บทที่ 177 แมวนพเวทย์ปฏิบัติการ[รีไรท์]
บทที่ 177 แมวนพเวทย์ปฏิบัติการ[รีไรท์]
ยิ่งลึกเข้าไปในถ้ำ ควันพิษที่ว่าก็ดูมีแต่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ด้านในนั้นไม่สู้ดีเอามาก ๆ สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นฉู่เหินก็ยังคงก้าวเท้าลึกเข้าไปด้านในอย่างมั่นคง
ตอนนี้เขายังไม่มีวิธีแก้พิษที่ว่านี่เลย แล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงดี ว่าแล้วก็อดที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้ ทันใดนั้นฉู่เหินก็รู้สึกถึงความผันผวนในแหวนมิติ หลังจากสังเกต เขาก็เจอว่ามันเป็นแมวนพเวทย์ที่กำลังตื่นตระหนก
ถึงฉู่เหินจะเรียกมันว่าแมวนพเวทย์ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นมันทำอะไรสักครั้ง เพราะว่าความสามารถของมันนั้นใช้งานค่อนข้างยาก สู้เขาใช้นกขมิ้นแทนซะยังจะดีกว่า
แต่ตอนนี้แมวนพเวทย์นั้นปรากฏตัวออกมาอย่างตื่นเต้น หลังจากที่ปล่อยมันออกมา ทั้งเสือและแรดก็มองมาที่มันอย่างระมัดระวัง ราวกับว่ากำลังกลัวแมวตัวนี้อยู่
แท้จริงแล้วพวกมันกำลังเกรงกลัวสายเลือดของเจ้าแมวตัวนี้ แมวนพเวทย์ตัวนี้เป็นแมวสายพันธุ์เลือดบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เสือและแรดพากันให้ความเคารพ
เจ้าแมวแค่ปรายตามองสัตว์ทั้งสองแวบเดียวแล้วก็หมดความสนใจ มันมองไปยังควันพิษที่ลอยออกมา จากนั้นฉู่เหินตกใจจนอ้าปากค้างกับภาพที่เกิดขึ้น เจ้าเหมียวอ้าปากออก ก่อนจะดูดสารพิษเข้าไปในตัวมันของมันอย่างรวดเร็ว
ยิ่งดูดสารพิษเข้าไปมากเท่าไหร่ ลำตัวของมันก็ยิ่งบวมมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ตัวมันบวมขึ้นมาจนแทบจะมีขนาดเท่ากับขนาดตัวของแรดเลยทีเดียว แล้วพอพิษทั้งหมดหายไป ตัวของมันก็หดกลับลงมาเท่าเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วมันก็มองมาทางฉู่เหินด้วยสายตาที่ร้องขอบางอย่าง โดยสัญญาระหว่างคนทั้งสอง ฉู่เหินรู้สึกได้ทันทีว่ามันต้องการจะบอกอะไร เจ้าตัวเล็กนี้ได้อาหารไม่เพียงพอจนต้องไปดูดสารพิษเข้ามาแทน ซึ่งสำหรับฉู่เหินมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ในถ้ำนั้นมืดมาก จนมองไม่เห็นอะไรเลย หลังจากที่ควันพิษพวกนั้นหายไป ทุกอย่างก็กลับมาปกติ
หินสีฟ้าขนาดใหญ่แบนราบน่าจะเป็นที่ที่เสือตัวนั้นนอนก่อนหน้านี้ ตอนนี้นั้นมีร่างของหญิงสาวกำลังนอนอยู่ เธออยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก ใบหน้าซีดเซียว ปากและเล็บนิ้วมือทั้ง 10 นั้นดำคล้ำ
ดูเหมือนว่าในร่างกายของเธอนั้นจะมีความผิดปกติ เหมือนมีพลังงาน 2 สิ่งกำลังปะทะกันอยู่ตลอดเวลา หนึ่งคือควันสีขาว กับอีกหนึ่งควันสีดำ เมื่อฉู่เหินเห็นแบบนั้นเขาจึงเดินกลับออกมาด้านนอก ชายหนุ่มพูดด้วยภาษาศักดิ์สิทธิ์เพื่อสื่อสารกับเสือ
ตามที่เสือตัวนี้พูด มันได้เจอเข้ากับผลไม้ประหลาดบางอย่างบนภูเขา ซึ่งถ้าหากว่าได้รับพิษมาเจ้านี่สามารถช่วยหักล้างพิษได้ แล้วยังสามารถเปิดผนึกความสามารถต่าง ๆ ของคนคนนั้นในอนาคตได้อีกด้วย
ก่อนจะเล่าต่อว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนที่มันออกมาด้านนอก เจ้าเสือมันก็ได้บังเอิญไปเจอกับเสี่ยวฟู๋ที่โดนคนชุดดำจับตัวมา โชคดีที่เสือนั้นเคยเห็นภาพสาวน้อยคนนี้มาก่อนจากฉู่เหิน ดังนั้นมันจึงพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองได้ และนั่นเป็นเหตุผลที่มันและแรดไปช่วยเธอ
ในเวลานั้นมันก็พบว่าเสี่ยวฟู๋ถูกพิษของราชาเซียงซี มันจึงรีบหาผลไม้มาช่วยรักษาเธอ ดูท่าว่าควันสีขาวที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะมาจากผลไม้พวกนี้
นอกจากผลไม้แล้ว พิษก็เพิ่งจะถูกดูดไปโดยแมวเก้าหาง การต่อสู้ของพิษในร่างใกล้จะถึงจุดตัดสินแล้ว จะเป็นหรือตายก็อยู่ในช่วงอึดใจต่อไปนี้นี่แหละ
ทว่าฉู่เหินกลับสังเกตได้ว่าแสงสีขาวที่ถูกปล่อยออกมานั้นไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก พิษพวกนั้นยังคงอยู่ในร่างของ เสี่ยวฟู๋โดยที่ฉู่เหินทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนี้
“เสี่ยวจิ่ว พอมีทางที่จะสามารถเอาพิษออกจากร่างของเธอได้ไหม?” ด้วยอาการเจ็บปวดที่รุนแรงขนาดนี้ ฉู่เหินไม่มีทางเลือกนอกจากขอความช่วยเหลือจากแมวนพเวทย์ของเขา หากเป็นคนอื่นมองมาอาจจะหาว่าเขาบ้าก็ได้ แต่ฉู่เหินไม่ได้คิดแบบนั้น
“เจ้านาย ดูดพิษออกมาจากเธอน่ะไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ปัญหาอยู่ที่มันอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้น่ะสิ!” แมวนพเวทย์บอกฉู่เหินผ่านสายสัมพันธ์
“ขอแค่ช่วยเธอได้ก็พอแล้ว” ฉู่เหินยืนยันคำเดิม
ได้ยินดังนั้นแมวนพเวทย์ก็เดินเข้าไปหาเสี่ยวฟู๋ด้วยความกระตือรือร้น มันมีลวดลายบางอย่างปรากฏบนกลางอกของ เสี่ยวฟู๋ จู่ ๆ ลวดลายดังกล่าวก็เกิดแสงจาง ๆ ขึ้นมา จากนั้นแมวนพเวทย์ก็ดูดมันเข้าไป
หลังจากเห็นฉากนี้ ฉู่เหินก็อดที่จะตะลึงไม่ได้ และแอบสาปแช่งอยู่ในใจ ‘ไอ้แมวหยาบคาย แค่ดมเอายาพิษออกก็พอไม่เห็นต้องไปดูดถึงตรงนั้นเลย’ แต่เจ้าแมวนั้นก็เหมือนจะได้ยิน มันจ้องมาทางฉู่เหินอย่างเฉยชา แล้วก็สวนออกมาว่า “หรือจะจัดการเองล่ะเจ้านาย”
หลังจากได้ยินฉู่เหินก็คิดอะไรไม่ออก แล้วก็ก้มหน้างุดเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ดวงตาของเจ้าแมวขยายใหญ่ขึ้นโดยที่มันยังคงดูดสารพิษจากร่างของเสี่ยวฟู๋อยู่
แต่เดิมนั้นในการต่อสู้ของกลุ่มพลังทั้งสอง พิษไม่มีท่าทีที่จะอ่อนกำลังเลย แต่จากการปรากฏตัวของแมวนพเวทย์ พิษนั้นมีท่าทีที่อ่อนลงจนเปิดโอกาสขนาดใหญ่ให้แสงสีเงินเข้าแทนที่พิษเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
10 นาทีผ่านไป พิษนั้นก็โดนขจัดไปจนหมด ส่วนใหญ่ถูกดูดเข้าไปในร่างของแมวตัวน้อย แต่ก็ยังเหลือบางส่วนอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มันไม่สามารถดูดออกมาได้ ซึ่งนั้นก็ไม่มีอะไรให้เจ้าแมวสามารถทำต่อได้แล้ว
ความเสียดายปรากฏอยู่ในแววตาของเจ้าแมวราวกับกำลังจะบอกว่ามันยังกินไม่อิ่มเลย ฉู่เหินไม่รู้ว่าถ้าแมวนพเวทย์ต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น ตัวมันนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้พิษขั้นสูงมากถึง 9 ชนิด แต่ละครั้งที่มันดูดซับสารพิษอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็จะเปิดชั้นของพื้นภาพมายาขึ้นแล้วแมวนพเวทย์ก็จะแกร่งขึ้นด้วยเหมือนกัน
ฉู่เหินเห็นแสงที่อยู่บริเวณตัวของเสี่ยวฟู๋กำลังอ่อนแรงลง แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ หลังจากที่จัดการพิษได้อย่างสมบูรณ์ มันก็เริ่มเปลี่ยนสภาพของเส้นเอ็น เลือดและกระดูกของเธอจนเกิดแสงสว่างห่อหุ้มร่างของเธอ
ก่อนอื่นเลย เธอจะต้องฟื้นขึ้นมาก่อน ถ้าเกิดว่าดำเนินมาถึงครึ่งทางนี้เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สิ่งที่รออยู่ก็คือความตาย เพราะงั้นตอนนี้จึงได้แต่ภาวนาเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความกังวลแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ สิ่งนี้ทำให้ฉู่เหินไม่สบายใจมากเลยทีเดียว
ดูเหมือนต้องใช้เวลาสักพักกว่าเสี่ยวฟู๋จะฟื้นขึ้นมา ฉู่เหินจึงโทรไปหาชิงเฟิง เขาเดาว่าคนเป็นพ่อที่กำลังรอก็คงจะร้อนรนมากเช่นกัน จึงรีบรายงานเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกังวลไปมากกว่านี้
ตอนที่ชิงเฟิงได้รับรู้ข่าวเขาก็อดที่จะตกใจไม่ได้ ตระกูลซ่างกวงนั้นมีหูตาอยู่ทั่วทั้งเมืองหยุนหลิน แต่ว่าเขาแทบไม่ได้ข่าวของฉู่เหินเลย เรื่องนี้ทำให้ในสายตาของเขา ฉู่เหินดูลึกลับยิ่งกว่าเดิม
ตระกูลซ่างกวงนั้นทุ่มทั้งกำลังและเงินในการตามหาเสี่ยวฟู๋แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง ทำให้เขาอดที่จะชื่นชมไม่ได้ แต่แล้วประโยคต่อมาก่อนจะวางสาย เขาก็ต้องกลับมามีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง