สุดยอดชาวประมง – บทที่ 215 ช่างตีเหล็กที่น่าสนใจ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 215 ช่างตีเหล็กที่น่าสนใจ

บทที่ 215 ช่างตีเหล็กที่น่าสนใจ

“จริงด้วย ผมยังไม่รู้ชื่อของคุณเลย!” หลังจากกินข้าวเสร็จฉู่เหินก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ถามชื่อของคนที่ช่วยเขาเลย

“ฉัน หลิวป๋าจิ๋น ฉันเกิดในตระกูลป๋าจิ๋น แต่พ่อกับแม่ไม่ได้ตั้งชื่อให้ฉันเอาไว้ ฉันเลยเรียกตัวเองว่าหลิวป๋าจิ๋น” ตอนที่พูดถึงชื่อของตัวเองนั้น หลิวป๋าจิ๋น พูดออกมาอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่มีท่าทีที่หมองเศร้าเลยแม้แต่น้อย

“ผมว่า ชื่อนี้จะไม่ได้ดูเลิศหรูอะไรแต่ก็ไม่ได้จืดชืด มนุษย์ไม่รู้จักพอทว่าอย่างน้อยถ้าไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายเกิดไปชีวิตก็จะมีความสุขดี ถึงแม้คุณอาจไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นชื่อที่ดีนะ”

หลิวป๋าจิ๋นมีชีวิตมากว่า 30 ปีไม่เคยมีใครบอกว่าชื่อของเขาดีมาก่อน ทำให้เขาอดรู้สึกดีไม่ได้ พอเห็นแบบนี้ฉู่เหินก็หัวเราะออกมา

“นายนี่มารยาทดีจริงๆ เลยนะ ต่างกับคนก่อนหน้าที่เอาแต่ถามวิธีทำอาวุธอยู่นั่นแหละ” แม้ว่าประโยคนี้จะสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองชัดเจน แต่เมื่อออกจากปากของหลิวป๋าจิ๋นกลับไม่เป็นอย่างนั้นซะทีเดียว มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเจอคนไม่ดีจนชินแล้วมากกว่า

“แล้วพวกนาย 2 คนชื่ออะไรล่ะ?” หลิวป๋าจิ๋นเกาหัวเพราะว่าเขาอยากคุยกับทั้งสอง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“ผมฉู่เหิน ส่วนนี่ฉู่เฟิง” ฉู่เหินเลือกที่จะไม่ปิดบัง แม้ว่าการใช้ชื่อจริงนั้นอาจจะมีปัญหาตามมาแต่อีกฝ่ายก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจทำให้เขาทำใจโกหกไม่ลง

“ฉู่เหิน…ฉู่เฟิง เป็นชื่อที่ดีๆ”

หลังได้ยินคำชื่นชม ฉู่เหินก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “พี่ป๋าจิ๋น ชื่อของพี่ พี่คิดขึ้นมาเองเหรอ” ที่จริงฉู่เหินแค่ถามไปอย่างนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบอยู่แล้ว

“เดินทางมานับพันไมล์ โดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ เป็นเหมือนวีรบุรุษในตำนาน ชื่อดียังไงก็เป็นชื่อดี” ความเห็นของหลิวป๋าจิ๋นนั้นดูเหมือนเด็กๆ เขายิ้มแล้วอธิบายให้ฉู่เหินฟัง

“จริงสิ พี่ป๋าจิ๋นเมื่อกี้พี่บอกว่าเก่งด้านการสร้างอาวุธ ไม่รู้ว่าพอจะให้พวกฉันชื่นชมหน่อยได้ไหม” ฉู่เหินไม่ได้หวังว่าเขาจะเจออาวุธมีค่าที่นี่แต่พอได้ยินถึงคนมาหาพี่ป๋าจิ๋นเพราะอาวุธเขาเองก็สนใจขึ้นมา

