บทที่ 161 ม้วนยาตันฉู[รีไรท์]
บทที่ 161 ม้วนยาตันฉู[รีไรท์]
ข้อกำหนดล่าสุดนั้นง่ายดาย ผู้เข้าแข่งขันต้องหลอมยาฟื้นฟูให้ได้ประสิทธิภาพดีที่สุด แน่นอนว่าต้องมีต้นหญ้านั่นอยู่ในส่วนผสมด้วย
หลังจากที่ผู้เข้าแข่งแต่ละคนเรียกเปลวไฟในร่างกายออกมา ภาพตรงหน้ามันก็ทำให้คนรอบข้างนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เพราะทั้ง 50 คนที่เหลือนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่มีเปลวไฟที่แตกต่างกัน
คุณสมบัติของไฟหลอมโอสถนั้นมีเยอะมาก บางคนถึงขนาดพัฒนาพันธุ์ของไฟหลอมโอสถด้วยคุณสมบัติของพวกเขาเอง เปลวไฟแบบนี้เรียกว่าไฟซิงหยวน! ผู้ที่จะมีได้ต้องเป็นคนที่จัดการพวกสัตว์ประหลาดธาตุไฟแล้วซึมซับธาตุเหล่านั้นมาไว้ในร่างกาย ร่างของเขาคนนั้นจะต้องมีความทนทานต่อไฟ! แน่นอนว่าถึงจะทรงพลังกว่าไฟปกติแต่มันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี นี่เองจึงทำให้ขั้นตอนการปรุงยานั้นดำเนินไปอย่างล่าช้า
ในหมู่คนกว่า 50 คนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ไฟแปลก ๆ อะไรมากมาย ทว่ามีถึง 30 คนที่ใช้เป็นไฟอสูรที่ว่านั่น แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผู้คนชื่นชมก็คงเป็นไปไม่ได้
สำหรับคนที่ไม่มีไฟอสูร พวกเขาก็เลือกที่จะใช้พลังพื้นฐานของไฟซิงหยวน ด้วยการใช้ไฟหลอมโอสถในร่างกายของพวกเขาเอง คนพวกนี้กำลังเริ่มที่จะสกัดน้ำยากันแล้ว ในจังหวะที่มีผู้ใช้ไฟอสูร คนที่ไม่มีไฟอสูรก็เริ่มใช้ไฟซิงหยวน และทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งตามมาด้วยดังสนั่นทั้งลานกว้างก็คือ หม้อยาระเบิดนั่นเอง!
มันเป็นปรากฏการณ์ปกติที่มักเกิดขึ้นกับนักปรุงยา แน่นอนว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบนี้นั้นหมายความว่าต้องเกิดความเสียหายแน่นอน ในขั้นต้นนั้นพวกเขาจะต้องกลั่นยาทีละขั้นตอนถึงจะทำให้มันไม่ระเบิด แต่ทว่าน่าเสียดายที่เปลวไฟของพวกเขานั้นไม่ได้ทรงพลังเหมือนกับคนอื่น ๆ
ถึงแม้จะมีคนที่ทำขั้นตอนนี้สำเร็จเกือบ ๆ 20 คนแล้วก็ตาม ทว่าพวกเขาก็ยังคงตรวจตรามันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้คนต่างรู้ดีว่าสำหรับผู้ที่ใช้ไฟอสูรนั้น ผลแพ้ชนะล้วนยากมากที่จะคาดเดา! การใช้เปลวไฟระดับสูง จะทำให้คนคนนั้นกลายเป็นเป้าได้โดยง่าย
ผู้แพ้ถูกคัดออก ส่วนคนที่เหลือก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป เมื่อเอาสมุนไพรใส่ลงไปในหม้อ กลิ่นหอมก็แพร่กระจายไปทั่ว ผู้คนสามารถรับรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นน้ำยาระดับ 4
หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ในที่สุดแต่ละคนนั้นก็เริ่มที่จะเก็บโอสถของตัวเอง ซึ่งพวกเขาก็ไม่รีรอและทำงานต่อในทันที
ผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมง คนส่วนใหญ่นั้นทำการกลั่นเสร็จแล้วอีกแค่ 4 หรือเพียงแค่ 5 คนเท่านั้น ในกลุ่มคนเหล่านี้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอายุราว ๆ 20 ต้นๆ เธอก็คือคนจากเมืองตงซานนั่นเอง ขณะที่ทุกคนปรุงยาอย่างขะมักเขม้น มันก็ได้มีเมฆทะมึนปรากฏออกมาอย่างไม่มีคำเตือน ก่อนที่แสงวาบเส้นหนึ่งมุ่งตรงไปยังเตาของเจียฉิงซง
“พระเจ้า ดูนั่นสิ นั่นมันยาตันเจี๋ย!” หลังจากฉากนั้นกลุ่มคนที่ยืนนิ่งอยู่ก็อุทานด้วยความตกใจ
ยาตันเจี๋ยต้องใช้ยาถึงห้าอย่างขึ้นไปจึงจะสามารถหลอมยาตันเจี๋ยได้ ไม่มีใครคิดเลยว่าเจียฉิงซงผู้เป็นลูกของผู้อาวุโสจะมีความสามารถเข้าขั้นเซียนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ทันจะ 30 ก็เก่งกว่านักปรุงยาระดับ 5 ไปซะอีก หลังจากที่ได้เห็นฉากนี้ดวงตาของทุกคนก็เป็นประกาย
อย่างไรก็ตาม สายฟ้าเส้นนั้นก็ถือเป็นแค่น้ำจิ้ม เกือบจะทันทีที่ฟ้าร้องระลอกแรกนั้นเงียบไป มันก็ได้มีระลอกใหม่ตามมาทันที เสียงของมันนั้นยังคงดึงดูดความสนใจของทุกคน โดยเฉพาะคนปรุงยาทั้ง 5 คนตรงนั้นถูกดึงดูดโดยสมบูรณ์
การที่นักปรุงยาระดับ 5 นั้นปรากฏตัวขึ้นมา มันไม่เคยมีมานานแล้ว ด้วยเหตุนี้ชาวตานเหมินจึงไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป ถ้าพวกเขาประสบความสำเร็จ คนพวกนี้ก็จะกลายเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยยกระดับนักปรุงยาของตานเหมินเพิ่มขึ้นอีกขั้น
สายตาของทุกคนนั้นร้อนแรงมาก พวกเขาต่างจ้องไปที่ทั้ง 5 คนนั้นอย่างไม่คาดสายตาจนกระทั่งผู้เข้าแข่งขันกลั่นจนเสร็จ ต่อมาทุกคนก็ถือเม็ดยาขนาดเท่าตาวัวเอาไว้ ทุกคนรู้ดีว่าคุณภาพของยาพวกนี้นั้นดีเยี่ยมขนาดไหน ถึงแม้มันจะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม
หลังจากที่ทุกคนเสร็จสิ้นการกลั่นแล้ว พวกผู้อาวุโสก็พากันเข้าไปตรวจดู ผลการแข่งขันในครั้งนี้ทำให้ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ดูพอใจเป็นอย่างมาก อันที่จริงแล้วยาพวกนี้มีคุณภาพดีมากแม้ว่าจะมีระดับต่ำกว่าระดับ 5 ก็ตาม
ผู้อาวุโสตานเหมินเป็นคนที่มักมีสีหน้าวิตกกังวลตลอดเวลาเหมือนมีใครติดหนี้เขาอยู่หลายล้าน แต่วันนี้เขาดูมีความสุขมาก ในมือของเขาถือม้วนคัมภีร์ที่มีตัวอักษรเขียนไว้ตัวเบ้อเร่อว่า “ม้วนยาตันฉู!”
“ทุก ๆ คน ข้าผู้อาวุโสแห่งตานเหมิน เจียเฟิงเหลียง วันนี้มีอยู่ 3 รางวัลที่จะได้รับ! แต่ถึงแม้จะมีคนที่ไม่ได้รับรางวัล แต่ฝีมือของทุกคนนั้นไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากันเลย และพวกเรายินดีที่จะยอมรับพวกเจ้าในฐานะศิษย์”
หลังประโยคนี้ก็ทำให้ผู้คนปั่นป่วนไปหมด เพราะว่าผู้อาวุโสเคยกล่าวไว้ว่าจะไม่รับลูกศิษย์อีกแล้ว ซึ่งจะมีสองคนที่จะได้รับสิทธินั้นนับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก
“เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา มาที่อันดับ 3 กันก่อนเลย รางวัลคือม้วนยาตันฉู มันมีทั้งสมุนไพรและวิธีการปรุงยาทั้งหมดตั้งแต่ระดับที่ 1 ถึง 7 แน่นอนว่ามันประเมินค่าไม่ได้”
ถึงแม้ว่าของรางวัลจะเป็นม้วนยาตันฉู แต่พวกผู้เข้าแข่งขันก็ยังอดไม่ได้ที่จะกลั้นลมหายใจ แท้จริงแล้วม้วนยานี้ในสายตาของนักปรุงยานั้น มันมีค่ายิ่งกว่าชีวิตของพวกเขาเองซะอีก!
“เจียฉิงซงทำได้ยอดเยี่ยมมาก เจ้าได้อันดับ 3 เพราะฉะนั้นยาม้วนนี้เป็นของเจ้าแล้ว” สิ้นเสียงหัวเราะ เขาก็ยื่นม้วนยาตันฉูด้วยความรู้สึกของเขาที่ผ่อนคลายอย่างช้า ๆ
ถึงแม้เจียฉิงซงจะไม่ค่อยพอใจนักที่ตัวเองได้อันดับ 3 ทว่ายาม้วนนี้ก็สำคัญกับเขาอยู่ดี ตอนนี้เขายื่นมือออกไปรับทันทีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในอนาคตเขาสามารถใช้ม้วนยานี้เพิ่มระดับความสามารถของตัวเองขึ้นไปอีกขั้นได้
…
ฉู่เหินนั้นรู้สึกกดดันมากตั้งแต่ที่ ‘แหแสงม่วงหยินเหล๋ย’ หายไปหลังจากเหวี่ยงแห จิตใจของชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นคงนัก หากแต่ฉู่เหินก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถที่จะเร่งรัดอะไรได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่รอต่อไป เมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที แหแสงม่วงหยินเหล๋ยก็ค้นพบเป้าหมายของมันจนได้ ! และสิ่งนั้นก็คือม้วนยาตันฉู จากนั้นมันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่ผู้อาวุโสกำลังส่งมอบม้วนยา แหแสงม่วง หยินเหล๋ยก็เร่งความเร็วขึ้นโดยมีเป้าหมายไปที่ม้วนยาตันฉู และเมื่อแหได้ม้วนยามา มันก็รีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่โชคดีที่ผู้อาวุโสนั้นมีปฏิกิริยาที่เร็วมากเช่นกัน เขาเร่งไล่จับแหตกปลาที่หนีออกไปไกลร้อยเมตรแล้วทันที
“เจ้าโจรชั่ว กล้าดียังไงมาขโมยตำรายาของข้า? เบื่อโลกแล้วสินะ!?” ด้วยคำตะโกนของผู้อาวุโส เหล่าอาจารย์ก็ไม่อยู่เฉยอีกต่อไป พวกเขากระโจนไปจัดการกับแหแสงม่วงในอากาศ และโจมตีใส่มันทันที