บทที่ 195 เก็บเกี่ยวอย่างยิ่งใหญ่[รีไรท์]
บทที่ 195 เก็บเกี่ยวอย่างยิ่งใหญ่[รีไรท์]
หลังจากเก็บสมบัติมาหมดทุกชิ้น ฉู่เหินก็เดินออกจากที่นี่ทันที แต่หลังจากครุ่นคิดดู ถ้าเขาขังคนเอาไว้ที่นี่ แล้วจู่ ๆ เกิดคนพวกนี้ออกไปได้ ขืนเป็นแบบนี้ก็คงจะไม่มีหลักประกันว่าหลังจากนี้เขาจะปลอดภัยหรือเปล่า หลังจากคิดแล้วคิดอีก ชายหนุ่มก็คิดบางอย่างออก
ฉู่เหินเดินไปที่อีกฟากหนึ่งของค่ายกลก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในนั้น และตะโกนออกมา “ทุกท่าน ฉันไม่รู้ว่าพวกนายอยากกลับกันตอนไหน ถ้าจะให้ฉันรอแล้วพากลับมาทีละคนมันก็คงเป็นไปไม่ได้”
ทันทีที่ฉู่เหินพูดออกไป พวกเขาก็ก่นด่าสาปแช่งฉู่เหินทันทีเพราะหลังจากที่เขาจัดการสามปรมาจารย์ไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มรู้แล้วว่าฉู่เหินต้องการจะทำอะไร ตอนนี้พวกเขาได้แต่เกลียดที่ตัวเองที่โลภมากเกินไป ไม่งั้นพวกเขาคงไม่เข้ามาในที่แบบนี้แล้วออกไปไม่ได้
“เจ้าหนุ่มอย่าทำแบบนี้เลย ไม่งั้นพวกเราจะกลายเป็นศัตรูกับแก ถ้าแกทำแบบนี้แกคิดว่าตัวเองจะปลอดภัยหรือยังไงกัน?” ปรมาจารย์พยัคฆ์มังกรเดินออกมาและพยายามโน้มน้าวใจฉู่เหิน
หลังจากนั้นไม่นานนัก ปรมาจารย์ของตระกูลหลิ่วก็พูดออกมา
“ใช่เลย ใช่เลย นั่นแหละคือเหตุผล! ถ้าแกยังขังพวกเราไว้ที่นี่ แกจะต้องเสียใจ ถ้าพวกตะวันตกมันคลั่งโจมตีทุกคนละก็ทุกอย่างจะเป็นยังไง?”
“ฉันรู้ความหมายของนาย แต่ฉันก็ไม่ได้ขังพวกนายไว้ที่นี่จริงจังสักหน่อย ฉันแค่ส่งพวกนายกลับไปทีละคนไม่ได้ แต่ฉันก็พยายามจะพาพวกนายออกไปด้วยทางออกลับของค่ายกลกระบี่นี่แหละ ถ้าพวกนายรู้วิธีนั้นละก็ จากภูเขาสูงชันจะกลายเป็นที่ราบขึ้นมาเลยล่ะ!”
พอได้ยินแบบนั้นทุกคนในนี้ก็ตกตะลึงกันหมด ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ มันก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ฉู่เหินพาพวกเขาเข้ามาซะอีก เมื่อมองอีกมุมหนึ่งมันก็ดูเหมือนว่าฉู่เหินจะมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น ๆ มากทีเดียว
ทุกคนในที่นี้รวมไปถึงยอดฝีมือมองไปยังฉู่เหินด้วยสายตาไม่เชื่อใจ พวกเขาไม่คิดว่าไอ้เด็กนี้จะใจดี ถึงกับบอกความลับของค่ายกลที่เป็นกุญแจสำคัญ ความลับแบบนี้เขาจะเปิดเผยมันง่าย ๆ เนี่ยนะ?
“ไอ้หนุ่ม แกคงจะไม่ให้เรารู้ความลับง่าย ๆ หรอกสินะ!” ชายชราของสำนักภูติทะเลทรายพูดออกมา ขณะที่เหลือบมองฉู่เหิน
“ผู้อาวุโสฉลาดไม่เบานะเนี่ย!” คำที่ฉู่เหินพูดออกมานั้นเหมือนเป็นการตบหน้าของชายชรา ในใจของทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่า
‘ไอ้เด็กนี้มันไม่ได้ใจดีอย่างที่เห็นหรอก และตั้งแต่ที่เจอกับไอ้เด็กนี้ครั้งแรกฉันก็รู้อยู่แล้ว!’
