ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่259 มีลูกกับพระชายา
กู้โม่หานสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาของหนานหว่านเยียนจับจ้องไปยังแผ่นหลังของหนานชิงชิง แล้วขมวดคิ้วเป็นปม
หนานชิงชิงฉลาดกว่าหยุนอี่ร์โหรวมาก ไม่เพียงแต่ได้ใจของชายหนุ่ม แม้แต่ฮ่องเต้และฮองเฮายังเชื่อว่านางเป็นคนดี โดยเฉพาะฮองเฮา ชอบออกหน้าแทนนางเสมอ……
โอกาสดีขนาดนี้ กลับปล่อยให้นางหลุดมือไปได้
และกู้โม่เฟิงลากตัวหนานชิงชิงเดินออกไปด้วยความโกรธอยู่นานมาก หนานชิงชิงหงุดหงิด สะบัดมือออกจากมือของกู้โม่เฟิง
“อ๋องเฉิง ท่านจะทำอะไรกันแน่? วันนี้พวกเราโดนสงสัย ท่านไม่คิดจะถามอะไรเลยเหรอ?!”
“ทั้งที่ท่านก็รู้ว่าตอนนี้กู้โม่เฟิงกับหนานหว่านเยียนไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว พวกเขาคนหนึ่งยึดมั่นในขวัญและกำลังใจของกองทัพ คนหนึ่งก็จองหองได้ความชื่นชมจากเสด็จพ่อไป!”
หนานชิงชิงเกลียดกู้โม่เฟิง ทั้งที่ไม่ชอบขี้หน้ากู้โม่หาน กลับไม่คิดจะใช้วิธีสกปรกเล่นงานเขา
ครั้งนี้นางทำไม่สำเร็จ ถึงแม้จะโชคดีหนีรอดไปได้ แต่กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนก็ยังสงสัยนางอยู่ดี
นางจะต้องป้องกันและคอยตอบโต้
กู้โม่เฟิงหงุดหงิด ได้ยินแล้วก็ไม่พอใจและโกรธมาก เขาหันไปมองหนานชิงชิง “พวกเขาจะทำอะไรได้! ในเมื่อข้ากดเขาได้หลายปี ต่อไปก็ทำได้แน่นอน!”
กู้โม่หานเป็นคนถ่อย แต่เขาไม่ใช่ เขาจะเป็นคนที่สูงส่งโดยไม่เคยทำความผิดใดๆ
หนานชิงชิงแทบจะบ้าตายกับกู้โม่เฟิง เกือบสำลักเลือดออกมา
แต่หลังจากที่นางใจเย็นลงแล้ว ก็ขยับเข้าไปใกล้กู้โม่เฟิง พูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า: “ท่านอ๋อง วันนี้ไม่เหมือนกับวันอื่น ท่านก็เห็นแล้ว ตอนนี้หนานหว่านเยียนเป็นคนที่สามารถช่วยกู้โม่หานได้”
“ถึงแม้ท่านจะไม่อยากลงมือทำอะไรกู้โม่หาน งั้นการกำจัดหนานหว่านเยียน ก็ง่ายกว่าไม่ใช่หรือไง?”
กู้โม่เฟิงอึ้ง ต่อมาก็ข่มอารมณ์ไว้ ตะคอกด่าหนานชิงชิง “พอแล้ว! ข้าขอเตือนเจ้าไว้นะ ข้ากับกู้โม่หานไม่ใช่คนพวกเดียวกัน ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน! ข้าจะหาความผิดของเขาจากค่ายเสินเชื่อ จะเอาอำนาจจากค่ายเสินเชื่อทั้งหมดกลับคืนมา!”
“แต่ว่าหนานชิงชิง อยากให้ข้าแอบต่อกรกับหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน เรียนแบบกู้โม่หานทำเรื่องที่น่าอับอายพวกนั้น ข้าไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกนะ!”
หนานชิงชิงโกรธจนควันแทบออกหู สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“อวดรู้! เจ้าได้ทำให้พวกเราตายกันหมดแน่!”
กู้โม่เฟิงมองไปยังตำหนักอู๋ขู่ “ตายเหรอ? ใครตายยังไม่แน่เลย ข้าจะเป็นจักรพรรดิที่ยุติธรรม แต่ถ้ากู้โม่หานรุนแรงขึ้น ข้าจะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน!”
“ข้าขอเตือนเจ้าไว้นะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ และอย่าคิดทำอะไรหยีเฟยอีก ไม่งั้น อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจนะ! ถ้าเจ้าว่างขนาดนั้น ก็ดูแลหลินเอ๋อร์ที่จวนไปดีๆแล้วกัน!”
ว่าแล้ว เขาก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินจากไปอย่างโมโห สายตาไม่มีความเอ็นดูอีกต่อไป
หนานชิงชิงเกือบเป็นลมล้มลงไป กู้โม่เฟิงไม่เข้าใจจริงนางเลยจริงๆ ดื้อรั้นอย่างกับวัว
“เป็นผู้ชายที่ไร้ประโยชน์จริงๆ!”
นางโกรธจนด่ากู้โม่เฟิง ผ่านไปสักพักก็เริ่มตั้งสติ
อ๋องเฉิงพึ่งไม่ได้เลยจริงๆ อยากจัดการหนานหว่านเยียนยัยตัวปัญหานั่น มีแต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
แต่เรื่องที่ทำร้ายหยีเฟย หว่านเฟยดูแล้วก็เป็นแค่แพะรับบาป นางสงสัยจริงๆว่า ยังมีใครที่คิดจะจัดการหยีเฟยเหมือนกับนาง?
ถ้าหาตัวคนผู้นี้ได้ ไม่แน่ พวกนางอาจจะร่วมมือกันได้?
ว่าแล้ว สายตาของหนานชิงชิงก็กลายเป็นโหดเหี้ยม จากนั้นก็แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินออกจากวังไป
ตอนนี้ภายในตำหนักอู๋ขู่ หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานต่างก็มีสีหน้าเดียวกัน
หวางหมัวมัวเห็นทั้งสองไม่พูดอะไรและไม่คุยกันเลย ถอนหายใจแล้วเดินเข้ามา พูดกับกู้โม่หานอย่างเคารพ: “ท่านอ๋อง บ่าวมีเรื่องอยากคุยกับท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
ว่าแล้ว นางก็มองหนานหว่านเยียนอย่างครุ่นคิด
หนานหว่านเยียนรู้ตัว “ข้าจะไปดูอาการของเสด็จแม่”
นางกลับหลังหันไปห้องนอน หวางหมัวมัวก็ถึงพากู้โม่หานที่ไปมุมเงียบๆ
กู้โม่หานเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้สติ
“หวางหมัวมัว เรื่องอันใด?”
หวางหมัวมัวมองกู้โม่หานอย่างจริงจัง “ท่านอ๋อง เรื่องที่หยีเฟยโดนคนวางยาพิษ บ่าวอยากบอกว่า ท่านอย่าคิดมากเลย”
กู้โม่หานขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
ที่จริงวันนี้ทุกคนที่อยู่ก็รู้ดีแก่ใจ หว่านเฟยก็เป็นแค่แพะรับบาป แต่ฮ่องเต้กลับสั่งประหารนางกับหมอหลวงหลี่ง่ายๆ เกรงว่าไม่มีความคิดที่จะสืบต่อไป
ดังนั้นทุกคนรู้ดีแก่ใจแต่ไม่พูดอะไร ต่างก็แกล้งโง่ต่อไป
แต่เรื่องเกี่ยวกับหยีเฟย กู้โม่หานไม่มีทางยอมปล่อยไปง่ายๆ!
หวางหมัวมัวมองกู้โม่หานด้วยสีหน้าเข้มงวด น้ำเสียงเบาลง
“บ่าวไม่อยากให้ท่านอ๋องเข้ามายุ่งเกี่ยวเลย แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ บ่าวอยู่ในวังมาเป็นสิบปี เห็นความอิจฉาริษยามาหลายครั้ง ไม่มีใครรู้ถึงเรื่องนี้เลย”
“วันนี้ไม่ว่าใครคิดที่จะฆ่าหยีเฟย ก็หมายความว่า——ในวังนี้ นอกจากอำนาจแล้ว อย่างอื่นก็เป็นแค่เรื่องไม่สำคัญเท่านั้น บ่าวเชื่อว่าท่านอ๋องฉลาด จะต้องเข้าใจที่ข้าพูดแน่นอน”
กู้โม่หานอึ้ง ต่อมาสายตาก็มืดมนลง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
เขารู้ว่าการอยู่ในราชวงศ์ อำนาจคืออะไร
แต่เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย
ความขัดแย้งในราชวงศ์ ไม่ตายก็บาดเจ็บ เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้
“หวางหมัวมัวก็รู้ว่าข้าไม่สนใจเรื่องนี้ ข้าแค่อยากจับตัวคนร้ายที่ทำร้ายเสด็จแม่ของข้าในตอนนั้น ข้าจะให้พวกนั้นรับผิดชอบ!”
พูดถึงตรงนี้ สายตากู้โม่หานก็เย็นยะเยือกขึ้นมา
หวางหมัวมัวพยักหน้า ไม่ร้อนใจ เหมือนผู้อาวุโสที่คอยปลอบผู้น้อยอย่างอดทนและใจเย็น
“บ่าวเข้าใจเพคะ แต่ท่านอ๋องไม่ทำเขา ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่ทำอะไรท่าน วันนี้ก็เป็นตัวอย่างไม่ใช่เหรอเจ้าคะ? ท่านคิดดีๆนะเจ้าคะ ตอนนั้นหยีเฟยโดยทำร้าย ก็เพราะเบื้องหลังมีจวนเฉิงเซี่ยงที่มีอำนาจและอิทธิพลเข้ามายุ่งเกี่ยว?”
“หลายปีมานี้ ท่านจัดการกับจวนเฉิงเซี่ยงทั้งเปิดเผยและลับๆ แต่จวนเฉิงเซี่ยงยังคงยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ตระกูลหนานไม่สะทกสะท้านกับความเจ็บปวดที่ท่านสร้างเลย! ตอนนี้ คนพวกนั้นยังลงมือกับหยีเฟยที่ขยับตัวไม่ได้อีก พวกนั้นมันบ้าไปแล้ว ท่านไม่แยแสชื่อเสียงและความมั่งคั่ง รักพวกพ้องพี่น้องทั้งหลาย แต่ไม่มีอำนาจ ท่านจะปกป้องคนที่รักได้อย่างไร?”
กู้โม่หานเหมือนถูกหวางหมัวมัวพูดแทงใจดำ ฝ่ามือที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้กำหมัดแน่น
ใช่ หลายปีมานี้เขาพยายามทำให้จวนเฉิงเซี่ยงล่มสลาย แต่กลับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
เขาแอบพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเสด็จแม่ของเขาในตอนนั้น แต่เขาพบว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาสืบหาไม่ได้
และเรื่องในวันนี้ของเสด็จแม่ ก็เป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งให้เขา!
ถ้าเขาไม่ทำอะไรอีก เกรงว่าเสด็จแม่คงได้ตายจริงแน่……
“ข้าจะกลับไปคิดดีๆ”
หวางหมัวมัวเห็นกู้โม่หานยอมฟัง ก็ไม่คุยเรื่องนี้อีก
นางมองเข้าไปในตำหนัก กวาดตามองรอบๆอยู่นาน “ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ ท่านอ๋องอาจจะรำคาญที่บ่าวพูดมาก”
“แต่พระชายาช่วยชีวิตหยีเฟยมาสองครั้ง บ่าวรู้สึกว่า พระชายาไม่เหมือนกับคนในจวนเฉิงเซี่ยง ท่านอ๋องอาจจะทำดีกับพระชายาหน่อยก็ได้ แล้วมีลูกเร็วๆ……”
ครั้งก่อนที่จากกัน สิ่งที่หนานหว่านเยียนเคยพูดเอาไว้ก่อนไป ที่จริงหวางหมัวมัวก็เอากลับมาคิดเหมือนกัน
ความโกรธแค้นของกู้โม่หานกับจวนเฉิงเซี่ยง ที่จริงไม่เกี่ยวข้องกับหนานหว่านเยียนเลย หนานหว่านเยียนในตอนนี้เก่งกาจมาก ทำให้หลายคนรู้สึกนับถือจากใจจริง
และนางก็มองหนานหว่านเยียนแตกต่างกันออกไป
หวางหมัวมัวไม่พูดอะไรมาก กลับหลังหันเดินเข้าไป
กู้โม่หานอึ้งเล็กน้อย ดูเข้าไปในห้องนอน หนานหว่านเยียนกำลังโน้มตัว ใบหน้างามนั้นก็ตรวจดูอาการของเสด็จแม่อย่างจริงจัง และละเอียดรอบคอบ
สายตาของเขาสับสน ดีกับหนานหว่านเยียนหน่อยงั้นเหรอ
แต่ยังไงนางก็เป็นคนของตระกูลหนาน เขาจะดีกับนางได้ยังไง เสด็จแม่จะโกรธเขาได้นะ
แต่ทว่ากู้โม่หานไม่รู้ว่า กลับจวนแล้วจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น และเขาจะหน้าแตกอย่างมาก……