บทที่ 171 ความโกรธของฉู่เหิน[รีไรท์]
บทที่ 171 ความโกรธของฉู่เหิน[รีไรท์]
เย็นวันนั้นจงเที่ยเดินอยู่ตามถนนคนเดียว ทีแรกเขาอยากที่จะไปหาหนังดูสักเรื่อง แต่ว่าถ้าไปดูหนังคนเดียวคงรู้สึกเบื่อเลยมาอยู่ตรงนี้แทน วันนี้จงเที่ยอกหักมา! อย่างไรก็ตาม ซวี่เหลียงยังเป็นเพื่อนสนิทของเขาเสมอ
เพราะว่ายังไม่ทันมืดไฟตามถนนจึงยังไม่ติด ทำให้มองภาพไกล ๆ ได้ไม่ชัดเจนนัก อีกทั้งจงเที่ยยังสายตาสั้นสุด ๆ ก็เลยกลายเป็นว่ายิ่งทำให้การมองตอนกลางคืนเบลอมากจนแทบมองไม่เห็นเลยทีเดียว
จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากทางด้านหลัง แล้วก่อนที่จะหันไปดูว่าใครตามมา เขากลับโดนกระแทกซะก่อน แว่นของเขาตกลงบนพื้นจนแตกด้วยฝีมือของคนที่เดินผ่านไปมา
จงเที่ยคลำหาแว่นที่แตกร้าวจนไม่สามารถใช้การต่อได้ เขาเห็นทุกสิ่งเลือนรางไปหมด มันยากมากที่สภาพแบบนี้จะเดินกลับไปที่หอพักได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จงเที่ยโกรธนิดหน่อย เขาเอาแว่นที่เหลือเลนส์แค่ข้างเดียวมาใส่เอาไว้ ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าคน ๆ หนึ่งเดินมาทางเขา เรียกชื่อเขาเบา ๆ จงเที่ยจำได้ดีว่าเป็นเสียงของซวี่เหลียง
แล้วตอนที่เขากำลังจะตอบกลับ คนที่เหมือนจะเป็นซวี่เหลียงก็เดินมาทิ้งกล่องอะไรสักอย่างเอาไว้ที่พื้นก่อนจะเดินจากไป ถึงเขาจะยังสงสัยแต่เขาก็ตัดสินใจหยิบกล่องที่ว่าติดมือมาด้วย
จงเที่ยเดินเลยไปที่ร้านแว่นตาพร้อมกับกล่องใบนั้น ก่อนจะออกมาพร้อมแว่นอันใหม่ แต่ออกมาจากร้านได้ไม่กี่ก้าวกลุ่มตำรวจก็เข้ามาใส่กุญแจมือเขาแล้วผลักเขาเข้าไปในรถตำรวจ
ถึงเขาจะตะโกนโหวกเหวกขนาดไหนก็ไม่มีใครสนใจเขา จนเขาโดนลากมาสอบสวนในข้อหาการค้ายาเสพติด
“ตลกน่า”
จงเที่ยโพล่งออกมาทันทีที่ได้ยิน “ผมเป็นแค่นักศึกษาจะไปค้ายาได้ไงล่ะ แม้แต่หน้าตายามันเป็นยังไงผมยังไม่รู้เลย”
แต่เจ้าหน้าที่เมินคำพูดแล้วเข้าค้นตัวเขาแล้วก็พบเฮโรอีนกว่า 10 กิโลกรัมอยู่กับเขา ทำให้คนที่ถูกตรวจค้นพูดไม่ออก หลักฐานคาตายังสามารถแก้ตัวใด ๆ ได้อีก?
“บอกมาซะ ว่าเอากล่องนี้มาจากไหน?” ดูท่าว่าตำรวจจะสังเกตว่านี่อาจจะไม่ใช่ของ ๆ จงเที่ยซะทีเดียว ถึงได้ถามออกมาแบบนั้น
“เขาแค่เอามาให้ฉัน ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครด้วยซ้ำ?” หลังจากเย็นใจลงได้จงเที่ยก็ค่อย ๆ อธิบายออกไป
“บอกความจริงมาดีกว่าหรืออยากติดคุกไปตลอดชีวิต ไอ้กล่องนี้มาจากซวี่เหลียงใช่ไหม?” เขายิงคำถามอีกครั้ง
“รู้ได้ยังไง?” จงเที่ยพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วเขาก็หน้าเปลี่ยนสีในทันที!
“งั้นก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดสินะ!”
ไม่ว่าจะตะโกนแค่ไหนพวกเขาก็ไม่ฟัง คน ๆ นี้ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ จากนั้นเขาก็ถูกใส่กุญแจมือ
หลังออกมาจากสถานีตำรวจ จงเที่ยก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ชักจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบติดต่อกับซวี่เหลียงในทันที ซวี่เหลียงรู้เข้าก็ตกใจมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้อะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนทำ สิ่งนี้ทำให้ซวี่เหลียงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป
มันคงจะดีถ้าซวี่เหลียงไม่ไปเพราะว่าตอนนี้มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะจับเขาได้ แต่เขายังไม่ทันได้ตอบอะไรก็เดินจากไปซะแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีหมายจับ แต่จุดจบของซวี่เหลียงนั้นก็คงจะไม่ได้ดีสักเท่าไหร่!
เรื่องนี้ยังไม่จบ วันหนึ่งธุรกิจตระกูลซวี่มีความเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนมีอาการที่คล้ายกับคนเสพยา หลังจากการตรวจสอบก็พบว่ามีประวัติการใช้ยาเสพติด และยังพบยาอีกจำนวนมากด้วย
ครั้งนี้เข้าตาจนแล้ว พ่อของซวี่เหลียงโดนควบคุมตัว ทรัพย์สินทั้งหมดถูกอายัด แม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ธุรกิจที่ก่อตั้งมาทรุดตัวลงในทันที ซวี่เหลียงจึงต้องมาขอฉู่เหินซ่อนตัวราว ๆ 2 ถึง 3 วัน หลังจากเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้วฉู่เหินก็โกรธอย่างมาก นั่นส่งผลให้ซวี่เหลียงกลายสภาพเหมือนตายทั้งเป็นเช่นนี้
บ้านของซวี่เหลียงอยู่ที่หยุนหลิง แม้ว่าธุรกิจจะเฟื่องฟูแต่ครอบครัวของเขาไม่ได้ใหญ่โตนัก หลังจากที่ธุรกิจล้มละลาย เรื่องดังกล่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว
ตระกูลซ่างกวงมีอำนาจมากขึ้นทันทีในเมืองหยุนหลิง ครั้งสุดท้ายที่ฉู่เหินได้พบกับคนของซ่างกวงเขารู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีอิทธิพลมาก เพราะว่ามีสมาชิกเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นไม่กี่สิ่งที่ฉู่เหินจำได้
“คุณลุงซ่างกวง ผมฉู่เหินเอง” หลังจากคิดได้อย่างนั้น ฉู่เหินก็กดโทรศัพท์ไปที่คนของซ่างกวง ฉู่เหินต้องการจัดการกับเรื่องนี้ให้เรียบร้อย สถานะของอีกฝ่ายก็ไม่ได้เข้าหายากอะไรขนาดนั้น
“ว่าอะไรนะฉู่เหิน ใครสอนแกเรียกอย่างนั้นฮะ นี่พ่อเลี้ยงนะเฮ้ย” ซ่างกวงชิงเฟิงตอบกลับมาด้วยเสียงที่แข็ง ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ฉู่เหินก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา นี่ล้อกันเล่นรึไง เขาไม่ต้องการที่จะยั่วยุอีกฝ่ายจริง ๆ
หลังจากขำแห้งๆ เขาก็ว่าต่อ “คุณลุง ช่วยผมหน่อย!”
“อยากให้ช่วยทำอะไรให้ล่ะ ถ้ามันไม่เกินกำลังละก็ฉันช่วยได้ทุกเรื่องเลยนะ!”
หลังได้ยินฉู่เหินอดไม่ได้ที่จะเกาหัว เขารู้สึกว่าการพูดคุยกับคน ๆ นี้ทำให้เขาต้องอึดอัดนิดหน่อย แต่บุคลิกของอีกฝ่ายก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย
จากนั้นฉู่เหินก็เล่าเรื่องที่เขารู้มาออกมาสั้น ๆ ชายหนุ่มอยากให้ชิงเฟิงออกมาจัดการเรื่องนี้เพื่อที่พ่อของซวี่เหลียงจะได้ไม่ต้องทรมานไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ทางตระกูลเจียงนั้นได้ทุกอย่างไปหมดแล้ว
“นึกว่าจะเรื่องใหญ่อะไร เรื่องเล็กแค่นี้ไม่เกิน 3 วัน ฉันจะทำให้พ่อของเขาออกมาให้ได้” หลังจากฟังคำพูดนั้นใจของฉู่เหินก็ผ่อนคลายทีละน้อย
ซวี่เหลียงเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเฉินฉือ มันเป็นมหาวิทยาลัยประจำเมืองที่มีชื่อเสียงมาก ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เขามีปัญหาในการเรียน เพราะที่นี่เขาไม่มีคนรู้จักเลย หลังจากคิดอยู่นานเขาก็เรียกโจวหู่มา โจวหู่ที่ไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปี ดังนั้นเพื่อนของเขาคนนี้จึงแทบจะไม่มีเพื่อนเลย
“ที่เฉินฉือเหรอ? อืมม ฉันพอจะมีเพื่อนในเฉินฉืออยู่นะ เขาเปิดโรงเรียนสอนกังฟูอยู่ที่นั่นเป็นเหมือนดาราของที่เลยทีเดียวละ เรา 2 คนเนี่ยสนิทกันมากเลยละ ถ้าต้องการความช่วยเหลือในเฉินฉือไปหาคนนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วละ”