ตอนที่ 621 ข้ายึดถือคุณธรรมเป็นที่สุด
พอเสี่ยวจินอวี๋หายไป เฉินยางล้มป่วยทันที เฉาเต๋อหลุนนำหมอมากมายมารักษานาง ตอนมาเอ่ยดิบดีรับคำเป็นมั่นเหมาะว่ารักษาได้ ตอนไปต่างก็ส่ายหน้าถอนใจพลางเอ่ยว่าไร้ความสามารถแล้ว
เฉินยางล้มป่วยจนลงจากเตียงไม่ได้ภายในชั่วข้ามคืน ทานอะไรไม่ได้ดื่มอะไรไม่ได้เลย เมื่อคืนแม้แต่นอนก็ไม่นอน ได้แต่เหม่อมองเตียงที่เสี่ยวจินอวี๋เคยนอน คำพูดคนรอบข้างล้วนฟังไม่เข้าสมองเลย พอทนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไป สักพักก็ถูกฝันร้ายปลุกจนตื่น ปากก็ตะโกนแต่ชื่อของเสี่ยวจินอวี๋ ยามตื่นนอนหน้าก็เปรอะไปด้วยน้ำตา
อวี่เหวินลู่ไม่กล้าไปเยี่ยมนาง เขาเองก็คาดไม่ถึงว่า เว่ยเฉินยางที่ปกติไม่คิดอะไรร่าเริงไปวันๆ อยู่ดีๆ จะล้มลงได้ถึงเพียงนี้ นางไม่กินไม่นอน พานให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับไปด้วย วันนี้อดใจไม่ไหวแล้ว เดินมาได้ครึ่งทางจึงหยุดซั่งเหมยไว้ คำพูดก็ไม่ได้ฟังดูยกตนข่มท่านแต่อย่างใด ทั้งยังถามนางด้วยความรู้สึกผิดด้วยซ้ำ “เว่ยเฉินยาง…นายหญิงของเจ้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ยังสบายดีอยู่หรือไม่ ข้า…ข้าได้ยินมาว่านายน้อยหายไป นางไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ซั่งเหมยหลุบตาลง ถอนใจพูดว่า “จะดีได้หรือเจ้าคะ นายน้อยนั้นเป็นดั่งชีวิตของนายหญิง นายน้อยหายไป นายหญิงล้มป่วยจนลุกไม่ขึ้น ไม่กินไม่ดื่มเลย หลายวันมานี้ซูบผอมลงไปมาก หากเป็นอย่างนี้ต่อไปจะทำอย่างไรดี!”
อวี่เหวินลู่ฟังแล้วเหมือนมีอะไรมารัดหัวใจเอาไว้ คนเขานั้นแต่เดิมก็ไม่อ้วนท้วนเท่าใด หากผอมอีกยังจะมีความเป็นคนหรือ ยังไม่กินไม่ดื่มอีก ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ฮ่องเต้อาจไม่ได้ทำอะไรลูกชายนางหรอก แต่นางเองที่ทำให้ตัวเองตายแน่ๆ
“ท่านหมอว่าอย่างไรบ้าง ไม่ทานข้าวได้อย่างไร ต่อให้ต้องกรอกก็ต้องกรอกลงไปสิ!” เขาเองร้อนรนจนทนไม่ไหว รออยู่อย่างนี้ก็ใจไม่สงบ ตอนนี้จะสนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว เขาตบเข่าดังฉาด สะบัดชายเสื้อลุกขึ้น “ข้าจะไปดูหน่อย คนดีๆ อยู่ หากทรมานอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องทรมานจนชีวิตหาไม่ เจ้าไปบอกให้ห้องครัวทำอาหารอะไรส่งไปหน่อย ข้ามีวิธีให้นายหญิงของพวกเจ้าทานข้าวแล้วกัน”
ซั่งเหมยมองเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ครั้นสงสัยจนสิ้นแล้วจึงส่ายหน้าเด็ดขาด “มิได้เจ้าค่ะ! ผู้ดูแลเฉากำชับแล้ว ห้ามไม่ให้ท่านเข้าใกล้นายหญิงเด็ดขาด ผู้น้อยให้ท่านไปไม่ได้ ท่านตัดใจเสียเถิด!”
อวี่เหวินลู่เริ่มบังคับหลอกล่อ “เฉาเต๋อหลุนไม่ให้ข้าไปเยี่ยมนายหญิงของพวกเจ้าก็เพราะเกรงว่าเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาจะมาโทษพวกเจ้า เจ้าพิจารณาเอาเองแล้วกันว่า ข้าไปเยี่ยมนายหญิงเจ้า เฝิงเยี่ยไป๋รู้เข้าจะโกรธ หรือว่ารอให้นายหญิงพวกเจ้าสิ้นเสียก่อนแล้วเฝิงเยี่ยไป๋จะโกรธมากกว่า”
“เอ่อ…”
“เจ้าวางใจเถิด ข้าเห็นแก่หน้าเฝิงเยี่ยไป๋จะไปกำชับให้นางทานข้าวเสีย หากนางสิ้นไป เฝิงเยี่ยไป๋ก็จะไม่ช่วยพวกเรา ข้าทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น ไม่ได้ประสงค์ในตัวนายหญิงของเจ้า เจ้าวางใจได้!”
ซั่งเหมยคล้อยตามคำพูดของเขา อึกอักอยู่นาน เหมือนคิดหาเหตุผลอะไรมาปฏิเสธเขาไม่ออก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ถูกอวี่เหวินลู่จับช่องโหว่เอาไว้ได้ ถือโอกาสเอ่ย “เจ้าวางใจเถอะ ข้าถือเรื่องคุณธรรมยิ่งนัก ข้าจะไม่เปิดโปงเจ้าแน่นอน รีบไปบอกห้องครัวให้เตรียมอาหารเถิด ข้ามีวิธีให้นางทานข้าวได้แน่นอน”
ซั่งเหมยหมุนตัวเดินไปอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อวี่เหวินลู่กำมือเคาะที่ฝ่ามือ ในใจวางแผน ไม่ใคร่สนใจว่าอีกหน่อยหากนางรู้ความจริงแล้วจะโกรธตนหรือไม่ ตอนนี้ถึงจะสำคัญที่สุด โอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังได้มาไม่ง่าย เขาต้องรักษาไว้ให้ดี เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่ เขาเองก็เป็นผู้ชาย สามารถปกป้องนางให้ปลอดภัยได้เช่นกัน
ตอนที่ 622 เจ้าไม่อยากพบข้าแต่ข้าอยากพบเจ้า
อวี่เหวินลู่หลายวันมานี้ไม่ได้พบเว่ยเฉินยางเลย อันที่จริงคืนนั้นที่คนของฮ่องเต้เข้าไปขโมยลูกนางเขาก็มองอยู่บนหลังคาฝั่งตรงข้าม ล้วนแต่เป็นวิธีการแสนเชยดังคนแก่ฟันร่วง แต่วิธีการแม้แสนเชย แต่ก็ได้ผลดี ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงกาน้ำชา [1] เกรงว่าเด็กจะน่ารำคาญยังเอาผ้ามาอุดปากเด็กเอาไว้ หากนางเห็นภาพฉากนี้ละก็ไม่รู้ว่าจะปวดใจเพียงใด!
เขาเข้าไปไล่คนดูแลออกมาหมดก่อนจะเดินย่องไปถึงข้างเตียงนาง เฉินยางนอนอย่างไร้กำลังอยู่บนเตียง ดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่น มองไปยังทางเปลไกวตลอด แม้แต่ข้างเตียงมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็ไม่รู้เรื่องเลย ใบหน้านางไร้สีสัน ในห้องจุดเตาฟืนไว้ให้ความอบอุ่น อวี่เหวินลู่กุมมือนางเอาไว้แต่กลับพบว่าเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง
“เฉินยางรึ” ชื่อนี้เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เอ่ยจากปากเขา รู้สึกว่าไม่เหมือนกันเลย ดูเหมือนเพิ่งจะดื่มสุรามาหนึ่งกา กลิ่นสุรารัญจวนติดอยู่ที่ปลายลิ้น เพิ่งจะอ้าปากก็เมามายไปเสียเจ็ดแปดส่วนแล้ว
เฉินยางเหลือบตาขึ้นมองเขา ดวงตาไร้คลื่นอารมณ์ เงียบเหมือนดั่งแอ่งน้ำนิ่ง หากโยนหินลงไปก็คงไม่เกิดระลอกคลื่นใด
“ท่านมาทำอะไร” ก็ยังถือว่าแยกคนได้อยู่ หากแต่น้ำเสียงไม่ค่อยดี น้ำเสียงดุดัน “หากท่านมาเพื่อสมน้ำหน้า เห็นพอแล้วก็รีบไปเถิด ข้าไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะด้วย”
หลายวันมานี้นางผอมไปไม่น้อย ยามพูดจาใบหน้าก็ซูบตอบลงไปมาก โหนกแก้มนางสูงชัดขึ้นมา ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นความงาม ตอนนี้มองแล้ว เต็มไปด้วยความสวยงามน่ามอง คนงามอยู่ในกระดูกหาใช่เนื้อหนังไม่ นางโครงหน้าสวย ในความอ่อนแอมีความแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว นี่สิถึงจะเป็นหญิงงามที่แท้จริง
อวี่เหวินลู่สำลักไปหนึ่งที ปลายนิ้วกดลงไปที่ข้อมือนาง “ข้ามิได้มาเพื่อสมน้ำหน้า และก็ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับเจ้าด้วย ข้าได้ยินสาวใช้ข้างกายเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ทานอะไรมาหลายวันแล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ จะเสียสุขภาพเอง”
เฉินยางสะบัดมือเขาออก “ไม่ต้องให้ท่านมายุ่งหรอก ไปให้พ้น”
“อะไรคือข้าไม่ต้องยุ่ง ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้าไม่ได้หรอก ข้ากับเฝิงเยี่ยไป๋ตอนนี้ก็เป็นดั่งตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน หากเจ้าเป็นอะไรไป เขาจะยอมช่วยพวกเราแต่โดยดีหรือ เจ้าอย่าคิดเข้าข้างตัวเองเลย ข้าก็ไม่ได้ทำเพื่อเจ้าหรอก ข้าทำเพื่อแผนการใหญ่ของใต้หล้าต่างหาก”
ก็ไม่รู้ว่าประโยคใดที่จี้ใจดำของนางเข้า เฉินยางดูตื่นตัวขึ้นมาหลายส่วน มองเขาด้วยสายตาโกรธแค้น อยากจะพูดอะไร แต่แค่ขยับปากกลับไม่มีอะไรออกมาเลย
อวี่เหวินลู่ปลายนิ้วไล้ไปมาบนข้อมือนาง ยอมแพ้อย่างจนใจ “ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ข้าไม่พูดแล้ว เมื่อครู่ข้าให้ซั่งเหมยไปยกอาหารมาจากห้องครัวแล้ว เจ้าลุกมาทานสักหน่อยดีหรือไม่ หากหิวอย่างนี้ต่อไป เจ้าว่าเจ้ายังจะเหมือนคนอีกหรือไม่”
เฉินยางเบือนหน้าหนี “ข้าไม่กิน ท่านหลบไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่อวี่เหวินลู่จะวางทิฐิมากล่อมนาง สุดท้ายคนเขากลับไม่รับน้ำใจ หากเป็นเมื่อก่อน ก็คงรักคนอื่นไปแล้ว แต่ครานี้กลับไม่กล้าขึ้นเสียงใส่นางแม้แต่น้อย ในใจอ่อนปวกเปียกยิ่งนัก ปากนั้นก็ไม่แข็งอีกต่อไป “เจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้า ข้าอยากเห็นหน้าได้ไหมเล่า ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เจ้าไม่กินไม่ดื่มลูกชายเจ้าก็จะกลับมาหรือ สุดท้ายอย่ากลายเป็นว่าลูกชายเจ้าไม่เป็นไร แต่เจ้าเองกลับหิวตายแทน ไม่คุ้มค่ากันเสียอย่างนั้น!”
แม้คำพูดไม่น่าเชื่อแต่หลักการฟังดูใช้ได้ อวี่เหวินลู่ตั้งแต่เล็กก็โตมาท่ามกลางบุรุษ มากล่อมหญิงสาวนี้นับเป็นคราแรก อย่าว่าแต่กระอักกระอ่วนนั้นเลย ยังพูดไม่เข้าประเด็นด้วยซ้ำ แต่ความหมายโดยรวมนับว่าใช้ได้ เปรียบเทียบกับการว่าความยาวเหยียดเหล่านั้นแล้ว เขาพูดอย่างนี้ไม่ถือว่าเข้าใจง่ายกว่าหรือ!
——
[1] ชั่วเวลา 1 กาน้ำชา ประมาณ 10 นาที