ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 324 ข้าชอบเจ้าได้อย่างไร
นิ้วของหยีเฟยหยุดเคลื่อนไหวอีกแล้ว
หนานหว่านเยียนตะโกนเรียกหยีเฟยอีกหลายครั้ง และรีบหยิบไฟฉายออกจากห้วงเวลาทันที นำมาตรวจปฏิกิริยาตอบกลับของรูม่านตาอย่างละเอียด
มีปฏิกิริยาตอบกลับ หยีเฟยมีสติจริงๆ!
ความมั่นใจในการรักษาหยีเฟยให้หายดีของนาง เพิ่มขึ้นไปอีกหลายขั้น!
หนานหว่านเยียนมีความสุขอยู่ในใจ ทว่ายังอยู่ในวัง นางไม่สะดวกที่จะพูดขึ้นมา นางไม่ส่งเสียงและห่มผ้าให้หยีเฟยอย่างเงียบๆ
กู้โม่หานเก็บของเสร็จแล้ว ค่อยๆ เดินเข้ามา “เป็นอย่างไรบ้าง?”
หนานหว่านเยียนเหลือบมองเขา นางอดทนเก็บอาการไว้ และพูดด้วยใบหน้าที่สั่นไหว: “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร อีกเดี๋ยวตอนเคลื่อนย้ายระวังหน่อย อย่าให้กระแทกมากเกินไป”
เมื่อกู้โม่หานได้ยินเช่นนั้น เขาก็โล่งใจในใจ
เขามองไปที่หยีเฟยที่ร่างกายผอมบางอ่อนแอนอนป่วยอยู่บนเตียง นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความสงสารและความกังวล
เสด็จแม่ ลูกมารับท่านกลับบ้านแล้ว
“องครักษ์ มาส่งเสด็จแม่ไปที่รถม้า”
“ขอรับ” องครักษ์แสดงความเคารพต่อกู้โม่หาน จากนั้นก็อุ้มหยีเฟยลงบนเตียงไม้ที่เรียบง่ายแบกออกไปอย่างระมัดระวัง
หนานหว่านเยียน และกู้โม่หานก็ตามหลังออกจากประตูวังอย่างรวดเร็ว
มีรถม้าสองคันอยู่นอกประตู กู้โม่หานจัดการนำหยีเฟยและหวางหมัวมัวส่งไปถึงหน้ารถม้าด้วยตัวเอง
และหนานหว่านเยียนนั่งลงตรงด้านหลังรถ รอกู้โม่หาน หมุนวงกลมในมือไม่หยุด กำลังคิดถึงบางสิ่งอยู่
“เจ้ากําลังคิดอะไรอยู่?” ม่านในรถถูกยกขึ้น เสียงค่อยต่ำดังขึ้นมา
หนานหว่านเยียนเอียงศีรษะก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หาน เสื้อคลุมยาวของเขาเผยให้เห็นร่างกายที่สูงใหญ่ รูปงามยิ่งนัก
พริบตาเดียว กู้โม่หานนั่งลงตรงข้ามกับนาง ห่วงหยกที่เอวของเขากระทบกันส่งเสียงดัง
หนานหว่านเยียนเรียนสติคืนมา แอบพูดบ่นถึงว่ารูปลักษณ์ของกู้โม่หานนั้นเกินต้านจริงๆ หากอยู่ในยุคปัจจุบันนั้นก็เป็นตัว
ท็อปอย่างแน่นอน
นางมองไปที่เขา “โอ้ ข้ากําลังคิดว่าจากนี้ควรทําอย่างไรหลัง”
ดวงตาของกู้โม่หานขยับเล็กน้อย “ใช้วิธีพลิกพลันสถานการณ์ แค่ทําให้เต็มที่ก็พอ ”
“นั่นสินะ” หนานหว่านเยียนก้มศีรษะคิดไปคิดมา อยากที่จะปลดห่วงหยกที่แขวนไว้ตรงคอออก
กู้โม่หานมองลงมาที่นางและไม่รู้ว่านางกําลังทําอะไรอยู่ ผมยาวกระจัดกระจายสยายลงมา เข้าขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังทำอะไร? ”
“ข้าต้องการปลดห่วงหยกบนคอออก นำมาผูกที่เอว” หนานหว่านเยียนพยายามอยู่สักพัก แต่ก่อนเป็นเซียงอวี้ที่ช่วยนางผูก ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงผูกแน่นเช่นนี้ ทำอย่างไรก็ปลดไม่ออก
นางยอมแพ้แล้ว จึงแบมือไปทางกู้โม่หาน “ถอดไม่ออก ช่างมันเถอะ กลับไปข้าค่อนทำฉัน”
กู้โม่หานตะลึงมองนางด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงคิดที่จะแขวนมันไว้รอบเอวของล่ะ หรือว่า…”
“หยุดนะ อย่าคิดเลยเถิด” หนานหว่านเยียนกล่าว “ข้าเพียงคิดว่าจะแสดงละครก็ต้องเล่นให้สมบทบาท ในเมื่อท่านพ่อคิดว่าพวกเราเป็น ‘สามีภรรยาที่รักกันมาก’ อย่างนั้นไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องแสดงให้เหมือนหน่อย”
กู้โม่หานเลิกคิ้วขึ้น คาดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนจะเข้าใจฮ่องเต้ถึงเพียงนี้
“เงอะงะเช่นนี้ หันหลังไป ข้าช่วยเจ้าแกะเอง”
หนานหว่านเยียนอ้าปากจะปฏิเสธ คิดว่าอีกเดี๋ยวยังต้องพูดถึงความร่วมมือกันอีก จึงอดกลั้นไว้
“อ่อ”
กู้โม่หานปลดห่วงหยกให้นางและวางไว้ในฝ่ามือ จากนั้นก็ผูกห่วงหยกไว้ที่เอวของนาง
หนานหว่านเยียนเห็นว่าเขามีน้ำใจขนาดนี้ อยากปฏิเสธก็ไม่มีโอกาส การแสดงออกจึงไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นนางก็จำได้ว่าก่อนหน้าเขาดื่มเหล้าพิษมา “ยื่นมือเจ้าออกมา ข้าจะให้เจ้าดูอะไร”
กู้โม่หานก็ให้ความร่วมมือยื่นมือออกมา ทว่าประสิทธิภาพของยาเป็นอย่างไร เขารู้ในใจ อย่างไรเสียความคิดของเสด็จพ่อ เขาก็พอจะเดาได้
หนานหว่านเยียนช่วยตรวจชีพจรให้เขา เขาเงียบมาก กู้โม่หานมองไปที่นาง ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ: “เจ้าไม่ได้บอกว่ารองานเลี้ยงจบแล้วมีเรื่องจะคุยกับข้ามิใช่หรือ”
พิษในร่างกายของกู้โม่หานเดิมเป็นพิษเรื้อรัง อีกทั้งร่างกายของเขาก็ค่อนข้างแข็งแรง พิษชนิดนี้จะไม่มีผลต่อเขาในเวลาอันสั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานหว่านเยียนก็เหลือบมองกู้โม่หาน เก็บมือที่จับชีพจรกลับมา และคอยหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง
“ก่อนจะคุยกัน ข้าจะต้องถามคําถามที่สําคัญมากกับเจ้าก่อนข้อหนึ่ง เจ้าชอบข้าหรือไม่?”
กู้โม่หานเกือบจะสําลัก นั่งตรงขึ้นมาทันที และปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากําลังพูดไร้สาระอะไร ข้าจะชอบเจ้าได้อย่างไร?”
หนานหว่านเยียนถามด้วยความสงสัย: “อย่างนั้นเหตุใดในวันนี้จึงไม่หย่ากับข้า? ”
นางรู้ว่าฮ่องเต้มีบางอย่างผิดปกติ เพราะนางได้พูดคุยกับฮ่องเต้อยู่ครู่หนึ่ง อีกทั้งฮ่องเต้ยังดื่มเหล้าพิษแทน
ทว่ากู้โม่หานก็ไม่มีวิชาแพทย์ มองเหล้าพิษไม่ออก อีกทั้งฮ่องเต้พูดเพียงกับเขา เรื่องที่นางต้องการหย่า เขาไม่พูดอะไรก็ขัดขวาง การกระทำนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
อ่านใจเขาไม่ออก คําอธิบายที่สมเหตุสมผลเพียงอย่างเดียวก็คือ กู้โม่หานจงใจทําสิ่งนี้เพื่อลูก
ทว่าเมื่อพูดเกี่ยวกับความร่วมมือครั้งต่อไป กู้โม่หานไม่มีความคิดที่จะหย่ากับนาง มิฉะนั้นการสนทนาจะไม่สามารถดําเนินต่อไปได้
กู้โม่หานดูสงบนิ่งมาก สายตาคมกริบของเขาที่จ้องมองไปยังหนานหว่านเยียน คําพูดของเขาคมคายเช่นเดียวกัน
“แน่นอนว่าเพื่อให้เจ้าหลุดพื้นจากอันตราย ข้าเคยพูดกับเจ้าตั้งนานแล้ว เจ้าเป็นหมากตัวหนึ่งของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อไม่ปล่อยให้เจ้าหนีไปไหนไกลหรอก เจ้าจะต้องระลึกถึงฐานะของตัวเองให้ดี ในใต้หล้านี้ นอกจากข้าจะยินยอม มิเช่นนั้นเจ้าก็ไม่สามารถออกจากจวนอ๋องได้”
“ดังนั้นเมื่อเสด็จพ่อต้องการให้ข้าส่งเหล้าให้เจ้านั้น ข้าก็รู้อยู่แล้วว่านั้นคือเหล้าพิษ และที่ไม่ยอมหย่ากับเจ้า ล้วนเป็นเพราะเป็นการแก้สถานการณ์ให้กับเจ้า แม้ว่าเจ้าจะถอนพาได้ ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นสตรีที่ร่างกายบอบบางอ่อนแอ และก็เป็นแม่ของลูกๆ ทั้งสอง ข้าจะไม่นั่งอยู่เฉยๆ ร่วมมือกับการแสดงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด”
สิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผล หนานหว่านเยียนเชื่อเล็กน้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ และมองเขาอย่างสงสัย
“เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงดีกับข้าถึงเพียงนี้ ไม่มีความเห็นแก่ตัวสักนิดเลยหรือ? ”
ความเห็นแก่ตัว…
แน่นอนเขามี
หากหนานหว่านเยียนจากไป เด็กน้อยสองคนก็ต้องตามไปอย่างแน่นอน เขาจะยอมได้อย่างไร
ยิ่งกว่านั้น หนานหว่านเยียนเป็นผู้หญิงของเขา แน่นอนว่าจะต้องอยู่เคียงข้างเขา เขาไม่ปล่อยให้นางบินหนีไปหรอก——