บทที่ 643 ปิดบ้านฝึกฝน
บทที่ 643 ปิดบ้านฝึกฝน
ชายหนุ่มคนนี้ท้าสู้กับพวกเขาที่นี่มานานกว่า 3 ปีเต็ม ภายใน 3 ปีนี้พวกเขาได้ทำให้ตระกูลใหญ่ ๆ แห่งนี้ทุกข์ทรมานเกินกว่าจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ พวกเขาได้แต่ตัดพ้อในใจว่าเหตุใดผู้ถูกกระทำต่อเป็นตนเองอยู่เรื่อย ซึ่งไม่ต้องพูดก็รู้ว่าคนคนนี้ก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของฉู่เหินนั่นเอง !
เดิมทีสองสามขุมอำนาจใหญ่วางแผนว่าจะแอบร่วมมือกันจำกัดชายหนุ่มคนนี้ซะ แต่ในตอนที่พวกเขากำลังลงมือ ชายหนุ่มก็ปล่อยพลังลมปราณของตัวเองออกมา จนขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นถึงกับต้องถอยหนีอย่างไว ! เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่ขั้นบรรพกาลดาราธรรมดาแล้ว แต่เป็นขั้นบรรพกาลสูงสุด และสามารถเลื่อนขั้นต่อไปได้ตลอดเวลา !
เช่นนี้เพราะพวกเขารู้ว่าไม่อาจจะสู้กับเขาไหว อีกทั้งถ้าพวกเขาลงมือก็อาจจะตายได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ ! และแม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะชอบท้าสู้กับพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่อย่างมากที่สุดพวกเขาก็แค่แขนขาหัก ไม่เคยโดนฆ่าตายจนถึงแก่ชีวิตสักครั้ง !
ในที่สุดหลังจากผ่านไป 3 ปีชายคนนั้นก็คิดจะจากไปเสียที แต่ตอนจะไปยังทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ว่าเขากำลังจะไปศูนย์กลางจักรวาล ถ้าใครหน้าไหนกล้าลงมือทำร้ายพรรคของเขา เมื่อเขากลับมาจะไม่มีคำว่าเมตตาอีกต่อไป !
พอชายหนุ่มจากไป ขุมอำนาจต่าง ๆ ก็ยุติทุกอย่างลง ทว่าบ้านวายุที่อยู่ห่างไกลออกไป ตอนนี้กำลังคึกคักสุด ๆ! หลังจากขับไล่ศัตรูออกไปได้ บ้านวายุก็เนื้อหอมขึ้นมาทันที แต่ละวันต้องคอยรับแขกเสมอไม่ซ้ำหน้า เพราะตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าบ้านวายุยอดเยี่ยมขนาดไหน
เพราะพวกเขาถึงกับขับไล่ศัตรูที่มีพลังมากกว่าตัวเอง ทั้งยังสังหารไปมากกว่าครึ่ง ! ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าขุมอำนาจไหนก็ไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเขาอีกแล้ว กลับอยากจะสานสัมพันธ์ด้วยมากกว่า ! เดิมทีหลังจากการต่อสู้ในครั้งนั้นสิ้นสุดลงไม่ถึง 3 วัน ฉู่เหินก็กักตัวเข้าฌานในทันที ! รวมทั้งฉู่ตงและหลิวฮุ่ยกับคนอื่น ๆ ก็ด้วย ! ด้วยเหตุนี้ทำให้บ้านวายุในตอนนี้แทบไม่เหลือใครอยู่แล้ว จะเรียกว่าปิดบ้านฝึกฝนพลังก็ไม่ผิดนัก !
นับจากการต่อสู้ในสิ้นสุดลงวันที่สอง ฉู่เหินก็เล่าเรื่องสถานการณ์ของเพื่อนตัวเองที่กำลังประสบอยู่ให้อาจารย์และศิษย์พี่ทุกคนรับรู้ จนทุกคนรู้ได้จากน้ำเสียงว่าทาปาหยินหนานสำคัญกับฉู่เหินมาก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องไปชิงตัวเขากลับมาจากวังให้ได้ !
แต่อาศัยพลังวรยุทธ์ของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำแบบนั้นได้ และแม้ว่าค่ายกลของฉู่เหินจะร้ายกาจมาก แต่เมื่อไปถึงวังก็คงไม่มีเวลาเหลือมากพอที่จะสร้างมันขึ้นมา ! ดังนั้นชัยชนะของพวกเขาเพียงหนึ่งเดียวก็คือเลื่อนระดับขั้นพลังของตัวเอง !
