ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 488 ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าได้ทุกอย่าง
แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะไม่ได้สติ แต่ก็จำได้ชัดเจนว่าเขาไปที่เรือนเซียงหลินแน่ ๆ แล้วคนที่พากลับมาก็คือหนานหว่านเยียน แต่มาตอนนี้ทำไมคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขากลับกลายเป็นหยุนอี่ว์โหรวไปได้?
นี่สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
กู้โม่หานไม่เพียงความคิดยุ่งเหยิงเท่านั้น แต่เขายังถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาด้วย ถ้าเขาร่วมหอกับหยุนอี่ว์โหรวจริง ๆ เช่นนั้นเขา….. เขาก็คงจะล้างมลทินให้สะอาดไม่ได้แน่นอนแล้ว
ในเสี้ยววินาทีนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงกับหนานหว่านเยียนก็ดี หรือมาตรฐานที่หนานหว่านเยียนตั้งไว้เพื่อใช้เลือกผู้ชายก็ช่าง เขาก็ล้วนไม่ผ่านเกณฑ์แล้วทั้งนั้น
เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ที่หยุนอี่ว์โหรวจะมีโอกาสเห็นแววตื่นตระหนกบนใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หาน
ความอิจฉาและชิงชังในดวงตาของนางแทบจะล้นทะลักออกมาให้ได้แล้ว แต่นางก็ยังฝืนกัดฟันอดกลั้นไว้ ก่อนจะเช็ดน้ำตาด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นที่สุด
“ท่านอ๋อง เมื่อคืนนี้ท่านพาพระชายากลับมาจริง ๆ เจ้าค่ะ ตอนที่โหรวเอ๋อร์มาหาท่านบังเอิญเห็นเข้าพอดี แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านกับพระชายา จู่ ๆ ทั้งสองคนก็ทะเลาะกันขึ้นมาในสวน กระทั่งในเรือนก็ยังไม่ทันได้เข้าไป ตอนนั้นพระชายาดูจะโกรธมาก ท่านไม่ยอมให้นางไป นางเลยเตะท่าน แล้วยัง…. แล้วยังตบท่านไปอีกฉากหนึ่งด้วย…..ตอนนั้นโหรวเอ๋อร์เป็นห่วงท่านมาก เลยคิดว่าอยากจะไปดูท่านสักหน่อย แต่สุดท้ายกลับถูกท่านลากเข้าไปในเรือนตรง ๆ แล้วจากนั้น จากนั้นก็…..”
ยิ่งพูด สีหน้าของกู้โม่หานก็ยิ่งมืดทะมึนขึ้นเรื่อย ๆ พยายามระงับความโกรธของตัวเองอย่างเต็มที่
อาการชาหนึบที่ใบหน้าซีกซ้ายนั้นเขารู้สึกได้ น่าจะเป็นฝีมือการตบของหนานหว่านเยียนจริง ๆ อีกทั้งมีแค่นางคนเดียวที่กล้าตบเขา แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ ล่ะก็…..
กระดูกข้อนิ้วมืออันเรียวยาวของเขาส่งเสียงลั่นดังกรอบแกรบ “นอกจากหนานหว่านเยียนแล้ว ทำไมเจ้าถึงมาปรากฏตัวที่เรือนซีเฟิงได้?”
หยุนอี่ว์โหรวมีท่าทีตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่ก็ถูกนางปกปิดเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“โหรวเอ๋อร์ เมื่อคืนนี้โหรวเอ๋อร์ได้ยินเรื่องที่ท่านไม่สบาย ถึงได้รีบมาที่นี่…..โหรวเอ๋อร์แค่เป็นห่วงอาการของท่าน ขอท่านอ๋องโปรดยกโทษให้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”
“โหรวเอ๋อร์รู้เจ้าค่ะ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำเรื่องเช่นนี้ จึงยังมีหลายสิ่งที่ไม่คุ้นเคย จนปรนนิบัติท่านอ๋องได้ไม่ดีพอ แต่หลังจากนี้โหรวเอ๋อร์จะพยายามเรียนรู้ให้มาก ขอท่านอ๋อง…. ”
“ออกไป” กู้โม่หานปรายตามองนางด้วยแววตามืดทะมึนแวบหนึ่ง พยายามอดทนอย่างสุดความสามารถ
สีหน้าของหยุนอี่ว์โหรวถึงกับแข็งค้าง จากนั้นก็มองเขาทั้งน้ำตาที่ไหลนองดั่งดอกสาลี่ต้องสายฝน
“ท่านอ๋อง นี่เป็นเพราะเมื่อคืนโหรวเอ๋อร์ทำได้ไม่ดีพอ ท่านถึงได้รังเกียจโหรวเอ๋อร์หรือเจ้าคะ?”
” บาดแผลที่หลังคอของท่าน โหรวเอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจจะข่วนจริง ๆ นะเจ้าคะ เป็นเพราะรู้สึกเจ็บปวดเกินไป ถึงได้…. ถึงได้ทนไม่ไหว…. ”
ชั่วอึดใจนั้น ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หานก็ยิ่งเย็นชาลงมาทันที ตอนที่หยุนอี่ว์โหรวยังไม่พูดถึง เขาก็ยังไม่รู้สึกว่าที่หลังคอมีความผิดปกติใด ๆ แต่พอนางพูดถึงขึ้นมา กู้โม่หานก็มองซ้ำไปที่เล็บบางส่วนที่หักไปของหยุนอี่ว์โหรว ในใจก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ทรมานใจขึ้นไปทุกขณะ
เขาพูดอย่างเย็นชา ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธกรุ่น
“ชายารองหยุน ข้าเคยแจกแจงให้เจ้าฟังอย่างชัดเจนไปนานมากแล้วนะ ว่าข้าไม่มีความรู้สึกรักใคร่ใด ๆ ต่อเจ้า และจะไม่มีอนาคตใด ๆ ต่อจากนี้ไปด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็เปลี่ยนไปนานแล้ว เจ้าไม่ใช่อี่ว์โหรวคนเดิมที่เคยช่วยชีวิตข้าไว้ในอดีตอีกต่อไป หลายวันมานี้ ข้าได้เตือนเจ้าไปหลายครั้งหลายหนแล้ว เจ้าไม่เพียงไม่รู้จักอยู่เงียบ ๆ แบบเจียมกะลาหัว แต่ตอนนี้ยังถึงกับ…. เจ้าตั้งใจจะยั่วโมโหข้า อยากจะทดสอบขีดความอดทนขั้นต่ำสุดของข้าให้ได้สินะ!”
“เรื่องนี้ข้าจะต้องสืบสวนให้กระจ่างแน่ หากว่าข้ารังแกเจ้าจริง ๆ ข้าก็พร้อมจะตอบแทนต่อความเสียหายของเจ้าอย่างเหมาะสม แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า ออกไปซะ! อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่สาม ”
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนานหว่านเยียนก็ได้ แค่อาศัยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ หยุนอี่ว์โหรวมีแต่เจตนาร้าย ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าทุกอย่างได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เขาก็ไม่ควรไว้ใจนางง่าย ๆ อย่างเด็ดขาด
ก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผย เขาไม่อยากเชื่อคนผิดอีกต่อไปแล้ว
หยุนอี่ว์โหรวถูกรัศมีอันเย็นชาของเขาทำให้ตกใจจนผงะ “ท่านอ๋อง…..”
ดวงตาของกู้โม่หานเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบดุจลิ่มน้ำแข็ง ชั่วขณะนั้นหยุนอี่ว์โหรวจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบเดินโซซัดโซเซลงจากเตียง เก็บเสื้อผ้าบนพื้นขึ้นมาสวมแบบลวก ๆ ปิดหน้า แล้ววิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นออกไป
ตลอดกระบวนการทั้งหมด กู้โม่หานหันหน้าหนีไปอีกด้าน ไม่มองนางเลยแม้แต่แวบเดียว
นิ้วมือขาวซีดของชายหนุ่มจิกฟูกนอนที่เปื้อนเลือดจนแน่น ดวงตาเย็นเยียบราวกับธารน้ำแข็ง
หนานหว่านเยียน…..
นางแทบจะทนรอไม่ไหว อยากจะผลักไสเขาออกไปขนาดนี้เลยหรือ? ถึงได้ทิ้งเขาไว้แบบนี้…..
หยุนอี่ว์โหรวร้องไห้ปานใจจะขาด ระหว่างทางที่วิ่งออกมาจากเรือนซีเฟิง ก็บังเอิญไปชนเข้ากับหวังหมัวมัวที่กำลังเดินมาเข้าพอดี
“อั้ยโยว!” หวังหมัวมัวเกือบจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น หลังจากทรงตัวยืนได้มั่นคงแล้ว ก็เห็นหยุนอี่ว์โหรวที่กำลังร้องไห้จนไม่เหลือสภาพอยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที “พระชายารองหยุน นี่ท่านเป็นอะไรไปรึ?”
เดิมทีนางก็เป็นห่วงสถานการณ์ของกู้โม่หานอยู่แล้ว พอเช้ามาเลยคิดจะมาตรวจสอบดูสักหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะเห็นหยุนอี่ว์โหรวที่วิ่งหนีออกมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก ทั้งยังร้องไห้อย่างหนักขนาดนี้
เมื่อหยุนอี่ว์โหรวได้เจอหน้าหวังหมัวมัว ในใจก็จุดประกายแผนตบตาขึ้นมาได้ทันที
นางร้องให้ดังขึ้นกว่าเดิม จนดึงดูดคนรับใช้หลายคนที่เดินผ่านไปมาให้ต้องหยุดดู
“หวังหมัวมัว โหรวเอ๋อร์…โหรวเอ๋อร์ไปปรนนิบัติท่านอ๋องเมื่อคืน แต่โหรวเอ๋อร์ไม่มีประสบการณ์มากนัก บางที….บางทีคงจะทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจ ดังนั้นเมื่อครู่ถึงได้ไล่ตะเพิดโหรวเอ๋อร์ออกมา”
เมื่อคืนหยุนอี่ว์โหรวไปปรนนิบัติกู้โม่หานมา?
นั่นไม่เท่ากับว่าได้ร่วมหอกันแล้วหรอกรึ? !
เพียงอึดใจเดียว ข้ารับใช้ทุกคนในจวนก็ซุบซิบเรื่องนี้กันให้อื้ออึง
หวังหมัวมัวเห็นหยุนอี่ว์โหรวร้องไห้อย่างน่าสงสารขนาดนี้ ก็อดรู้สึกเห็นใจไม่ได้
“ท่านอ๋องนี่ก็จริง ๆ เลย ท่านเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนนึงแท้ ๆ ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็สมควรทำดีกับท่านให้มากหน่อย อย่าได้กังวลไป เดี๋ยวข้าน้อยจะไปพูดกับท่านอ๋องให้เอง ท่านเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว รีบกลับเรือนไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ”
หวังหมัวมัวพูดปลอบใจไปพลาง ก็กวักมือเรียกสาวใช้ที่ยืนชมดูละครเรื่องสนุกไปพลาง ให้เข้ามาช่วยพยุงหยุนอี่ว์โหรวกลับเรือน
หยุนอี่ว์โหรวสะอื้นไห้พลางพยักหน้า “ขอบคุณมากหวังหมัวมัว”
แต่ในใจของนาง กลับยินดีปรีดาแทบคลั่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าสาวใช้เหล่านั้นเข้ามาต้อนรับขับสู้นางอย่างกระตือรือร้น ก็รู้สึกได้เลยว่านางมีโอกาสพลิกตัวกลับมาใหม่อีกครั้งแล้ว
นางไม่กลัวว่าหนานหว่านเยียนจะเปิดโปงนางเรื่องนี้ เพราะถึงยังไงคนที่กู้โม่หานลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเป็นคนแรก ก็คือนาง!
เว้นเสียแต่ว่า กู้โม่หานจะจำทุกอย่างได้เองทั้งหมด แต่เพราะเขาตกอยู่ภายใต้พิษกู่ ก็น่าจะจำอะไรไม่ได้ง่าย ๆ ขนาดนั้น
ขอแค่ครั้งหน้านางดิ้นรนหาทางร่วมหอกับเขาให้ได้ รีบตั้งท้องลูกของเขาให้เร็วหน่อย ทุกอย่างก็จะมั่นคงได้สักที
หลังจากที่หยุนอี่ว์โหรวจากไป หวังหมัวมัวก็ถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนอย่างระมัดระวัง
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่รึ ว่าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก!”
ใบหน้าของกู้โม่หานเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาเพิ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านนอก
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น กลับเห็นว่าคนที่มาคือหวังหมัวมัว เจ้าตัวรีบระงับความโกรธทันที ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หมัวมัว ทำไมถึงเป็นท่านล่ะ?”
หวังหมัวมัวมองดูห้องหับที่ยุ่งเหยิง ทั้งเห็นว่าสีหน้าของกู้โม่หานดูไม่ค่อยดี จึงพูดด้วยท่าทางเคารพว่า: “ท่านอ๋อง เรื่องของพระชายารองหยุน ข้าน้อยมีส่วนผิดอย่างมาก ขอท่านลงโทษข้าน้อยที่บังอาจตัดสินใจเองโดยพลการเถิดเจ้าค่ะ”
กู้โม่หานขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกงงงันขึ้นมาแล้ว
“หมายความว่าอะไร?”
หวังหมัวมัวค้อมกายลงจนต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย
“เรียนท่านอ๋อง เมื่อคืนพระชายารองหยุนเห็นว่าสีหน้าของหมอจวนหลังออกจากเรือนท่านมาดูแล้วไม่ค่อยดี จึงตามไปถามหมอจวน แต่ก็ไม่เป็นผล”
“นางเป็นห่วงท่านมากจริง ๆ จนไปคุกเข่าขอร้องหมอจวน ถึงได้รู้ว่าท่านถูกวางยาพิษ นางร้อนใจจึงรีบมาหาข้าน้อย ส่วนข้าน้อยก็เป็นห่วงสุขภาพของท่าน เห็นว่าไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ ถึงได้ปล่อยให้นางมาที่เรือนซีเฟิง”
แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ท่านอ๋องโกรธเคืองขนาดนี้ ดังนั้นคิด ๆ ดูแล้ว ก็เหมือนว่าข้าน้อยจะทำความผิดอย่างมหันต์ ข้าน้อมยินดีรับการลงโทษเจ้าค่ะ ”
คำพูดเหล่านี้ เหมือนสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงมาใส่กลางหัวเขาก็ไม่ปาน ทำลายร่องรอยแห่งความหวังเส้นสุดท้ายในใจของกู้โม่หานจนขาดสะบั้น
พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็แปลว่าเมื่อคืนเขาร่วมหอกับหยุนอี่ว์โหรวแล้วจริง ๆน่ะสิ ——