสัญญา จักรพรรดิต้าเซียไม่รู้ว่าคนพวกนี้ใช้วิธีไหนกันแน่ แต่ในสุดท้ายแล้วก็ต้องถูกปล่อยตัวกลับไปอาณาจักรของพวกมัน
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าพี่น้องสองคนนี้ในอนาคตจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่ ๆ และในอีกด้านหนึ่ง ฉู่เหินที่เก็บของเหล่านี้ได้ ถึงเขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรในถุงบ้างก็ตาม แต่เมื่อมองดูรูปลักษณ์ของมันแล้ว นี่ก็คงจะจะไม่ใช่ของธรรมดาเป็นแน่
หลังจากดึงแหขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ถุงขนาดกว่า 1 เมตรก็ปรากฏในมือของเขา เมื่อเปิดถุงออกมาก็พบว่ามีเมล็ดข้าวขนาดเท่าผลแอปเปิ้ลจำนวนมากมาย
“ผู้ถือครองฉู่เหินได้เมล็ดข้าวพลังวิญญาณ สามารถนำไปปลูกได้ด้วยดินเตียนหยาง หลังจากกินไปแล้วจะช่วยเพิ่มระดับวิชายุทธ์ได้ แถมยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายมนุษย์ได้อีก ได้รับค่าประสบการณ์ 250,000”
ฉู่เหินรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินแบบนั้น นี่มันคือสุดยอดไอเทมที่เขาไม่เคยได้มาก่อนจนกระทั่งเข้าสู่ระดับที่สอง โดยเฉพาะข้าวพลังวิญญาณ ถ้ากินมันเข้าไปละก็จะยิ่งช่วยเพิ่มพลังให้เขาได้แน่
“ผู้ถือครองฉู่เหิน ระบบมีคะแนนสะสมเพียงพอที่จะอัพเกรดแล้ว จะอัพเกรดเลยหรือไม่?”
ฉู่เหินพยักหน้าและกดยอมรับไปทันที เขาอยากจะอัพเกรดระบบของตัวเองมานานแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างถ้าไปถึงระดับสาม
“ยอมรับการอัพเกรด!” ทันทีที่พูดจบ ฉู่เหินก็รู้สึกเสียใจในภายหลังขึ้นมาทันที ตอนครั้งที่แล้วเขาเกือบจะทำแหหายไปอยู่แล้ว มันไม่ใช่ว่าสิ้นเปลีองโอกาสถึงสองครั้งเหรอ? แต่ถึงกระนั้นก็คงกลับลำไม่ได้แล้วล่ะ
จากนั้นฉู่เหินก็เห็นไหมแมงมุมในมือของเขาก็เริ่มเปลี่ยน ใยแมงมุมร้อยปีได้เปลี่ยนจากสีขาวเงินไปสู่สีเงินซีดเพียงชั่วพริบตา เขารู้สึกได้เลยว่ามันคือสุดยอดสมบัติแน่ ๆ
“แหแสงม่วงหยินเหล๋ย ถูกทอจากท้องฟ้ายามค่ำคืน แหนี่สามารถเก็บได้แม้แต่คลื่นวารีหรือกองอัคคี!” ระบบส่งเสียงออกมาบอกถึงแหสายฟ้า
“ผู้ถือครองฉู่เหินอยู่ในระดับ 3 คุณได้รับแหแสงม่วงหยินเหล๋ย คะแนนต่อไปที่จะใช้อัพคือ 2.79 ล้าน ผู้ถือครองฉู่เหิน คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้แน่!”
เดิมฉู่เหินวางแผนจะใช้แหนี้ในบ่อปลาของเขาอยู่แล้ว ทว่าที่ตั้งตรงบ่อปลาคนเยอะเกินไปไม่ใช่ที่ที่ดีนัก อีกทั้งเวลาปกติเขาชอบออกทะเลบ่อย ๆ หลังจากที่เขาครุ่นคิดสักพัก เขาก็ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนตำแหน่งของมัน
“ผู้ถือครองฉู่เหิน แต้มค่ากายภาพ +2 แต้ม ความว่องไว +2 แต้ม +1 สำหรับความฉลาดและทนทาน +2 แต้ม สำหรับจิตใจ ผู้ถือครองฉู่เหิน ถ้าจะก้าวไปสู่ระดับถัดไปจะต้องใช้ค่าประสบการณ์ 2.91 ล้านแต้ม”
ระบบแจ้งเตือนว่าเข้าสู่ขั้นที่สามเสร็จแล้ว ตอนนี้เขาสามารถใช้แหจาก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กลายเป็น 3 ครั้งต่อเดือน ซึ่งมันทำให้เขามีเวลาว่างขึ้นมาก
ยิ่งไปกว่านั้นระบบที่พัฒนาขึ้นเป็นระดับสามยังมีฟังก์ชันมากมายให้ชายหนุ่มลองใช้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาเหวี่ยงแห ตอนนี้ฉู่เหินสามารถได้ยินเสียงจากระยะ 100 เมตร และยังสามารถมองลึกลงไปได้อีก 10 เมตรด้วย
สิ่งที่ยิ่งสำคัญที่สุดก็คือแหของเขาเองที่เป็นอาวุธระดับ 3 แน่ ถ้ายิ่งผนวกเข้ากับพละกำลังของฉู่เหินด้วยแล้ว เขามั่นใจเลยว่าความสามารถของมันจะต้องพอ ๆ กับอาวุธระดับที่ 5 แน่ ๆ
ในการต่อสู้ครั้งที่แล้ว ถ้าเขาใช้แหนี่ละก็ยังไงก็ไม่พลาดท่าตาแก่แน่ แถมพวกสัตว์ร้ายก็จะหนีไม่ได้ด้วย
เจ้าแหแสงม่วงหยินเหล๋ยนั่นดียิ่งกว่าแหเก่ามาก มันสามารถทำให้คนที่ถูกจับรู้สึกชาได้ ในอนาคตนี่จะต้องเป็นไม้ตายใหม่ของเขาได้แน่
หลังจากเก็บแหแสงม่วงหยินเหล๋ยเข้าไปในแหวนด้วยท่าทางมีความสุขเสร็จแล้ว ฉู่เหินก็หยิบเอาเมล็ดข้าวพลังวิญญาณออกมา ตอนแรกเขาคิดว่ามันคือเมล็ดพลังวิญญาณธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่เมื่อเขาดูมันใกล้ ๆ ก็พบว่ามันดูคล้ายกับอะไรบางอย่างในแหวนของเขา เพราะว่าตรงนี้มีช่องขนาดใหญ่อยู่ข้างในนั่นเอง!
ฉู่เหินใส่พลังจิตของเขาลงไปในนั้นแล้วสำรวจมันระมัดระวัง เขาคิดว่าข้างในนี้มีพื้นที่พอเดียว มันมีขนาดกว่า 100 ตรม. และด้านในก็เต็มไปด้วยเมล็ดมากมาย ด้วยสิ่งของพวกนี้ มันจะต้องช่วยให้ทักษะต่าง ๆ ของเขาพัฒนาขึ้น ถึงมันจะช้าไปบ้าง แต่ตราบเท่าที่เขาฝึกมันทุกวัน ๆ ความเร็วของเขาจะต้องทะยานขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้แน่
Next