ฉู่เหินตอนนี้อยู่ขั้นจอมปราชญ์ดาราระดับสูงสุด และสามารถเลื่อนเป็นขั้นเซียนได้ตลอดเวลา ! ขอเพียงเลื่อนขั้นเซียนได้สำเร็จ พลังการโจมตีก็จะเพิ่มมากขึ้น และอาจารย์จูเก๋อโยวหมิงของฉู่เหินในตอนนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเลื่อนขึ้นเป็นขั้นบรรพกาลดาราได้ทุกเมื่อเช่นกัน ! ที่จริงหลายปีมานี้เขากดข่มระดับขั้นของตัวเองเอาไว้ ไม่งั้นเขาคงทะลวงขั้นได้นานแล้ว
อีกทั้งช่วงนี้พลังวรยุทธ์ของศิษย์พี่รองก็ใกล้จะก้าวขึ้นมาหนึ่งขั้นในเร็ว ๆ นี้ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะอยู่ในขั้นบรรพกาลดาราระดับกลาง ที่สำคัญคือศิษย์พี่สามได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นบรรพกาลดาราได้แล้ว โดยเฉพาะครั้งนี้ฉู่เหินกลับมาพร้อมกับสิ่งของดี ๆ หลายอย่าง อย่างชิ้นส่วนพลังนั้นก็ช่วยพี่สามของเขาได้เยอะทีเดียว !
และในช่วงเวลาเดียวกัน จูเก๋อโยวหมิงก็ได้ออกคำสั่งให้ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างนอกกลับมาโดยด่วน ! ตอนนี้บางคนยังอยู่ระหว่างทาง ส่วนบางคนที่กลับมาถึงแล้วฉู่เหินก็มอบชิ้นส่วนพลังให้แก่พวกเขา ! และในเวลาไม่นาน คนที่ยังมาไม่ถึงก็กลับมาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
คนที่กำไลที่สุดเห็นจะเป็นศิษย์พี่สี่และศิษย์พี่ห้า ทั้งสองเหลือเพียงก้าวเดียวก็เลื่อนขั้นบรรพกาลดาราได้แล้ว เพียงแต่เหลือชิ้นส่วนพลังเท่านั้น ตอนนี้กลับได้รับมันมาจากฉู่เหินอย่างที่พวกเขาคาดไม่ถึง สำหรับพวกเขานี้ถือว่าเป็นโชคหล่นทับได้เลย !
ด้านพี่หญิงเจ็ดและศิษย์พี่แปดก็สามารถเลื่อนได้หนึ่งขั้นเช่นกัน พี่หญิงเลื่อนขั้นเทพดาราระดับสูงสุดได้ ส่วนศิษย์พี่แปดก็เลื่อนขึ้นเป็นขั้นเทพดาราระดับสูงเช่นกัน ! ด้วยเหตุนี้พลังอำนาจของฝั่งพวกเขาจึงเหลือล้นเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า !
แต่ถึงอย่างนั้นฉู่เหินยังคงต้องวางแผนให้ดี ! ส่วนสัตว์วิญญาณสามตัวที่เขาแย่งชิงมาจากศัตรูขั้นบรรพกาลดาราเหล่านั้น เขาได้มอบพวกมันให้กับพี่หญิงสาม พี่หญิงเจ็ด และฮวาโยวหรานคนละตัว ! เนื่องจากพวกเธอเป็นผู้หญิงสามคนเดียวในกลุ่ม ดังนั้นจึงให้พวกเธอไปนับว่าเหมาะสมแล้ว !
ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกเธอสามคนมีสัตว์วิญญาณที่ระดับพลังเทียบเท่าไรผู้ใช้พลังขั้นบรรพกาลดาราเป็นพลังเสริม ! สำหรับเชลยอีกสองคนนั้น เดิมทีฉู่เหินกะว่าจะเอาพวกเขามาทำหุ่นเชิด ! ต้องเข้าใจว่าวิชาหุ่นเชิดของเขาในตอนนี้ไม่ใช่ธรรมดาอีกแล้ว
แต่พอทั้งสองรู้ว่าฉู่เหินคิดจะทำอะไรกลับตัวเอง ก็ขวัญหนีดีฝ่อกันหมด ! ด้วยถ้าตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดก็ต้องฟังคำสั่งของอีกฝ่ายทั้งหมดน่ะสิ! จึงต่อรองกับฉู่เหินว่าพวกเขาจะให้ความช่วยเหลืออย่างดี ความแค้นก่อนหน้าก็จะลืมไปในหมด แต่อย่าเอาพวกเขาไปทำหุ่นเชิดเลย ดังนั้นตอนนี้ฉู่เหินจึงมียอดฝีมือขั้นบรรพกาลดาราข้างกายอีกสองคน !
เพียงแต่ฉู่เหินยังแอบเสียดายที่ก่อนหน้านี้ตัวเองรุนแรงเกินไป จนทำให้ศพของผู้ใช้พลังขั้นบรรพกาลดาราสองสายคนนั้นเละไม่มีชิ้นดี ! เพราะถ้าศพยังสภาพดี เขายังเอามาทำหุ่นเชิดได้ยังไงล่ะ !
ตำแหน่งหัวหน้านั่นจูเก๋อโยวหมิงไม่ขอรับไว้ แต่มอบให้กับฮวาเซียนโฮ่ว ซึ่งก็คือพ่อของฮวาโยวหราน และก็เป็นลูกชายของผู้เฒ่าฮวา ! ซึ่งก็ดียิ่ง เพราะเขาคนนี้มากไปด้วยคุณธรรม เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไปอย่างมาก !
ลูกศิษย์ที่เคยถอดตัวไปก่อนหน้านี้ พอรู้ว่าเปลี่ยนตัวหัวหน้าใหม่แล้วก็พากันกลับมา ! ส่วนหัวหน้าคนเก่าก็ถูกนำไปขังเอาไว้ ! ภายในห้องขังถูกปิดอย่างมิดชิด นับตั้งแต่ที่เขาสูญเสียตำแหน่งไป เขาก็เหมือนกลายเป็นอีกคนไปเลย
พอเขาอยู่ในห้องเงียบ ๆ คนเดียวก็ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำก่อนหน้านี้ว่ามันน่ารังเกียจเพียงไหน ! จะว่าไปชีวิตของเขาก็แปลก ตอนที่เขามีทุกสิ่งทุกอย่างเขากลับไม่รักษามันให้ดี ๆ ในตอนนี้เขาสูญเสียมันไปแล้ว กลับเพิ่งหันมามองตัวเองทีหลัง
การคุมขังของเขาผ่านไป 3 เดือน ในระหว่างสามเดือนนี้บ้านวายุเกิดลำแสงสีม่วง (คนที่เลื่อนขั้นบรรพกาลได้จะมีแสงสีม่วงปรากฏขึ้น) ขึ้นทั้งหมด 3 ครั้ง ! และไม่ได้หยุดแค่นี้ ครั้งที่ 4 ก็ตามมาอีกหลังจากนั้นไม่นาน ! เพียงแต่ครั้งที่ 4 ไม่มีใครรับรู้ เพราะฉู่เหินปกปิดมันเอาไว้ !
ทว่าคนที่เลื่อนขั้นบรรพกาลกลับไม่ใช่ฉู่เหิน แต่เป็นมังกรนิลที่อยู่ตรงข้อมือฉู่เหิน หลังจากมันกลับออกมายังโลกภายนอก มันก็กดข่มพลังวรยุทธ์ของตัวเองเอาไว้ตลอด ทั้งที่จริงมันสามารถทะลวงเลื่อนขั้นได้แล้ว ! แต่ด้วยกลัวว่าตอนที่ตัวเองเลื่อนขั้นจะเอิกเกริกเกินไป ดังนั้นจึงรอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนจึงบอกกับฉู่เหินตรง ๆ และด้วยความจำใจ ฉู่เหินจึงออกมาจากเขตบ้านวายุ และสร้างค่ายกลอำพรางขึ้นมา !
ในตอนที่มังกรนิดเลื่อนระดับขั้น มันต้องเจอกับด่านเคราะห์สวรรค์แบบเดียวกับที่ฉู่เหินเคยเจอ ! เพียงแต่ยังไม่ทันที่สายฟ้าจะผ่าลงมายังร่างของเขา บ่ออัสนีของฉู่เหินก็ทำการกลืนกินอัสนีของด่านเคราะห์จนหมดเสียก่อน ! จากนั้นจึงเป็นฉู่เหินที่ใช้บ่ออัสนีช่วยมังกรนิดเลื่อนขั้น !
ด้วยเหตุนี้ทำให้พลังของมังกรนิดเพิ่มขึ้นและดูแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งครั้งนี้เขายังสามารถออกมาต่อสู้ได้เป็นเวลาสั้น ๆ ได้โดยไม่มีปัญหาอีกด้วย !
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้มันนึกในใจ ว่าดีที่ตัวเองตามฉู่เหินออกมา ! ถ้ามันออกมาคนเดียว เกรงว่าตอนนี้คงถูกคนทั้งจักรวาลไล่ฆ่าไปนานแล้ว !
ขณะนั้น ฉู่เหินก็ได้เอาไข่ที่เก็บจากสนามชิงคงออกมา แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะมันไม่มีท่าทีว่าจะฟักออกมาเลยสักนิดเดียว กระทั่งอาจารย์ของเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเช่นกัน !