ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 279 เสียงของเด็ก

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 279 เสียงของเด็ก

ไทเฮาหยุดชะงักฝีเท้า พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าได้ยินเสียงของเด็กไหม?”

หมัวมัวตั้งใจฟังดู แล้วก็ไม่ได้ยินอะไร หันมามองดูไทเฮา แล้วกระซิบพูดเตือนนางว่า

“บ่าวไม่ได้ยินอะไรเลย ไทเฮาเหนียงเหนียง เวลาไม่เช้าแล้ว รีบกลับวังกันเถอะ ตอนนี้ประชาชนข้างนอกก่อจลาจล ล้วนเพื่ออ๋องอี้ หากชักช้าไปกว่านี้ บ่าวกลัวว่าจะเกิดเรื่องเปลี่ยนแปลงไป”

ไทเฮาดึงสติกลับมา คิดในใจว่าคงรู้สึกผิดไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรีบกลับวังไปจัดการเรื่องป้ายสั่งการทหาร

นางจึงไม่อยู่นาน ออกมาจากจวนอ๋องพร้อมกับหลี่หมัวมัว แล้วขึ้นรถม้ากลับไป

ภายในวัง กู้จิ่งซานกำลังนวดขมับ ด้านข้างมือมีฎีกากองเต็มไปหมด

ฎีกาที่พวกเหล่าขุนนางส่งมาพวกนี้ ล้วนเป็นเพราะหลังจากวันนี้ที่ได้ข่าวว่ากู้โม่หานบาดเจ็บสาหัส มีทั้งเป็นกังวลหรือหวาดกลัว หรือเร่งให้เขารีบเลือกแม่ทัพคนใหม่ขึ้นมา

ส่วนเหตุการณ์จลาจลภายในเมืองหลวงที่รุนแรง ก็รู้มาถึงหูเขาแล้ว เขาปวดหัว และก็ยิ่งหงุดหงิดกระวนกระวาย

เวลานี้ เฟิ่งจงฉวนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่กล้าหายใจแรง ลองหยั่งเชิงพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท เรื่องนั้น….”

“ฝ่าบาท”

เพิ่งพูดเสร็จ ก็มีเสียงดังมาจากหน้าประตู

ความสง่างามของไทเฮาที่มีมาแต่กำเนิด นางเดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม ดวงตาขุ่นเคือง

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เรื่องที่เกี่ยวกับอ๋องอี้ เจ้ากำลังทำผิดอย่างมหันต์”

เฟิ่งจงฉวนสะดุ้งตกใจ นิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วก็ทำความเคารพพร้อมถอยออกไปอย่างรู้ตัว

ภายในตำหนัก เหลือเพียงฮ่องเต้กับไทเฮาสองคน บรรยากาศตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด อึดอัดกดดันหนักใจ

กู้จิ่งซานขมวดคิ้วย่น สีหน้าย่ำแย่อย่างมาก แต่เขาก็ลุกขึ้นเดินไปพยุงไทเฮามานั่งลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไทเฮา ทำไมถึงตื่นเต้นขนาดนี้? ท่านพักก่อน อย่าทำให้ส่งผลกระทบต่อร่างกาย”

ไม่ว่ายังไง ไทเฮาก็เป็นแม่ของเขา กู้จิ่งซานไม่มีทางไม่เคารพให้เกียรตินาง ยิ่งไม่มีทางอกตัญญู

ไทเฮาถลึงตาโต นางเคาะแหวนอย่างขมขื่น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตำหนิ เจ็บปวดใจอย่างที่สุด

“ข้าจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร อ๋องอี้เป็นลูกชายของเจ้านะ ตอนนี้เขายังไม่ฟื้นอย่างไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง เจ้า ทำไมเจ้าไม่สนใจเลย ทหารประชาชนจราจล เจ้ามองเห็นก็เหมือนไม่เห็น เจ้ายังเป็นพ่อของอ๋องอี้ไหม?”

“วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจน ข้ามีหลานที่ถูกใจเพียงคนเดียว หากเขาเป็นอะไรไป งั้นตำแหน่งไทเฮา ข้าก็ไม่เป็นแล้ว นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะไปอยู่วัดจิ้งซิน อธิษฐานสวดมนต์ให้กับฮ่องเต้องค์ก่อน ไม่กลับวังตลอดไป”

ไทเฮารู้จักใช้คำพูดอย่างมาก ไม่พูดถึงเรื่องป้ายสั่งการทหารแม้เพียงคำเดียว ขอเพียงกู้โม่หานดีขึ้น ไม่กระตุ้นฮ่องเต้ และก็ไม่ทำให้ฮ่องเต้คิดมาก

กู้จิ่งซานได้ยินแบบนี้ ดวงตาหรี่ลง พร้อมพูดขึ้นอย่างลึกซึ้งว่า “ไทเฮา เรื่องนี้ข้ามีความคิดเป็นของตนเอง ตอนนี้เจ้าหกบาดเจ็บสาหัส จะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ไหม ข้าไม่สามารถควบคุม….”

ยังพูดไม่จบ ก็ถูกไทเฮาพูดแทรกขึ้นมาว่า

“ฝ่าบาท ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ของเจ้า รู้ดีที่สุดว่าในใจของเจ้าคิดอะไรอยู่ อ๋องอี้เป็นลูกชายของเจ้า และตอนนี้ใครก็สามารถตายได้ ยกเว้นเขาที่ตายไม่ได้”

“ตอนนี้ทางด้านแคว้นจินไม่น่าไว้ใจ อันตรายรอบด้าน ช่วงเวลาวิกฤตขนาดนี้ เจ้าควรคำนึงถึงสภาพจิตใจประชาชน ส่งหมอหลวงที่ดีที่สุดไปรักษาอ๋องอี้ ช่วยชีวิตเขากลับมา มีเขาอยู่ ต่อให้ชายแดนอยากก่อความเคลื่อนไหว พวกเขาก็จะยังมีความหวั่นเกรง แต่เมื่อเขาตายไป แคว้นซีเหย่จะต้องรับมือกับศึกสู้รบ ถึงตอนนั้นเจ้าจะให้ใครไปสู้รบ มีใครแข็งแกร่งยิ่งกว่าอ๋องอี้? หรือเจ้าจะไปต่อสู้กับข้าศึกศัตรูด้วยตนเอง?”

พูดเสร็จ ดวงตาไทเฮาแดงก่ำ ใบหน้าที่ชราเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

คำพูดของนาง ทำให้กู้จิ่งซานแทบหายใจไม่พูด

ตอนนี้เขาอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทหารประชาชนจลาจล สภาพจิตใจตื่นตระหนก อาจเกิดศึกสงครามชายแดนได้ทุกเมื่อ

เขากลัวจริงๆว่าตนเองจะถูกพวกลูกของตนเองแย่งบัลลังก์ ไม่พอใจในขณะที่ตนเองยังอยู่ในวัยแข็งแรง แล้วต้องสละบัลลังก์

แต่ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่จะทำอะไรกู้โม่หาน หากจะโทษก็ต้องโทษที่เขาควบคุมจำกัดพวกองค์ชายและละคนเกินไป ทำให้ขาดแคลนคนชำนาญการศึก มีเพียงกู้โม่หานคนเดียวที่สามารถแบกรับภาระได้

ดังนั้นจึงก่อให้เกิดเหตุการณ์ก่อการจลาจลอย่างตอนนี้

แต่ฮ่องเต้ก็ยังคงพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ไทเฮา วังหลังไม่ควรยุ่งเรื่องราชสำนัก ตัดสินใจทำอะไร ข้ารู้แก่ใจดี”

ไทเฮาโกรธจัดอย่างมาก กลับพยายามยับยั้งไว้ แล้วพูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “ฝ่าบาท นับจากที่เจ้าขึ้นครองราชย์มา ข้าไม่เคยก้าวก่ายเจ้าเลย และก็ไม่เคยยุ่งเรื่องราชสำนัก ครั้งนี้เป็นเพราะอ๋องอี้ อ๋องอี้ใกล้จะตายแล้ว เจ้าไม่สนใจไยดีอ๋องอี้เลยนั้นเป็นสิ่งที่ผิดจริงๆ ข้าก็ไม่ขอร้องอะไรเจ้า อ๋องอี้เป็นหลานที่ดีที่สุดของข้า หากเขาตายไป ขอต้องเจ็บจนเจียนขาดใจ อาจจะต้องตามเขาไป….”

ฮ่องเต้มองดูไทเฮา ด้วยคิ้วที่ขมวดย่น

ยังไงไทเฮาก็เป็นแม่ของเขา ทำทุกอย่างเพื่อเขา เขาไม่อยากทำให้นางโกรธโมโหขนาดนั้น จึงพูดขึ้นมาอย่างหน้าไหว้หลังหลอกว่า

“ชีวิตของเจ้าหก ข้าจะพยายามช่วยกลับ จะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับเขา ไทเฮาอย่าเป็นกังวล ร่างกายของท่านสำคัญที่สุด”

ไทเฮาได้ยินแบบนี้ ก้อนหินที่หนักอึ้งในใจค่อยเบาลง

นางร้องไห้น้ำตาไหล ลูบมือฮ่องเต้อย่างต่อเนื่อง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ดี งั้นก็ดี เจ้ารีบสั่งคนไปช่วยเจ้าหกเถอะ เขาบาดเจ็บสาหัสมากจนยังไม่ฟื้น ข้ากลัวว่าหากชักช้า อาจช่วยไม่ทัน….”

“ข้ารู้แล้ว” กู้จิ่งซานผงกหัว ไม่พูดอะไรอีก ประคองไทเฮาเดินออกไป

รอไทเฮาไปไกลแล้ว เขายืนเอามือไพล่หลัง รอบตัวเผยให้เห็นถึงความเฉียบคมที่รุนแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เฟิ่งจงฉวน….”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท