ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 312 หนานหว่านเยียน เจ้าเอาเปรียบข้า

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 312 หนานหว่านเยียน เจ้าเอาเปรียบข้า

เมื่อเห็นสีหน้าของท่านอ๋องดูมิดีนัก เสิ่นอี่ว์ก็มิกล้าพูดอะไรอีก

การแสดงออกบนใบหน้าอันหล่อเหลาไร้เทียมทานของกู้โม่หานยังคงดูเข้มงวด เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่หนานหว่านเยียนจะเดินทางเข้าวังในคืนนี้ เขาจึงได้ออกคำสั่งว่า

“จงออกคำสั่งไปยังคนในจวนทุกคน คืนนี้ข้ากับหนานหว่านเยียนจะเดินทางเข้าวัง ให้พวกเขาปกป้องแม่หนูทั้งสองนั้นให้ดี ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดขึ้นเด็ดขาด”

“มิเช่นนั้น ข้าจะเอาผิดกับเจ้า!”

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ เขาและหนานหว่านเยียนล้วนเดินทางจากไป การปล่อยให้เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยอยู่ในจวนตามลำพัง ทำให้เขาดูมีความกังวลเล็กน้อย

“ขอรับ ข้าน้อยจะปกป้องดูแลนายน้อยทั้งสองคนเป็นอย่างดี ท่านอ๋องวางใจเถิด” เสิ่นอี่ว์ตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาเองก็รู้ถึงความกังวลใจของกู้โม่หาน

กู้โม่หานถูปลายนิ้วที่แข็งกระด้างของเขาราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงขมวดคิ้วถามว่า “ข้อมูลของหนานหว่านเยียน เจ้าสืบมาแล้วหรือยัง?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นอี่ว์ก็ทำสีหน้าลำบากใจขึ้นมา “ท่านอ๋องโปรดอภัยเถิด ข้าน้อย……บัดนี้ยังสืบมิพบ”

เขาเองก็รู้สึกแปลกใจจริง เหตุใดจึงสืบมิพบเกี่ยวกับประวัติในวัยเด็กของพระชายา เรื่องที่เปียกน้ำกลับมายามเด็กในครั้งนั้น

ทุกคนล้วนกล่าวว่าเคยได้ยินเรื่องนี้ แต่มิมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ดวงตาของกู้โม่หานหรี่ลง น้ำเสียงดูต่ำทุ้ม “จงรีบไปสืบมา แล้วก็ไปสืบรายละเอียดของโม่หวิ่นหมิงให้ข้าอย่างชัดเจนด้วย”

“ขอรับท่านอ๋อง” เสิ่นอี่ว์นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จากนั้นก็นึกได้ถึงเรื่องที่โม่หวิ่นหมิงมีความเป็นไปเป็นมาอย่างมิชัดเจนนัก เขาจึงเข้าใจได้ทันทีแล้วรับคำสั่งจากไป……

เวลากลางคืนมาถึงด้วยเวลาอันรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางเข้าวัง

หนานหว่านเยียนได้พาหนูน้อยทั้งสองเอาไปไว้กับโม่หวิ่นหมิงให้เขาช่วยดูแล ทั้งยังมีอวี๋เฟิงและคนอื่นๆ คอยคุ้มกัน เนื่องจากในคืนนี้มิมีใครอยู่ในจวนอ๋อง เกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดขึ้น

จากนั้นนางก็เปลี่ยนชุดเข้าวัง ผมยาวดำขลับสลวย ถูกเซียงอวี้รวบขึ้นด้วยความประณีต ปักเครื่องประดับงดงามที่ไทเฮาประทานให้ ก่อนจะเดินทางออกจากจวนอ๋องอย่างมีความสุข

ทันทีที่หนานหว่านเยียนเดินออกจากประตูจวนอ๋อง ก็เห็นกู้โม่หานยืนอยู่ด้านหน้ารถม้า เอามือไขว้หลังไว้

ชายหนุ่มผูกผมด้วยมงกุฎหยก สวมเสื้อคลุมด้านนอกรัดรูปเล็กน้อย ทำให้รูปร่างของเขาดูสูงตรง หยกที่คาดเอวเอาไว้นั้น ก็ดูเปล่งประกายอย่างเย็นชาในยามค่ำคืน

สีหน้าของเขากลับดูเย็นชามากกว่าหยกนั่น ราวกับมีใครไปติดหนี้เขาแล้วมิใช้คืน สีหน้าดูมืดมน รอบกายถูกห่อหุ้มไปด้วยบรรยากาศอันหนาวเหน็บ

นางส่งเสียงหึๆ ออกมาแล้วเดินตรงเข้าไปหาเขา

กู้โม่หานหันไปทางด้านข้าง พบหนานหว่านเยียนที่ดูรังสีเปล่งประกายเดินตรงเข้ามา

เขาเห็นลำคองามระหงของหนานหว่านเยียน ภาพเมื่อคืนนี้ก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาทันที ลำคอรู้สึกอึดอัดแน่น ทั้งยังเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเย็นชาทันที

“ดูเหมือนเจ้ามีความสุขนัก”

รอยยิ้มบนใบหน้าหนานหว่านเยียนดุจดั่งดอกไม้ผลิบาน นางก้าวขาขึ้นรถม้า น้ำเสียงกล่าวอย่างน่าพึงพอใจว่า “แน่นอน คืนนี้เป็นวันสำคัญ”

วันสำคัญอะไรกัน ก็เพียงแค่ตั้งหน้าตั้งตารอจะหย่าร้างกับเขามิใช่หรือ?

กู้โม่หานส่งเสียงหึๆ ออกมาด้วยความเย็นชา จากนั้นเดินตามหนานหว่านเยียนเข้าไปในรถม้า

ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันโดยมิมีใครกล่าวสิ่งใดออกมา

เนื่องจากพวกเขาทั้งสองรู้ถึงจุดประสงค์ของการเดินทางเข้าวังในคืนนี้ดี

รถม้าขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว

หนานหว่านเยียนจ้องไปยังใบหน้าอันเย็นชาของกู้โม่หาน เมื่อนางครุ่นคิดเรื่องนี้แล้วจึงได้หรี่ตาลงเตือนเขาว่า

“กู้โม่หาน คราก่อนนั้นเจ้ากล่าวรุนแรงกับข้า ในครั้งนี้ข้าขอเอ่ยเตือนเจ้าไว้ก่อน คืนนี้อย่าสร้างปัญหาให้กับข้า และอย่าทำลายแผนการของข้า มิเช่นนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”

นางจำได้ดีว่าครั้งแรกที่เดินทางเข้าวัง กู้โม่หานได้ข่มขู่นาง แต่บัดนี้กลับเป็นนางที่ข่มขู่เขา เหตุการณ์พลิกผันจริงๆ

หนานหว่านเยียนรีบร้อนใจอยากจากไปเช่นนี้เชียวหรือ?

ทั้งที่เมื่อคืนนางกับเขายัง……

หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขาสั่นเล็กน้อยส่งเสียงออกมา เขาจ้องมองไปยังหนานหว่านเยียนด้วยสายตาเย็นชา รู้สึกมิพอใจเล็กน้อย

“หนานหว่านเยียน เจ้าอย่าไร้เดียงสามากนัก ต่อให้ข้ามิเข้าไปยุ่งเกี่ยว เสด็จพ่อก็มิมีวันให้เจ้าไปอย่างแน่นอน”

“เรื่องนี้เจ้ามิต้องกังวลใจ” หนานหว่านเยียนเอนกายลงบนรถม้าอย่างเฉยชา “เจ้าเพียงแค่ทำตามคำที่พูดไว้ อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวก็พอ”

หากมิลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไร การหย่าร้างมีเพียงแค่สองหนทาง และเส้นทางของกู้โม่หานดูจะช้าเหลือเกิน เหตุใดนางจึงมิลองทางลัดดูเล่า?

หากไปไหนมิได้ค่อยว่ากัน

กู้โม่หานมองไปยังมุมปากของหนานหว่านเยียนที่เผยอขึ้นเล็กน้อย เขากำหมัดของตนเองแน่น รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นกว่าเดิม

“เหตุใดข้าจึงต้องยอมเจ้า สิ่งที่เจ้าทำกับข้าวเมื่อคืนนี้ คิดหรือว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าไปมีชีวิตที่ดี?”

“อะ อะไร ข้าทำอะไรเจ้า?!”

หรือนางจะยั่วยวนกู้โม่หานกัน?

ในยุคปัจจุบัน ตอนที่นางดื่มนางมิเคยเมา เหตุใดเมื่อมาในยุคโบราณนี้ คออ่อนมิว่า เมื่อดื่มสุราเข้าไปแล้วยังทำตัวเหลวไหล

ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ถูกกู้โม่หานจับจุดอ่อนได้เสียแล้ว!

เมื่อกู้โม่หานเห็นนางรู้สึกผิด เขาก็กะพริบตาเล็กน้อย

“เจ้าว่าอย่างไรเล่า เจ้าคออ่อนถึงเพียงนี้ มีเรื่องใดบ้างที่ทำออกมามิได้?”

จู่ๆ เขาก็เข้าไปใกล้หนานหว่านเยียน มือข้างหนึ่งวางไว้ข้างลำตัวนาง “หากมิใช่เพราะข้ารักษาความบริสุทธิ์ของตนไว้ ข้าคงจะถูกเจ้ารังแกไปนานแล้ว……”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท