สุดยอดชาวประมง – บทที่ 411 เฝ้ารอมานาน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 411 เฝ้ารอมานาน

บทที่ 411 เฝ้ารอมานาน

“สองผู้อาวุโส ได้โปรดปรากฏตัวออกมาเถอะ!” สาเหตุที่ฉู่เหินแยกมาที่นี่คนเดียว จุดประสงค์ก็เพราะอยากจะลองดูว่าในที่ลับแห่งนั้นยังมีคนคุ้มครองคนอื่นอยู่อีกไหม เพื่อที่ตัวเองจะได้ทำการวางแผนจัดการให้เรียบร้อย!

ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีคนเดินออกมาจากที่ซ่อน คนผู้นั้นมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม สี่ราชาและฮาวโยวที่รออยู่ข้างนอก พวกเขาไม่รู้ว่าฉู่เหินมาทำอะไรที่นี่ ทว่าที่พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนก็คือตอนที่มานั้นฉู่เหินมาด้วยความร้อนรนกลุ้มใจ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับปรากฏรอยยิ้มนิด ๆ ขึ้นมาเสียอย่างงั้น

ฉู่เหินไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาพาทุกคนเดินไปตามทางที่โป๋อีกู่น่าจะอยู่ด้วยความรวดเร็ว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ที่กลุ่มคนจากบนภูเขารวมตัวกัน พอมาถึงที่นี่ฉู่เหินก็คิดในใจว่าช่างเลือกสถานที่ฆ่าคนได้ดีจริง ๆ!

หลังจากพุ่งไปในป่าลึก ชายหนุ่มก็พลันสังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่โป๋อีกู่ทิ้งไว้ สัญลักษณ์พวกนี้ในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างล้าสมัยแล้ว แต่ในสถานการณ์ที่พิเศษแบบนี้กลับถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว! เหมือนอย่างในตอนนี้ถ้าไม่มีสัญลักษณ์นี้ การค้นหาอีกฝ่ายก็คงเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร

เมื่อก้าวไปข้างหน้า ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงบนยอดเขา บริเวณดังกล่าวปรากฏเป็นซอกเขา ส่วนด้านหลังก็เป็นหน้าผาสูงชัน ตอนที่เดินมา ฉู่เหินก็ได้คิดวางแผนไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว! อย่างไรเขาก็รู้สึกได้ว่าที่นี่กับที่ชายชราตกภูเขาในวันนั้นค่อนข้างจะเหมือนกัน

ต่อมาฉู่เหินก็อดคิดในใจไม่ได้ ดูเหมือนที่อีกฝ่ายเลือกที่นี่คงเพราะก็จะใช้มันเป็นที่ล้างแค้น! หลังจากชายหนุ่มก้าวเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ฉับพลันก็ได้มีเงาร่างนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา หนึ่งในนั้นมีสองคนที่ยังคงนั่งฝึกฝนพลังวรยุทธ์อยู่ด้านหลังสุดอย่างไม่รู้สึกรู้สา คนพวกนี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือโจวหู่และโป๋อีกู่นั่นเอง!

ด้านหน้าของทั้งสองคนมีเงาสี่ร่างยืนตระหง่านอยู่ ในสี่คนนี้มีสามคนที่ฉู่เหินไม่รู้จัก แต่หญิงสาวคนนั้นก็คือเม่ยซานเหนียง เมื่อพูดถึงเม่ยซานเหนียง ชายหนุ่มกับหญิงสาวถือว่าเคยมีบุญคุณกันครั้งหนึ่ง อีกทั้งวันนั้นคน ๆ นี้ยังพูดบางอย่างที่ยากจะเข้าใจกับตัวเองอีกด้วย แต่ถึงยังงั้นฉู่เหินก็ยังคงจดจำบุญคุณครั้งนั้นได้ขึ้นใจ!

“ฉู่เหิน พวกเราเฝ้ารอนายมานานแล้ว!” พอเหม่ยซานเหนียมเห็นฉู่เหิน หญิงสาวก็พลันพูดประโยคนี้พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก!

เมื่อเขาได้ยินประโยคดังกล่าว สายตาของฉู่เหินก็หรี่แคบลง! ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่เม่ยซานเหนียง อย่างคำที่กล่าวว่าคนที่รู้จักคุณดีที่สุดไม่ใช่เพื่อนของคุณ แต่เป็นศัตรูของคุณเอง เพราะตอนนั้นฉู่เหินกับเม่ยซานเหนียงเคยปะทะกันมาแล้ว ดังนั้นฉู่เหินจึงจดจำเม่ยซานเหนียงได้ขึ้นใจ

กระทั่งจังหวะการพูดของเม่ยซานเหนียง ฉู่เหินก็จำได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม คนตรงหน้านี้ก็ให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับใครอีกคนหนึ่ง ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าคน ๆ นี้กับเหม่ยชิงนั้นมีความคล้ายกันอยู่หลายส่วน เพียงแต่เขาไม่ค่อยรู้จักกับเหม่ยชิงเท่าไร ตอนนั้นแม้ว่าจะเจอกัน ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็เอาแต่วิ่งหนีเท่านั้น

ทว่าเมื่อชายหนุ่มเห็นเม่ยซานเหนียงคนนี้พูดขึ้น จู่ ๆ คำดังกล่าวกับใบหน้าเธอก็คล้ายจะทำให้เขานึกถึงอะไรบางอย่าง! เมื่อฉู่เหินคิดถึงประโยคที่เม่ยซานเหนียงช่วยตัวเองไว้วันนั้น สายตาของเขาก็พลันสั่นไหวเล็กน้อย!

หลังจากที่เขาเข้านิกายกิเลน ชายหนุ่มก็อ่านตำราและคัมภีร์มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคัมภีร์วิชาพิเศษที่มีอยู่ในโลกนี้วิชาหนึ่ง วิชานี้มีชื่อว่าวิชาเก้าเซียน! ได้ยินว่าวิชาเก้าเซียนนั้นต้องผ่านกระบวนการกลับชาติมาเกิดถึงเก้าครั้ง อย่างไรก็ตาม เรื่องการกลับชาติมาเกิดนั้นเป็นเพียงเรื่องราวบอกเล่าต่อกันมาเท่านั้น ที่จริงมีกี่คนบ้างที่เคยเห็น

ดังนั้นในสมัยโบราณ พวกเขาก็ได้ใช้หลักการกลับชาติมาเกิดในการสร้างวิชาเก้าเซียนขึ้นมา! วิชาเก้าเซียนนั้นไม่ใช่การกลับชาติเกิดจริง ๆ แต่มันอาศัยการยึดครองร่างอย่างต่อเนื่อง! ทุก ๆ ครั้งที่ยึดร่าง คนผู้นั้นก็จะถือได้ว่ากลับชาติมาเกิดหนึ่งครั้ง จนกระทั่งถึงครั้งที่เก้าก็จะเป็นอันเสร็จวิชา! เมื่อถึงตอนนั้น คนที่สำเร็จวิชานี้ก็จะมีพลังวรยุทธ์ที่ก้าวกระโดดเลยทีเดียว

เรียกได้ว่าวิชานี้ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน! ตอนที่ฉู่เหินอ่านคัมภีร์ในใจก็ครุ่นคิดนิดหน่อย แต่ตอนนี้พอมาเห็นพลังวรยุทธ์นี้ควรจะเป็นของเหม่ยชิงอยู่ในร่างของเม่ยซานเหนียง นั่นก็แสดงให้เห็นแน่ชัดเลยว่าหญิงสาวนั้นถูกยึดร่างไปแล้ว! เพียงแต่ที่ทำให้ฉู่เหินไม่ค่อยเข้าใจก็คือ หากตัวเองถูกยึดร่างไปแล้ว จะยังมีวิธีที่จะฟื้นคืนชีพได้อีกรึเปล่า

ก่อนหน้านี้ฉู่เหินยังจำประโยคที่เหม่ยซานเหีนยงพูดกับเขาได้! ไม่ว่าจะยังไง ในเมื่อวันนี้ได้พบกันแล้ว ถ้างั้นเขาก็ต้องหาทางช่วยเธอให้ได้

“ฉันควรเรียกเธอว่าเม่ยซานเหนียง หรือว่าเหม่ยชิงดี! คนแบบแกนี้มันบ้าจริง ๆ แม้แต่ศิษย์รักของตัวเองยังยึดร่างมาได้ แถมเวลาเจอผู้ชายก็เดินไม่ถูกเชียวนะ คนอย่างแกนี่มันยิ่งกว่าหมูเสียอีก!” ฉู่เหินพูดประโยคนี้ด้วยใบหน้าดูถูก!

“เรื่องของฉัน ทำไมต้องให้เด็กปากดีอย่างแกมายุ่งด้วยไม่ทราบ เอาเวลาไปยุ่งกับตัวเองดีกว่าไหม ตอนนี้ชะตาชีวิตของแกก็ไม่ได้ยืดยาวนักหรอก ยังจะมาพูดไร้สาระอีก!” เหม่ยชิงที่โดนฉู่เหินพูดแบบนั้นใส่ก็พลันมีสีหน้าย้ำแย่ทันที ต้องเข้าใจว่าเรื่องที่เธอยึดครองร่างเม่ยซานเหนียงมีแค่ลูกศิษย์ทรยศพวกนั้นเท่านั้นที่รู้

ตอนนี้ลูกศิษย์สองสามคนของเธอได้หนีไปแล้ว สองสามคนที่ว่าไม่มีใครกล้าที่จะกลับมาอีก พวกเธอต่างกลัวว่าจะถูกยึดร่างกันทั้งนั้น คนที่แม้แต่ลูกศิษย์ตัวเองยังยึดร่างได้แบบนี้ ไม่คุ้มหรอกที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง! ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คำพูดของฉู่เหินนั้นราวกับไปสะกิดแผลเก่าเธอเข้า

“ทำไมใช้แค่สามคนมาจับฉันล่ะ หรือว่าพรรคของพวกแกมีคนน้อยลงแล้ว!” ฉู่เหินพูดยิ้ม ๆ แล้วมองไปทางขั้นจักรพรรดิดารา 3 คน!

ทั้งสามล้วนแต่เป็นขั้นจักรพรรดิดาราที่แข็งแกร่งมากทีเดียว พวกเขาล้วนแต่อยู่ในขั้นจักรพรรดิดาราระดับ 1 แต่ถึงอย่างงั้นพลังวรยุทธ์ของคนพวกนั้นก็ไม่สามารถเอามาเทียบกับสี่ราชาได้เลยแม้แต่น้อย!

ต้องเข้าใจว่าสี่ราชาเป็นขั้นจักรพรรดิสูงสุด และครั้งก่อนยังได้การตระหนักรู้ของฉู่เหินช่วยอีก จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนิกายกิเลน พลังวรยุทธ์ของทั้งสี่นั้นล้วนแต่ก้าวหน้าขึ้นมาอีกระดับ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในขั้นปราชญ์ระดับต้นแล้ว! เพียงแต่กลบซ่อนเอาไว้ได้ดีมาก จนทำให้มองเหมือนเป็นแค่ขั้นจักรพรรดิระดับสูงเท่านั้น!

ถ้าไม่ใช่เพราะพลังวรยุทธ์ของพวกเขาแข็งแกร่งมาก พ่อและแม่ของฉู่เหินคงไม่วางใจให้พวกเขามาพม่าหรอก! อย่างไรก็ตาม พอเหม่ยชิงได้ยินที่ฉู่เหินพูด เธอก็พลันหัวเราะ!

“พ่อหนุ่มน้อย ในเมื่อฉันล่อเธอมาเจอกันที่นี่ คิดเหรอว่าจะปล่อยให้เธอหนีไปได้ง่าย ๆ หรือว่าเธอคิดว่ามีคนไม่กี่คนที่ดักซุ่มโจมตีที่นี่งั้นเหรอ สถานะอย่างเธอในตอนนี้น่ะ ต่อให้อยากจะฆ่าฉันก็เป็นไปไม่ได้หรอกนะ” หลังพูดจบเหม่ยชิงก็พลันตระโกนเสียงสูงในความว่างเปล่า

หลังสิ้นเสียง บนอากาศก็เกิดแสงสว่าง หลังจากนั้นก็ปรากฏเงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้า หลังจากมองกลุ่มคนที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าตัวเองอย่างวิเคราะห์! ชายหนุ่มก็พบว่าท่ามกลางจำนวนคนทั้ง 40 ถึง 50 คนนี้ มีถึง 45 คนที่เป็นขั้นจักรพรรดิดาราอีกด้วย!

นอกจากนั้นก็ยังมีขั้นปราชญ์ดาราอีก 3 คน หลังเห็นฉากดังกล่าว ฉู่เหินก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าเห็นที่คนพวกนี้คงจะผูกใจเจ็บกับตัวเองมากทีเดียว!

“ในเมื่อก็ปรากฏตัวหมดแล้ว งั้นเราก็ควรจะเริ่มได้แล้วมั้ง” ฉู่เหินไม่สนใจคำถามของเม่ยซานเหนียง กลับเป็นเม่ยซานเหนียงเองที่ได้ยินฉู่เหินพูดแล้วจึงหรี่ตาลง!

แผนการในวันนี้คือการทุ่มหมดหน้าตัก ทว่าเมื่อมองกำลังพลของอีกฝ่าย ชายหนุ่มตรงหน้านี้กลับยังใจเย็นได้อีกงั้นเหรอ?

ในตอนนี้เองก็ได้ยินเสียงมาจากไกล ๆ ว่า “ฉู่เหินก็คือฉู่เหิน ไม่เพียงแต่ฉลาด อีกทั้งไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ไม่เคยลนลาน! แต่ที่ทำให้ฉันรู้สึกสงสัยก็คือ ทำไมคุณถึงรู้ว่าคนบงการเป็นฉัน ไม่ใช่เหม่ยชิงล่ะ!”

สิ้นเสียงก็มีคนอายุไม่มากมาจากที่ไกล ๆ อายุของคน ๆ นี้คล้ายจะพอ ๆ กับฉู่เหิน เขาสวมชุดสูท สวมแว่นกรอบทอง โดยเฉพาะเส้นผมสีทองที่ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์!

ทันทีที่คน ๆ นี้ปรากฏตัว ฉู่เหินก็หรี่ตาลง แม้ว่าเขาจะเพิ่งเคยเจอคนนี้ ๆ ครั้งแรก แต่ว่าลมปราณของคนนี้ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยมาก ดังนั้นเมื่อเขาปรากฏตัว ฉู่เหินจึงรู้ได้ทันทีว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือชายชราที่เปลี่ยนสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์คนนั้น!

สุดยอดชาวประมง

สุดยอดชาวประมง

Status: Ongoing
ฉู่เหิน เด็กหนุ่มธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง ทุกวันเขาจะออกไปหาปลาที่ทะเลกับพี่ชาย แต่วันนั้นก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งสองพยายามหนีจากพายุลูกนั้นอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่ทัน…ในขณะนั้นเองฉู่เหินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขาทันใดนั้นก็มีแหปรากฎออกมาตรงหน้าเขาหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยายาบาลและโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่กลับกันกับพี่ชายของเขาที่อยู่ในห้องผู้ป่วยข้างๆ มีสภาพที่ขาหัก หรืออาจจะต้องเสียขาและพิการไปตลอดชีวิต ซึ่งค่ารักษาพยายาบาลของพี่ชายเขาไม่ใช่เงินน้อยๆ แล้วอย่างนี้ฉู่เหินจะทำยังไงต่อไป….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท