ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่282 รอโตแล้ว จะปกป้องท่านแม่
ขณะเดียวกัน ณ เรือนเซียงหลิน
อวี๋เฟิงกำลังเฝ้าสองพี่น้อง
ซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยดูไม่พอใจมาก คนหนึ่งเอาไม้จิ้มพื้น อีกคนมือเท้าคางมองท้องฟ้า ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ในตอนที่อวี๋เฟิงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เขาก็เห็นหนานหว่านเยียนสวมเสื้อเปื้อนเลือดกลับมา “พระชายา!”
“ท่านแม่กลับมาแล้วเหรอ?!” ดวงตาของซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยเป็นประกายขึ้นมาทันที เกี๊ยวน้อยโยนไม้ในมือออกไป รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้ากอดหนานหว่านเยียนทันที
“ท่านแม่! ท่านแม่กลับมาสักทีนะ”
ซาลาเปาวิ่งช้ากว่า วิ่งหอบตามมา เงยหน้ามองหนานหว่านเยียนทั้งน้ำตา “ท่านแม่ไม่เป็นไรนะ? ลำบากมาทั้งคืน จะต้องเหนื่อยแย่เลย!”
แต่พอนางขยับเข้าไปก็ถึงเห็นว่า รอยสีแดงบนเสื้อหนานหว่านเยียนไม่ใช่สิ่งอื่น แต่เป็นเลือดทั้งหมด
ซาลาเปาที่เห็นเลือดไม่ได้ก็รีบปิดปาก เบิกตาโพลงอย่างหวาดกลัว “เลือด……”
หนานหว่านเยียนกำลังโกรธอยู่ จนลืมเปลี่ยนเสื้อผ้า และไม่มีที่เปลี่ยนด้วย เสื้อคลุมที่โม่หวิ่นหมิงให้นางก็ตกอยู่บนเตียงของกู้โม่หาน
สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิด นั่งยองลงไปลูบหัวของซาลาเปา
“ไม่ร้องไห้นะ แม่ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลย บนตัวเป็นเลือดของคนอื่นน่ะ”
ซาลาเปาได้ยินก็ไม่กลัวมากแล้ว ต่อมากลับกังวลขึ้นมาอีก
ไม่ใช่เลือดของท่านแม่ หรือจะเป็นของ……คนเลว?
เกี๊ยวน้อยครุ่นคิด กัดนิ้วมืออย่างไม่สบายใจ
อวี๋เฟิงรีบไปเอาเสื้อคลุมที่สะอาดมาให้หนานหว่านเยียน แล้วยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ
“พระชายาคงเหนื่อยแย่ คุณหนูสองท่านคิดถึงพระชายามาก จนนอนไม่หลับทั้งคืนเลย เล่นก็ไม่อยากเล่น ตอนนี้ท่านกลับมาก็ดีแล้วล่ะ แต่ว่า ไม่รู้ว่าท่านอ๋อง……”
หนานหว่านเยียนสวมเสื้อคลุมไว้ ลูบหัวของซาลาเปาเบาๆ
“เขาไม่เป็นอันตรายแล้วล่ะ แต่ยังไม่ตื่น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
กู้โม่หานน่าโมโหแค่ไหน แต่เรื่องที่ตื่นแล้วจะบอกใครไม่ได้ รอถึงเวลาแล้ว เขาก็คงจะปล่อยข่าวเอง
ซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยได้ยินว่ากู้โม่หานไม่เป็นไรแล้ว ในใจก็รู้สึกสบายใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นห่วงขนาดนั้น
ซาลาเปามองดูหนานหว่านเยียน ขยี้ขอบตาที่แดงก่ำของตัวเอง “ท่านแม่ ข้าผิดเอง ข้าอ่อนแอเกินไป ชอบร้องไห้ตลอด ไม่กล้าหาญเหมือนพี่สาวเลย”
เกี๊ยวน้อยกลับเดินเข้ามา ยื่นมือขาวๆนุ่มๆนั้นกอดซาลาเปาแน่นๆ
“ยัยเด็กโง่ เจ้าพูดบ้าอะไรกัน! ซาลาเปาเป็นน้องสาวที่กล้าหาญที่สุดในใจของพี่แล้ว! เจ้าอย่าลืมสิ พวกเราต้องโตไปด้วยกัน และปกป้องท่านแม่ของเราให้ดี!”
ว่าแล้ว นางก็กระโดดไปตรงหน้าหนานหว่านเยียน เอียงหัวแล้วฉีกยิ้มหวานให้นาง
“ใช่ไหมเจ้าคะ? ท่านแม่?”
“ใช่แล้วจ้ะ พวกเจ้าเป็นองครักษ์ตัวน้อยของแม่เลยนะ” หนานหว่านเยียนหัวเราะออกมา เรื่องที่เครียดอยู่ในใจก็สลายหายไปทันที
พอได้เห็นใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กสองคน นางก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก เหมือนสามารถลืมเรื่องราวที่น่าปวดหัวบนโลกนี้ได้ทั้งหมด
หนานหว่านเยียนจับมือสองพี่น้องเดินเข้าไปในห้อง นางล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด เหนื่อยมานาน พอได้พักผ่อนก็รู้สึกหนักหนังตาทันที
แต่นางก็กินอาหารเช้าพร้อมกันกับเด็กสองคน ก็ถึงขึ้นเตียงพักผ่อน
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาซบในอ้อมกอดของนาง ไม่กล้าออกเสียงและไม่กล้าขยับ
เด็กสองคนมองดูหนานหว่านเยียนนอนหลับเพราะเหนื่อยล้าเกินไป พวกนางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก
ซาลาเปาขยับเข้าไปกระซิบข้างหูเกี๊ยวน้อยเบาๆ “พี่สาว ท่านแม่ดูเพลียมากเลยนะ จะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ แต่ข้าช่วยอะไรท่านแม่ไม่ได้เลย……”
ว่าแล้ว ขอบตาของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอีก ปวดใจจนกัดริมฝีปากไว้แน่น
เกี๊ยวน้อยก็ปวดใจจนน้ำตาแทบไหล แต่นางก็กลั้นเอาไว้ ปาดน้ำตาแล้วพูดว่า
“อย่าร้องไห้สิ! พวกเราจะสร้างปัญหาให้ท่านแม่ไม่ได้นะ ต่อไปจะต้องพยายามให้มากขึ้น ต้องให้ท่านแม่รู้ว่า ต่อไปถ้าท่านแม่เหนื่อยแล้ว ก็จะได้มาอิงซบพวกเราได้!”
ว่าแล้ว ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเสื้อที่เปื้อนเลือดของหนานหว่านเยียน พูดพึมพำว่า “ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนั่นจะเป็นยังไงแล้วบ้าง……”
อวี๋เฟิงบอกว่า กู้โม่หานบาดเจ็บเพราะปกป้องหนานหว่านเยียน งั้นเขาน่าจะเจ็บน่าดูเลยสินะ?
สีหน้าของซาลาเปาเป็นกังวลขึ้นมา นางกัดฟันมองเกี๊ยวน้อย รู้สึกลังเล น้ำเสียงดูรู้สึกผิด
“พี่สาว ข้า ข้าอยากไปเยี่ยมคนเลวนั่น……”
เกี๊ยวน้อยอึ้ง ถึงแม้นางไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องบอกว่า นางรู้สึกเป็นห่วงกู้โม่หานลึกๆในใจ
“งั้น งั้นพวกเราไปเยี่ยมเขาไหม เพราะเขาช่วยท่านแม่ไว้ พวกเราซาบซึ้งใจในตัวเขา ไม่มีความหมายอื่นเลย!”
ซาลาเปาดีใจ พยักหน้าตอบ “อืม!”
ทั้งสองคลานลงจากเตียงลับๆล่อๆ และไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้หนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าที่ตั้งใจ
เกี๊ยวน้อยจุ๊บที่แก้มของนางเบาๆ “ท่านแม่ เดี๋ยวพวกเรากลับมานะ จะไม่วิ่งเล่นซนเด็ดขาด”
สองพี่น้องเดินออกไปช้าๆ หลังจากที่ขอร้องอวี๋เฟิงแล้ว เขาก็ถึงยอมพาพวกนางไปที่เรือนซีเฟิง
เขาเองก็เป็นห่วงกู้โม่หานเหมือนกัน และคุณหนูสองคนกับกู้โม่หานกับสนิทกันขนาดนั้น แค่มาดูนิดเดียว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ
ณ เรือนซีเฟิง
สายตาก่อนจากไปของหนานหว่านเยียน เหมือนประทับอยู่ในสมองของเขา ทำยังไงก็ลืมไม่ลง
กู้โม่หานอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ก็เลยไล่เสิ่นอี่ร์ออกไป
เขาหงุดหงิดมา วินาทีต่อมา ทันใดนั้นก็มีเสียงคนผลักประตูเดินเข้ามา
กู้โม่หานขมวดคิ้ว หลับตาลงทันที แต่กลับได้ยินเสียงลมหายใจของเด็กสองคน
“พี่ว่าเขาตื่นหรือยัง?” ซาลาเปามองดูกู้โม่หานที่นอนอยู่บนเตียง แล้วถามเสียงเบา
“ไม่รู้สิ แต่ท่านแม่บอกว่า ทุกคนล้วนแต่มีชะตาของตัวเอง ตอนนี้ก็คงต้องดูชะตาของเขาแล้วล่ะ”
เกี๊ยวน้อยกะพริบดวงตากลมโต เบะปากพูดดูถูก
“เทพสงครามงั้นเหรอ เหอะ ตอนนี้แล้วยังไม่ตื่นอีก” ถึงนางจะพูดแบบนี้ แต่ก็มีความกังวลแฝงอยู่ด้วย
ซาลาเปากัดริมฝีปาก กำลังจะพูดต่อ แต่ก็ต้องตกใจ……