บทที่ 169 องครักษ์เงือก[รีไรท์]
บทที่ 169 องครักษ์เงือก[รีไรท์]
ครั้งแรกที่ฉู่เหินเห็นพวกเงือกสาว เขาต้องพยายามบังคับความปรารถนาในใจของเขาเอาไว้มากทีเดียว อย่างไรก็ตามด้วยการที่เขามีเสี่ยวชิงอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้คิดอะไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถมองเงือกสาวได้อย่างปกติ
นอกจากผู้อาวุโสปลาหมึกแล้ว พวกเงือกที่เหลือต่างก็คุ้นชินกับการว่ายน้ำเป็นอย่างดี ดังนั้นฉู่เหินเลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
เมื่อเงือกทั้ง 20 ตนมายืนเรียงอยู่ด้านหน้าของฉู่เหิน มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเลย ร่างเปลือยท่อนบนของเงือกชายนั้นแสดงความแข็งแกร่งออกมาอย่างเต็มที่ ยิ่งประกอบกับอาวุธที่เหน็บไว้ที่เอวแล้วยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขาม
ประกอบกับเงือกหญิงอีก 10 ตนทำให้บรรยากาศนั้นแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ร่างกายงดงามราวกับรูปสลักทำให้ฉู่เหินต้องคุมสติไม่ให้ตัวเองเตลิดไปมากกว่านี้
โชคดีที่คำพูดไม่กี่คำทำให้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้น หลังจากนั้นพวกเงือกก็อธิบายว่ามาเป็นองครักษ์ให้กับฉู่เหิน ทำให้ฉู่เหินอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
หลังจากที่ทำใจได้แล้ว ฉู่เหินก็พาพวกเขาไปไว้ในแหวนมิติ เช่นเดียวกันกับเจ้าปลาหมึกแก่นั้น หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉู่เหินก็ขึ้นฉลามพิษจากไป
เมื่อฉู่เหินขึ้นมาถึงผิวน้ำก็พบกับฉลามพิษตัวอื่น ๆ ที่กำลังรออยู่ เมื่อไปถึงชายฝั่ง ชายหนุ่มได้เตือนพวกตัวอื่น ๆ ว่าให้ราชาฉลามพิษผลัดกันมาคอยอยู่ที่บริเวณเกาะทุก ๆ วัน
ราชาฉลามพิษทั้งห้านั้นก็ยอมทำตามแต่โดยดี แต่พวกมันก็ไม่มั่นใจว่าฉู่เหินเห็นด้วยในรูปแบบไหน ว่าแล้วฉู่เหินก็เดินทางต่อด้วยตัวเองเพราะถ้าพาฉลามพิษไปใกล้ ๆ ผู้คนบนฝั่งพาลจะตกใจเอาซะเปล่าๆ
ฉู่เหินไม่ได้กลับบ้านไปในทันที เขาโทรหาพี่สะใภ้เพื่อรายงานความปลอดภัยของเขา ก่อนจะให้ผู้อาวุโสจางเข้าเมืองเพื่อซื้อเสื้อผ้าจำนวนมาก ลองคิดถึงสภาพของชายหญิงนับสิบที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่ในแหวนเขาดูสิ
ไม่ว่าทั้งชายหรือหญิง ยังไงเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่จำเป็น แล้วในตอนที่กำลังกลับก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้อาวุโสจางว่าได้ของทั้งหมดแล้ว
ด้วยความไม่มีทางเลือก ดังนั้นฉู่เหินจึงต้องขับรถกลับไปที่บ้านของผู้อาวุโสจาง แต่หลังจากที่ให้ของ ผู้อาวุโสจางก็อาสาที่จะส่งเขากลับเอง ซึ่งฉู่เหินได้ให้ไข่มุกกับอีกฝ่ายเป็นค่าตอบแทน
ผู้อาวุโสจางได้แต่กลอกตาอย่างจงใจ เขาคิดว่าน่าจะเกิดเรื่องดี ๆ กับอีกฝ่ายล่ะมั้ง ส่วนเรื่องของไข่มุกเนี่ย เขาไม่เคยที่จะนึกถึงเลย ช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกจริง ๆ แต่ถ้าชายชรามารู้ทีหลังว่าอีกฝ่ายมีของแบบนี้อยู่ 20 กว่าอันละก็ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะทำหน้ายังไงกันนะ?
ระหว่างนั้นฉู่เหินก็คิดว่าเขาน่าจะหารถเข็นมาใช้บ้าง ครั้งนี้เห็นทีจะพึ่งผู้อาวุโสจางไม่ได้ และเขายังต้องฝึกฝนวิชาอีก เขายืนคิดเล็กน้อยอยู่ชั่วครู่ และเตรียมตัวสำหรับการฝึกตน
ฉู่เหินขอให้ผู้อาวุโสจางกลับบ้านเขาไปทันที แม้ว่าผู้อาวุโสจางจะไม่เข้าใจว่าฉู่เหินจะทำแบบนั้นไปทำไมก็ตาม แต่เขาก็รู้เช่นกันว่ามีความลับมากมายในร่างกายของฉู่เหิน
เมื่อผู้อาวุโสจางจากไปแล้วฉู่เหินก็เอาชุดใส่เข้าไปในแหวนมิติ พอพวกเงือกจัดการตัวเองเสร็จ เขาก็ปล่อยคนพวกนั้นออกมา มันทำให้ห้องดูคับแคบขึ้นในทันตา มันแคบเสียจนแทบจะทำให้ฉู่เหินกระเด็นออกไปนอกห้องอยู่แล้ว
พวกเขาช่างดูดีมากจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงือกชายที่ใส่กางเกงสี่ส่วนได้อย่างพอดิบพอดี ท่ว่าฉู่เหินก็คิดว่าพวกเขาดูผอมไปหน่อย
ที่น่าขันที่สุดคือพวกเงือกหญิงที่กำลังลองชุดอยู่ พวกเธอดูเหมือนว่ากำลังวุ่นวายอยู่กับสายรัดต่าง ๆ แต่ก็ว่าอะไรพวกเขาไม่ได้ เพราะว่าพวกเขาไม่เคยใส่เสื้อผ้าเลย แล้วฉู่เหินก็ปล่อยพวกเขาเอาไว้ตามสบาย
พอเห็นชุดเหล่านั้นฉู่เหินก็แอบคิดว่า “ฮ่า พวกเขาหน้าตาดีกันขนาดนี้ตอนพาไปไหนมาไหนคงจะไม่ขายหน้าแล้วล่ะ”
แน่นอนว่าเขาเตือนหนักหนาว่าให้พูดกับคนอื่น ๆ แบบสุภาพ ที่นี่นั้นไม่เหมือนข้างใต้ทะเล แล้วเขาก็ยังคิดไม่ตกว่าจะบอกเรื่องนี้กับพี่ของเขายังไงดี
เป็นไปได้ที่เมื่อหวงเจี้ยนหมิงและซูวี่เหม่ยเห็นคนพวกนี้ พวกเขาต้องตกใจจนช็อกตายแน่ ๆ คิดว่าน้องชายของพวกเขานั้นไปมีฮาเร็มซะแล้ว เพราะว่าความงามของพวกเธอนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเสี่ยวชิงกับเสี่ยวเฟิงเลย
คนมากกว่า 20 คนนั้นไม่อาจอยู่ที่บ้านของฉู่เหินได้ ด้วยความสิ้นหวัง ดังนั้นฉู่เหินจึงต้องสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวถัดจากวิลล่าที่กำลังก่อสร้าง แล้วในตอนที่เตรียมทุกอย่างพร้อม มันก็มืดไปซะแล้ว
หลังจากคุยกับพี่สะใภ้สักพักเขาก็มีความสุขมาก อีกไม่นานนักพี่ชายก็จะกลับมาเดินได้แล้ว การฟื้นตัวดีขึ้นมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ มันดียิ่งกว่าการฟื้นตัวในโรงพยาบาลเสียอีก! ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะการกินปลาเกล็ดขาว ผนวกกับเก้าอี้ไม้ที่หวงเจี้ยนหมิงนั่ง และไข่ใหญ่ยักษ์ที่เสี่ยวเฟิงเอามาทำอาหารให้ทานเป็นครั้งคราวนั่นเอง
สิ่งนี้ทำให้หวงเจี้ยนหมิงรู้สึกมีความหวัง ตอนนี้เขาสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้งแล้ว หลังจากได้ยินข่าวนี้ ฉู่เหินจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
ขณะที่กำลังคุยกับหวงเจี้ยนหมิงและพี่สะใภ้อย่างมีความสุข เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเขาก็มาเคาะที่ประตูบ้าน ผู้มาไม่ใช่คนอื่น นั่นคือซวีเหลียงนั่นเอง เขารู้มาว่าพี่ชายของฉู่เหินเกิดเรื่องร้ายขึ้น ซึ่งหลังจากที่รู้เรื่องเขาก็รีบมาที่นี่โดยไม่ลังเล น้ำใจแบบนี้ไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินหรอก