บทที่ 639 ตายสามเจ็บบาดสาม
บทที่ 639 ตายสามเจ็บบาดสาม
เสียงพลังคลื่นเสียงที่ฉู่เหินปลดปล่อยออกมานั้น แท้จริงเป็นพลังของระฆังวิญญาณ ! แน่นอนว่าตอนที่เขาคำรามออกมานั้น เสียงมันก็ดังเกินกว่าที่จะมีใครได้ยินเสียงระฆังนั่น ! หรือต่อให้สัมผัสได้ ก็ไม่มีใครใส่ใจมันนัก ทว่าไม่มีใครรู้เลยว่าเสียงระฆังอันแผ่วเบานั่น จะทำให้ทุกคนสั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ
ไม่เพียงแต่ 8 คนตรงหน้าที่ได้รับผลกระทบ มันยังรวมไปถึงผู้อาวุโส 5 คนนั้นที่เป็นอันต้องหยุดชะงักไปในทันที ! แต่ฉู่เหินก็ได้แอบช่วยป้องกันไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นจิตใจของพวกเขาคงบาดเจ็บ ! ดังนั้นแค่เพียงพริบตาพวกเขาก็สามารถฟื้นสติกลับมาได้
แต่อีก 8 คนกลับไม่ใช่ ตอนนี้พวกเขารู้สึกเหมือนจิตใจหลุดลอย เดิมทีร่างกายของพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว แล้วต้องมาถูกโจมตีจิตใจอย่างกะทันหัน ถึงกับทำให้พวกเขาสิ้นสติไปเลย ! จนกระทั่งผ่านไปชั่วครู่หนึ่งพวกเขายังไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนนี้เองฉู่เหินก็เคลื่อนไหว ใช้ออกกิเลนปะทะของตัวเองอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของฉู่เหินก็บาดเจ็บเช่นเดียวกัน เดิมก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดจะเผด็จศึกในกระบวนท่าเดียวไปเลย ! และในตอนที่ฉู่เหินกำลังเตรียมตัว ผู้อาวุโสทั้งห้าก็ลงมือกับศัตรูตรงหน้าอย่างไม่รอช้าเช่นกัน !
พวกเขารู้สึกดีมากที่ฉู่เหินยังคงยินยอมเรียกพวกเขาว่าผู้อาวุโสอยู่ ! เพราะนั่นหมายความว่าฉู่เหินให้อภัยพวกเขาแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นทั้งห้าก็พุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่ยังคงไม่ได้สติกลับมาด้วยความโหดเหี้ยมในทันที !
และในขณะเดียวกันนี้เอง วิชากิเลนปะทะของฉู่เหินก็ได้โคจรขึ้นมาถึงจุดสูงสุด สร้างความหวาดหวั่นแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก ! …ต้องเข้าใจว่าร่างไททันของพวกเขาก็ถูกกิเลนของฉู่เหินชนจนแตกกระเจิงมาแล้วเมื่อกี้ หากต้องพบเจอกับวิชานี้อีก พวกเขาย่อมไม่อาจสู้ไหวแน่ !
สามคนที่ยืนแน่นิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราว ถูกพลังของเหล่าผู้อาวุโสซัดอย่างแรง ! พวกเขาไม่รอช้าจู่โจมทั้งสามต่ออย่างต่อเนื่อง ทว่าเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ครึ่งทาง ในไม่กี่ชั่วลมหายใจเสียงระเบิดก็ดังขึ้น
และร่างกายของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างฉู่เหินร่างกายแหลกสลายรวมทั้งวิญญาณก็ยังไม่เหลือ ไม่เพียงหนึ่งคน ด้วยฉู่เหินได้เข้าจัดการคนที่สองและที่สามอย่างต่อเนื่อง !
แม้ว่าเดิมเขาคิดจะจัดการทั้ง 5 คนในคราวเดียว แต่ว่าพอถึงคนที่สาม ร่างกิเลนของเขาก็ค่อย ๆ หายไป และเปลี่ยนกลับสู่ร่างเดิม เมื่อเห็นดังนั้นฉู่เหินก็อดที่จะถอดหายใจอย่างเซ็ง ๆ ไม่ได้ ! ที่เขาดันมาพลาดตอนจบ จนไม่สามารถทำให้ 2 คนที่เหลือสิ้นใจตายได้ ! ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้ !
ทันใดนั้นเองผู้อาวุโสสองสามคนที่กลับมาช่วยประคองร่างฉู่เหินที่กำลังจะล้มลง ! พวกเขามองเห็นอนาคตของพรรควายุอัสนีแล้วว่า จะต้องขึ้นตรงกับชายหนุ่มคนนี้ ! พลังของชายหนุ่มเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่น เพราะขนาดพลังวรยุทธ์ของอีกฝ่ายยังไม่ได้สูงอะไร ยังสามารถทำให้ 8 ยอดฝีมือมีสภาพอย่างที่เห็นอยู่นี้ได้ อย่างไม่น่าเชื่อ !
เห็นแบบนี้พวกเขาก็สบายใจ จนยอมที่จะทิ้งอีก 8 คนที่เหลือเพื่อเข้าปกป้องฉู่เหิน ! ฉากนี้ฉู่เหินได้แต่เหลือกตามองแต่ไร้แรงจะทำอะไร นี้มันโอกาสดีที่จะฆ่า 2 คนนั้นได้เชียวนะ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปกว่านี้แล้ว !
แน่นอนว่าในใจของฉู่เหินรู้ดีว่าถ้าเหล่าผู้อาวุโสช่วงชิงโอกาสนี้ เขาก็อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ! เนื่องจากตอนนี้เขาปราศจากเรี่ยวแรงไร้กำลังจะตอบโต้แล้ว !
ฉู่เหินล้มตัวลงบนพื้นใบหน้าซีดขาว ร่างกายไม่มีพลังเหลือเลยสักนิดเดียว ! ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่เดิม และเริ่มโคจรฟื้นฟูพลังกลับมาอีกครั้ง ! ด้วยแม้ว่าร่างกายของเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าพลังที่สูญเสียไป !
โดยในระหว่างที่ฉู่เหินกำลังฟื้นฟูพลังให้กลับมา ค่ายกลที่เขาเคยสร้างก็ได้สลายไปด้วย ! เช่นนี้ทำให้คนในบ้านวายุมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด !
ศิษย์ในบ้านมองด้วยความกระวนกระวาย และเตรียมจะลงมาสู้ด้วย อีกทั้งทุกคนก็มองออกว่าตอนนี้ฉู่เหินหมดแรงทั้งยังไร้การป้องกันตัว ! ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกเขารู้สึกจุกอยู่ในอก คิดในใจว่าการมีฉู่เหินเป็นพรรคพวกช่างเป็นเรื่องโชคดีจริง ๆ!
เดิมศัตรูที่เหลืออยู่เตรียมจะถอยหนี แต่เมื่อเหลือบมองเห็นบ้านวายุปรากฏขึ้น นัยน์ก็ปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมาทันใด พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าบ้านวายุจะมีลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วย ! คนพวกนี้ไม่ได้ลงแรงอะไรเลยกลับมาชนะแบบนี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกไม่ยินยอม คิดหรือว่าจะใช่พลังวรยุทธ์ที่อ่อนแอเช่นนี้ขัดขวางพวกเขา !
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยปะทะครั้งใหญ่มา จนทำให้พวกเขาต้องตายไปสามบาดเจ็บอีกสาม จนตอนนี้เหลือเพียง 2 คนเท่านั้นที่อยู่ในสภาพเตรียมสู้ !
สำหรับพวกที่ตายไปแล้วน่ะไม่ต้องพูดมาก ทว่าคนที่ยังรอดชีวิตมาได้เพียงแค่กินยารักษาก็สามารถกลับมาสู้ได้อีกครั้งแล้ว ! ดังนั้นจะเรียกว่าพวกเขาสามารถจัดการบ้านวายุได้ก็ไม่ผิดนัก !
อย่ามองว่าพวกเขาบาดเจ็บอยู่ เพราะหลังจากเลื่อนขั้นมาถึงขั้นนี้ได้ พวกเขาแต่ละคนย่อมมีวิธีพิเศษต่าง ๆ นานาเป็นของตัวเอง ดังนั้นการจะรักษาบาดแผลในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ! ดังนั้นหลังจากทั้งสองกินยารักษาเข้าไป อีก 3 คนที่เหลือก็เหมือนจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง !
เดิมทีหลังจากพวกเขายืนขึ้นมาได้ ก็หันมามองฉู่เหินด้วยสายตาเย็นเฉียบทันที ! ตัวการที่ทำให้พวกเขามีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ พวกเขาย่อมแค้นเป็นธรรมดา ! แต่ว่าข้างกายฉู่เหินในตอนนี้มีเหล่าผู้อาวุโสที่ไม่อาจดูเบาอยู่ข้างกาย ทำให้พวกเขาไม่อาจทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าได้เนี่ยสิ !
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือในมือของผู้อาวุโสพวกนั้นยังถืออาวุธวิญญาณ ที่แย่งมาจากพวกเขา 3 คนด้วย ! บวกกับร่างกายที่ไร้ร่องรอยบาดเจ็บใด ๆ นั่นก็ยิ่งทำให้พวกเขาไม่คิดจะเข้าใกล้คนพวกนี้เด็ดขาด !
เพราะแบบนี้แม้ว่าพวกเขาจะโกรธแค้น แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ! จากนั้นพวกเขาก็คิดขึ้นมาได้ ว่าในเมื่อตอนนี้ฉู่เหินบาดเจ็บอยู่ ไม่สามารถช่วยเหลือใด ๆ คนในบ้านได้ เช่นนี้พวกเขาก็สามารถเล่นการบ้านวายุได้อย่างหายห่วงแล้ว !!
อีกทั้งอีกสามคนที่เหลือ ก็พลังกลับมาแล้วด้วยแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม ! และอย่าดูถูกพวกเขาสองคน เพราะในตอนนี้ พวกเขาก็ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณทั้งหมดออกมาด้วยขั้นบรรพกาลดารา !
ภาพตรงหน้าทำให้ผู้อาวุโสไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว ! ซึ่งหลังจากฉู่เหินเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจ ดูเหมือนคำกล่าวที่ว่าตีงูต้องตีให้ตายนั้นจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว ดูอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้สิ !
ทว่าฉู่เหินก็ได้แต่ถอนหายใจ ดูสภาพของตัวเองตอนนี้ จะช่วยใครได้กัน ! จึงได้แต่มองอีกสามคนเหลือนั่นเหาะกายตรงไปที่บ้านวายุ โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย !
คนพวกนี้เมื่อมาถึงที่ ก็พุ่งตรงเข้าโจมตีจุดศูนย์กลางของบ้านวายุทันที แต่ทันใดนั้นพลังมหาศาลก็พวยพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ! พลังนั้นแข็งแกร่งมากจนพวกเขาสามคนถึงกับรู้สึกหนาวที่หลัง ! และในตอนนี้เอง ที่พวกเขาถึงได้พบว่าบ้านวายุไม่ได้มีเพียงฉู่เหินเท่านั้นที่เป็นยอดฝีมือ !
