บทที่ 192 ผู้เชี่ยวชาญ[รีไรท์]
บทที่ 192 ผู้เชี่ยวชาญ[รีไรท์]
“ลุงซ่างกวง กลับกันก่อนเถอะ เห็นได้ชัดว่าพวกเราไร้ค่าในสายตาคนพวกเขา คนพวกนี้อยากใช้พวกเราเป็นตัวตายตัวแทน ถ้าพวกเราไปต่อมันจะได้ไม่คุ้มเสีย!”
หลังจากได้ยินฉู่เหินพูดแบบนั้น ชิงเฟิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทางก่อนที่จะกระซิบว่า “พวกเราเองก็อยากถอนตัวจากเรื่องนี้ แต่ว่าตอนนี้กลุ่มใหญ่ ๆ พวกนี้พร้อมจะใช้พวกเราเป็นเหยื่อล่อ ตอนนี้ฉันกลัวว่าพวกเราไม่มีทางถอย ถึงแม้ว่าจะต้องการก็เถอะ!”
มันไม่ง่ายที่จะหาเหยื่อล่อแบบพวกเขามาได้ เพราะงั้นพวกกลุ่มใหญ่ ๆ เหล่านี้จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ ได้ยังไง
“ลุงซ่างกวงไม่ต้องห่วง จำไว้ว่าหลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นให้พาทุกคนออกไป และอย่ากลับเข้ามาในนี้อีก” ฉู่เหินค่อนข้างจะมั่นใจว่าเขาสามารถจัดการกับหัวหน้าของแต่ละกลุ่มได้
โดยเฉพาะหัวหน้าบาทหลวงของอัศวินแห่งแสง ฉู่เหินอยากลองใช้ไม้ขักขระ (ไม้เท้าแบบพระจีน) ในมือของอีกฝ่ายใจจะขาด เพราะเขารู้สึกได้ว่าไม้เท้านั้นอาจมีประโยชน์กับเขา
เนื่องจากคนเหล่านี้ปล่อยให้พวกของตัวเองตายและไม่สนใจที่จะช่วยใคร ดังนั้นฉู่เหินจึงหาจังหวะซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน และในขณะที่ทุกคนไม่สนใจ เขาก็หาโอกาสสวมหน้ากากอย่างรวดเร็ว เป็นเวลานานกว่าที่หมอกพิษระลอกสุดท้ายจะถูกแมวนพเวทย์ย่อยเสร็จ ดังนั้นฉู่เหินจึงแอบเรียกฉู่เฟิงกลับมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นหน้ากากจึงกลับมาอยู่ในมือของเขา
หลังจากฉู่เหินเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง ซ่างกวงชิงเฟิงและคนอื่นๆ ที่เห็นต่างก็พากันประหลาดใจ แต่พวกเขาก็พากันเก็บอาการ และมีแค่ซ่างกวงเสี่ยวฟู๋เท่านั้นที่มองอย่างเอือมระอา ซึ่งในสายตาของเสี่ยวฟู๋เมื่อฉู่เหินสวมหน้ากากนี้นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีคนตาย!
ฉู่เหินฝากโม่เจียวไว้กับเสี่ยวฟู๋ และให้ตระกูลซ่างกวงหนีไปด้วยกัน สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เขาต้องสละตัวเองเพื่ออิสรภาพของตระกูลซ่างกวง แต่มันก็คงไม่ยากที่พวกเขาจะติดต่อกันในอนาคต
ขณะที่ผู้คนในตระกูลซ่างกวงกำลังตื่นตระหนก ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นร่างหนึ่งพุ่งตัวมาจากระยะไกล ร่างนี้ค่อนข้างรวดเร็วและมีมุ่งเป้าไปที่ ตระกูลเทียนฉุ่ย! อาจเป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้ซ่างกวงชิงเฟิงเพิ่งจะขอซื้อยาชำระล้างกระดูกมาจากตระกูลนี้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจ
ตอนนี้ฉู่เหินต้องการหาแพะรับบาป และคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเจ้าชายแวมไพร์ที่อยู่ในหม้อทองคำนั่นเอง ครั้งที่แล้วเขาสู้กับฉู่เหินและถูกจัดการอย่างน่าสมเพช
สำหรับฉู่เหิน ในวันนี้เขาได้วัตถุดิบระดับ 3 มามากมาย ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ง่ายที่จะสร้างหุ่นเชิดขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่ครั้งนี้ฉู่เหินจะใช้ทริคนิดหน่อยตอนแยกวิญญาณ ครั้งนี้เขาไม่ได้แยกวิญญาณออก แต่กลับเลือกที่จะสร้างเมล็ดวิญญาณขึ้นมาเอง วิธีการนี้จะทำให้เมล็ดวิญญาณมีเจตจำนงของมันเอง
วิธีฝังเมล็ดวิญญาณนี้เข้าไปในร่างเจ้าชายแวมไพร์ ถือว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่นั่นก็แลกมากับการสร้างความเสียหายเล็กน้อยต่อวิญญาณด้วยเช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร หลังจากพัก 2-3 ชั่วโมงก็จะกลับมาเป็นปกติ
ส่วนที่เหลือฉู่เหินก็แค่ทำให้เจ้าชายแวมไพร์กลายเป็นหุ่นเชิด แต่น่าเสียดายที่วิญญาณในร่างกายได้สลายหายไปนานแล้ว ส่วนจะไปสร้างโทนี่เป็นหุ่นเชิด ก็ไม่คุ้มเพราะโทนี่เป็นแค่มนุษย์ที่ฝึกวิชาไม่ใช่แวมไพร์
ร่างของแวมไพร์นั้นมีกรงเล็บเหล็กในมือทั้งสองข้าง หลังจากที่พุ่งเข้าใส่ตระกูลเทียนฉุ่ย พวกเขาก็ถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมด้วยฝีมือหุ่นเชิดอย่างเจ้าชายแวมไพร์ ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าชายแวมไพร์หลังจากถูกเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดเหล็กแล้วจะพัฒนาขึ้นมากจนมาถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว! นั่นจึงเป็นผลให้พวกเทียนฉุ่ยไม่สามารถต่อต้านได้เลย
ตัวตนของเจ้าชายแวมไพร์นั้นมีความโดดเด่นเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่ปรากฏตัว หลังจากฝ่ายเจ้าชายแวมไพร์ลงมือ ผู้คนก็ลุกฮือพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ ทุกคนเริ่มต้นการสังหารตระกูลเทียนฉุ่ย
ที่เป็นแบบนี้เพราะทุกคนเริ่มคิดได้ว่า การต่อสู้ก่อนหน้านี้คนที่ไปปะทะกับเจ้าชายแวมไพร์เป็นหนึ่งในตระกูลเทียนฉุ่ยงั้นหรือ (หมายถึงฉู่เหิน)? ด้วยเหตุนั้นทำให้บางกลุ่มไม่อาจอยู่เฉยได้และเตรียมที่จะเข้าไปจับคนของตระกูลเทียนฉุ่ยอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ตระกูลซ่างกวงต่างก็ไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งหนีทันที ทว่าฉู่เหินกลับไม่ติดตามไปด้วย และเลือกที่จะเปลี่ยนใบหน้าเพื่อแฝงตัวไปอยู่กลุ่มอื่น
“แกทำร้ายฉัน! ฉันจะทำลายตระกูลของแก!” เจ้าชายแวมไพร์พูดออกมาด้วยความดุเดือดและพุ่งตัวเองเข้าใส่คนของตระกูลเทียนฉุ่ยที่อยู่แถวค่ายกลกระบี่นั่น ทว่าเมื่อเจ้าชายแวมไพร์พุ่งเข้าใส่ค่ายกล ร่างของเขาก็พลันสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปในอากาศ
แต่จริงๆ แล้วเจ้าชายแวมไพร์ไม่ได้พลาด มันคือความตั้งใจของฉู่เหิน
ที่จริงฉู่เหินไม่อยากจะทิ้งหุ่นเชิดตัวนี้แต่มันช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม ถ้าเจ้าชายแวมไพร์นี้ยังอยู่เขาจะต้องเดือดร้อนแน่ ๆ และวิธีนี้เท่านั้นถึงจะไม่ทำให้เขาต้องถูกสงสัย
การปรากฏตัวของกลุ่มอื่นทำให้ตระกูลซ่างกวงต้องกัดฟันหลบหนี เพราะถ้าหากไม่หนีไปตอนนี้ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ด้วยพลังของค่ายกลกระบี่เบื้องหน้า!
แม้ฉู่เหินจะไม่ชอบพวกคนเหล่านี้สักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่อยากที่จะให้มีคนตายไปมากกว่านี้สักเท่าไหร่
“ผู้อาวุโสและพวกพ้องทั้งหลาย ได้โปรดฟังทางนี้ ฉันมีความรู้เรื่องค่ายกล แต่ฉันรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อครั้งที่ฉันติดตามท่านอาจารย์ ท่านสามารถทำลายค่ายกลแบบนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา ฉันเลยมีความรู้ติดตัวมาบ้าง ต่อให้มีค่ายกลกระบี่มากมายเบื้องหน้า ฉันก็สามารถปกป้องคนอื่นให้ผ่านไปได้อีก 3 คนพร้อมกัน ถ้าหากอยากผ่านไปละก็ ฉันจะอาสาเอง”
เมื่อฉู่เหินพูดแบบนั้น ทุกคนในห้องก็มองหน้ากันและไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนนี้จะเดินฝ่าค่ายกลกระบี่พวกนี้ไปได้
ฉู่เหินมองพวกเขาก็รู้เลยว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังค่ายกลกระบี่พร้อมกับพูดเบา ๆ
“ฉันรู้ว่าพวกนายไม่เชื่อใจฉัน ดังนั้นฉันจะทำให้พวกนายเห็นเอง” พูดจบฉู่เหินก็เดินเข้าไปตรง ๆ กระบี่ทุกเล่มพุ่งผ่านเขาไปเล่มแล้วเล่มเล่าโดยไม่ได้สัมผัสร่างของเขาเลย ภาพนี้มันช่างประหลาดตายิ่งนัก
พวกกลุ่มต่างๆ เองก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าชายคนนี้ผ่านเข้าไปได้จริง ๆ ฉู่เหินสามารถเดินผ่านค่ายกลกระบี่ไปได้อย่างสบาย ๆ และเมื่อเขาหลุดออกมาแล้วออกมาจากอีกฝั่งก็หันกลับมาพูดว่า
“มีคำกล่าวไว้ว่าไม่มีสิ่งใดได้มาฟรี ๆ ถ้าพวกนายอยากจะให้ฉันช่วย พวกนายก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางมา ฉันจะเตือนอีกครั้งนะว่าห้ามเล่นตุกติก เพราะถ้าฉันตกอยู่ในอันตราย ก็คงไม่มีใครพาพวกนายข้ามไปได้อีก จริงไหมล่ะ?”
ถ้าเสี่ยวฟู๋ได้เห็นภาพนี้ เธอจะต้องพูดออกมาอย่างไม่ลังเลเลยว่า
ดาวร้ายตัวพ่อ ปรากฏตัวแล้ว!