“ไอ้หนุ่ม พวกเราจะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน ไม่ว่าคำขอของนายจะเป็นอะไร พวกเราก็ตกลง! ถ้าเราทำได้พวกเราก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน” ปรมาจารย์จากเทือกเขาพยัคฆ์มังกรพูดออกมาหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
“ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก มันขึ้นอยู่กับราคาที่พวกคุณยินดีจ่ายเท่านั้นเอง! ฉันก็ไม่ได้ละโมบโลภมากอะไรขนาดนั้น ทุกฝ่ายต่างก็มีสมบัติระดับสาม สี่ หรือสูงกว่านั้นสินะ งั้นฉันจะสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายให้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ แค่ยืนอยู่บนค่ายกลหยกนี้จากนั้นก็จะหายลับไปเลย”
“ถ้าแกพูดจริงพวกเราก็ยินดีจ่าย!” เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหินทุกคนในนั้นก็หงุดหงิดจนต้องกัดฟันกรอด ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สมบัติระดับสาม สี่หรือสูงกว่างั้นเหรอ? แค่คิดก็ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดแล้ว! แต่ถ้าเทียบกับการติดอยู่ในนี้แล้วแน่นอนว่ามันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง
มีกองกำลังมากมายในนี้ หลายกลุ่มมีสมบัติระดับสูงมากมายทำให้พวกกองกำลังเล็ก ๆ นั้นอิจฉาเป็นอย่างมาก ใคร ๆ ก็รู้ว่าครั้งนี้พวกเขามาล่าสมบัติกัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้อะไรเลย และตอนนี้สถานการณ์มันก็เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าพวกเขายังต้องมาเสียสมบัติที่พกติดตัวมาอีกแบบนี้มันขาดทุนชัด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็คิดว่านั่นก็ดีกว่าตาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหยุดทุกความคิดนี้เอาไว้ก่อน
แม้ว่าอยากจะให้ฉู่เหินพาตัวเองออกไปมากแค่ไหน แต่มันก็ยากเกินไปที่จะกล้าออกไปเป็นคนแรก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาไม่เชื่อใจฉู่เหินแต่พวกเขาเห็นแล้วว่าฉู่เหินเจ้าเล่ห์ขนาดไหน วิชายุทธ์อย่างเดียวยังพอเข้าใจ แต่มันยังมีความฉลาดล่อให้คนอื่นไปตาย ดูอย่างสามคนนั้นที่ตายในค่ายกลสิ?
หลังจากสรุปผลอยู่นานทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยในข้อตกลงนี้ ฉู่เหินเองก็หยิบของออกมาและเปิดใช้งานหยก ไม่นานนักกองหยกก็เสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งตอนนี้ฉู่เหินเริ่มแจกจ่ายหยกให้กับคนอื่น
ทว่า สำหรับกลุ่มหลักทั้งสามนั้นฉู่เหินไม่สนใจและไม่รับของอะไรจากพวกเขา นี่เป็นความจริงที่ว่ามีคนมากมายดูถูกตัวเขาก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่อยากปล่อยเจ้าพวกนี้ไปแม้แต่คนเดียว คนอื่นอาจกลัวการลบหลู่ทั้งสามกลุ่มนี้แต่เขาไม่กลัว!
เขามีวัสดุระดับสี่และระดับห้ามากมายในมือ ถ้าเป็นแบบนี้เขาจะสามารถยกระดับของหุ่นเชิดอย่างฉู่เฟิงให้แข็งแกร่งกว่านี้ได้! ทันทีที่ฉู่เฟิงเข้าสู่ระดับศพสีเงิน ฉู่เฟิงก็จะสามารถร่ำเรียนวิชายุทธ์ได้บ้าง แม้แต่การฟื้นคืนความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชาติที่แล้วก็ยังสามารถทำได้ด้วย
ตอนนี้ฉู่เฟิงช่วยเขาไม่ได้มากนักเพราะความสามารถในการต่อสู้ของฉู่เฟิงยังไม่สูงพอ แต่ถ้าเกิดอีกฝ่ายใช้วิชากิเลนได้แล้วเพิ่มทักษะการต่อสู้ในอนาคตล่ะ? เมื่อฉู่เหินแน่ใจในพลังความแข็งแกร่งของฉู่เฟิงแล้ว ถ้าถึงวันนั้นจริง มันก็จะเป็นวันที่ชายหนุ่มบุกไปที่เทือกเขาเทียนชาน
เฉินเจียนถูกจับไปที่นั่น เขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ ทว่าพลังการฝึกฝนของฉู่เหินนั้นต่ำเกินไป เขาจึงไม่กล้าทำอะไรมากนักแต่ด้วยการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ ฉู่เหินเชื่อว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้แน่
ฉู่เหินมองไปยังสิ่งของต่าง ๆ ด้วยความตื่นเต้นจนอยากจะร้องออกมา แต่ในบรรดาของพวกนี้มีลูกธนูอยู่ 3 ดอกที่ทำให้เขาดีใจที่สุด ลูกธนูทั้งสามดูเหมือนกับลูกศรขนนกสีขาว แต่เป็นสมบัติระดับห้า แค่มองก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งเทพเจ้าจากมัน ของที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้มันยากให้เชื่อจริง ๆ ว่าเกิดขึ้น
ในบรรดาสิ่งของทั้งหมดนี้ ลูกศรขนนกสีขาวถูกใจเขามากที่สุด เพราะเมื่อยิงออกไปแล้วมันจะกลับมาหาผู้ใช้ได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่มันยังไม่ถูกทำลาย มันคือสมบัติระดับห้าที่ดึงเอาพลังของสวรรค์และโลกมาใช้งานโดยอัตโนมัติ
ดังนั้นจึงทำให้ศรนี้ทรงพลังมากกว่าปกติหลายเท่าเวลายิงออกไป ถ้าฉู่เหินมีลูกศรขนนกสีขาวพวกนี้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ ฉู่เหินก็สามารถต่อสู้ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
หลังจากจัดการของพวกนี้เสร็จสิ้น ฉู่เหินก็รีบถอยกลับออกมา ครั้งนี้เขาได้ของดีมามากมาย เพราะงั้นเขาจึงไม่อยากสำรวจสุสานอะไรอีกแล้ว และด้วยผลลัพธ์ที่ลงเอยแบบนี้ มันก็ทำเอาทุกคนมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่ลุกโชนไปด้วยความอิจฉา!
หลังจากที่ขว้างหยกออกไป ฉู่เหินก็รีบหนีไปทันที ผู้คนต่างตกใจแล้วพยายามไล่ตามแต่วิชาตัวเบาของพวกเขาไม่สูงพอบวกกับความเร็วของชายที่รวดเร็วมากจนทำให้ทุกคนหวาดกลัว ไม่นานนักฉู่เหินก็หายตัวจากพื้นที่นี้อย่างไร้ร่องรอย
กลับมาที่ด้านของเฉินเจียน
ตอนนี้อารมณ์ของเฉินเจียนซับซ้อนมาก พวกคนที่พาเธอมานั้นจับตัวเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหนจากนั้นก็เอาของใช้เก่า ๆ ของพ่อเธอออกมา รวมไปถึงรูปของเขาและรูปครอบครัวสมัยก่อนที่มีเธอตอนเด็กอยู่ด้วย ทุกสิ่งนั้นพิสูจน์ได้เลยว่าชายในรูปคือพ่อของเธอ
สิ่งที่ทำให้เธอไม่เชื่อที่สุดก็คือการที่พ่อของเธอนั้นได้กลายเป็นกระดูกไปแล้ว และคนที่ฆ่าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่เหิน!! ตอนนี้สายตาของเธอมองไปที่หลุมศพของพ่อที่มีชื่อว่า เฉินจวิน สลักอยู่
ความรู้สึกมากมายปะปนกันไปในร่างกาย ทำให้เธอเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ตอนนี้เธอมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางแรกคือกินยาชำระล้างไขกระดูก และจากนั้นเธอก็จะเปลี่ยนไปราวกับได้เกิดใหม่ แม้แต่พวกปรมาจารย์หรือยอดฝีมือต่างๆ ก็ไม่อาจสู้เธอได้และหลังจากนั้นสิ่งที่เธอจะต้องทำก็คือการฆ่า ฉู่เหิน!
อีกทางหนึ่งก็คือถ้าไม่กินยาชำระล้างไขกระดูก เธอจะถูกส่งกลับไปใช้ชีวิตเงียบ ๆ ของเธอคนเดียว แต่แบบนั้นแล้วเธอจะฆ่าฉู่เหินเพื่อแก้แค้นให้พ่อของเธอได้ยังไงล่ะ ? เธอเองก็ได้แต่สงสัยคนดี ๆ แบบฉู่เหิน เขาจะทำร้ายพ่อของเธอได้ยังไง?
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งได้รับรู้ว่าฉู่เหินนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ด้วยตัวตนในปัจจุบันของเขา ถ้าไม่คิดที่จะตามล่าสุดชีวิตเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามพัฒนาการของเขาทัน ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นราวกับติดจรวด เมื่อทราบดังนั้น พลันความเกลียดชังก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธออย่างเงียบ ๆ