หลิวป๋าจิ๋นเมื่อนึกถึงอาวุธที่เขาสร้างขึ้นมาเขาก็เนื้อเต้น เขารีบจับแขนอีกข้างของฉู่เหินแล้วพาเดินไปทางด้านข้าง เมื่อเห็นความกระตือรือร้นแบบนี้ทำให้ฉู่เหินตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน แต่ฉู่เหินก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินต่อไป โดยมีฉู่เฟิงเดินตามหลังไปด้วย

พวกเขาเดินมาถึงประตูหลังของบ้าน หลิวป๋าจิ๋นก็เปิดประตูออกมา ฉู่เหินมองรอบๆ ก็ตกใจที่เห็นบ้านไม้สามหลังจริงๆ แล้วใช้วัสดุในการสร้างที่ทนทานมากกว่าที่เขาเห็นภายนอกมากขนาดนี้

บนผนังมีอาวุธแขวนอยู่หลากหลายประเภท แม้ว่าฉู่เหินจะยังบาดเจ็บอยู่ แต่เขาก็จ้องมองไม่วางตา เขารู้สึกว่าอาวุธที่แขวนอยู่นั่นทั้งหมดอย่างต่ำๆ ก็ระดับ 3 แถมยังมีเป็นร้อยชิ้นอีก ฉู่เหินแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

มีด,ปืน, ดาบ, ง้าว, ขวาน, ตะขอ, ช้อน,ส้อม, แส้, ค้อน, คว้า, แท่ง, หอก,กระบอง,ไม้นวด,ค้อนยักษ์,กระบองสองท่อนเกือบทั้งหมดสิบแปดอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีระดับที่ต่างกัน แต่ก็ล้วนเป็นของชั้นยอด

ในบรรดาอาวุธพวกนั้นมีธนูยาวเมตรกว่าๆ อันหนึ่งดึงดูดสายตาของฉู่เหิน ข้างๆ มีซองลูกศรทั้งซองเป็นสีม่วงทอง แม้ว่าจะวางซ้อนเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้มิดเพราะพลังดาวดวงที่แพร่ออกมา

ฉู่เหินขอให้ฉู่เฟิงช่วยพยุงเขาเข้าไป แล้วหยิบซองธนูออกมาดูอย่างระมัดระวัง เขาพบว่าลูกธนูที่อยู่ในซองระดับสูงมาก เป็นของระดับ 6 เป็นอย่างต่ำ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถสร้างอาวุธระดับ 6 ขึ้นมาได้

ถ้าของพวกเป็นของยอดฝีมือฉู่เหินคงจะไม่แปลกใจ แต่เจ้าของคนนี้เป็นมนุษย์ธรรมดา ทำให้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะเป็นปรมาจารย์ปลอมตัวมา

แต่ในตอนที่เขามองไปที่อีกฝ่าย เขาก็สังเกตว่าการเดินของอีกฝ่ายดูไม่เหมือนคนที่ฝึกวิชาเลยสักนิด ถึงจะดูแข็งแรงแต่ก็ไม่ใช่ยอดฝีมือแน่ๆ

“นี่มันสุดยอดมาก เป็นอาวุธวิเศษทั้งนั้นเลยด้วย” ฉู่เหินกำมือแล้วหันไปทางหลิวป๋าจิ๋น เป็นการเคารพอีกฝ่าย

“แค่เล็กๆ น้อยๆ น่า ไม่ต้องเคารพกันขนาดนั้นก็ได้” หลิวป๋าจิ๋นถ่อมตัวอย่างบ่ายเบี่ยง แต่ฉู่เหินก็ให้ความเคารพกับเขาอยู่ดี ไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องการหรือไม่

“พอดีว่ามีผมดาบที่เสียหายจากการเดินป่า ผมไม่รู้ว่าพี่จะซ่อมมันได้ไหม” หลังจากนั้นฉู่เหินก็หยิบดาบวงพระจันทร์ของเขาออกมา มันไม่มีรอยบิ่นแม้แต่น้อยบนตัวดาบ แต่ฉู่เหินที่ใช้มันตลอดเวลารู้ดีว่ามันเสียหายไม่น้อยเลย!

หลิวป๋าจิ๋นหยิบดาบวงพระจันทร์แล้วตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกยกย่องคนที่ตีดาบเล่มนี้ขึ้นมา แต่เขาก็ตอบฉู่เหินตามตรงว่ามีร่องรอยการซ่อมแซมอยู่แล้วแต่มันก็ไม่ได้ดีเท่าเดิมคนซ่อมคงฝีมืองั้นๆ!

หลังจากที่ได้ยินความเห็นของอีกฝ่ายฉู่เหินก็อดรู้สึกกระดากปากไม่ได้

เขาไม่ค่อยจะเก่งในด้านนี้ซักเท่าไหร่ เขาเลยซ่อมดาบวงพระจันทร์ขึ้นมาโดยการเปลี่ยนวัตถุดิบ แต่ถ้าอยู่ในมือหลิวป๋าจิ๋นต้องทำให้ระดับของมันสูงขึ้นแน่ๆ

“ฉันมีของสองชิ้นที่พอจะเอามาซ่อมได้อยู่ แต่ค่าซ่อมไม่ถูกหรอกนะ” ถ้ามีวัตถุดิบเขาก็พอที่จะซ่อมได้

ฉู่เหินตกลงทันที เขาไม่คิดว่าประโยคคุยเล่นสองสามประโยคจะกลายเป็นจ้างงานอีกฝ่ายซะได้ แต่เขามีวัตถุดิบเก็บเอาไว้ในแหวนมิติมากมายไม่มีปัญหาในเรื่องวัตถุดิบอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องเงินก็ไม่ต้องคิดให้วุ่นวายเพราะว่ามันเอามาเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว

หลังจากกลับมาที่ห้องฉู่เหินก็เริ่มโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ กระดูกและเส้นเอ็นของเขาได้รับความเสียหายไม่น้อยเลย 2-3 วันนี้ไม่ที่ทางที่จะหายดีได้แน่นอน ฉู่เฟิงจึงคอยเฝ้าฉู่เหินเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

3 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างนี้หลิวป๋าจิ๋นไม่ได้แวะมาหาพวกเขาเลย แต่แม้ว่าฉู่เหินจะไม่เจอหลิวป๋าจิ๋น แต่ผู้อาวุโสปลาหมึกออกมารับผิดชอบทำอาหารให้เขาแทน แน่นอนไม่ต้องพูดถึงฉู่เฟิงเลยเพราะว่าฉู่เฟิงทำอาหารไม่เป็น

ตอนนี้อาการของฉู่เหินดีขึ้นมามากแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ต้องใช้ฉู่เฟิงช่วยประคอง ฉู่เหินคิดว่าหลังจากหายเขาน่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแน่นอน!

ผ่านไปอีก 4 วันหลังจากความพยายามอย่างไม่ลดละตลอด 7 วันตอนนี้ร่างกายของฉู่เหินกลับมาแข็งแรงแล้วอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ!

ไม่นานหลังจากนั้นหลิวป๋าจิ๋นก็กลับมา!

สุดยอดชาวประมง

สุดยอดชาวประมง

Status: Ongoing
ฉู่เหิน เด็กหนุ่มธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง ทุกวันเขาจะออกไปหาปลาที่ทะเลกับพี่ชาย แต่วันนั้นก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งสองพยายามหนีจากพายุลูกนั้นอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่ทัน…ในขณะนั้นเองฉู่เหินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขาทันใดนั้นก็มีแหปรากฎออกมาตรงหน้าเขาหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยายาบาลและโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่กลับกันกับพี่ชายของเขาที่อยู่ในห้องผู้ป่วยข้างๆ มีสภาพที่ขาหัก หรืออาจจะต้องเสียขาและพิการไปตลอดชีวิต ซึ่งค่ารักษาพยายาบาลของพี่ชายเขาไม่ใช่เงินน้อยๆ แล้วอย่างนี้ฉู่เหินจะทำยังไงต่อไป….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท