ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 532 หยั่งเชิง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 532 หยั่งเชิง

หนานหว่านเยียนสะดุ้งตกใจ ยกมือคิดอยากต่อต้าน แต่นางมีแรงน้อยมาก ไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้เลย

หนานหว่านเยียนรู้ข้อนี้ดี จึงไม่ทำการต่อสู้ที่ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป อีกอย่าง นางก็อยากรู้ว่า คนพวกนี้ต้องการวางแผนทำอะไร

เห็นหนานหว่านเยียนไม่ขัดขืนแล้ว ยังนึกว่านางยอมจำนน เขาจึงคว้าดึงหนานหว่านเยียนไปยังด้านหลังภูเขาเทียม อาศัยภูเขาเทียมบดบัง เอาผ้ายัดปากของนางไว้ก่อน ตอนที่มัดมือทั้งคู่ของนาง จู่ๆฝ่ามือของเขาก็เจ็บปวดขึ้นมา

คนคนนั้นรีบมองดูหนานหว่านเยียน เห็นนางถลึงตาใส่เขา จึงส่งเสียงเมิน มัดมือมัดเท้าของนางเสร็จแล้วก็เอาผ้าดำคลุมไว้ แล้วแบกตัวนางขึ้นมาเดินมุ่งหน้าไปทางใต้

หนานหว่านเยียนถูกคลุมหัวไว้ รอบๆมืดมิดไปหมด แต่นางรู้สึกว่า ตอนนี้ตนเองไม่ได้ออกไปจากเรือนเซิง

สักพัก นางก็ได้ยินเสียงเปิดประตู จากนั้น นางก็ถูกคนคนนั้นโยนวางลงพื้น ประตูห้องด้านหลังถูกปิดแล้วก็ลงกลอนล็อกไว้

หนานหว่านเยียนฟังอยู่สักพัก ภายในห้องเงียบสงัดจนน่ากลัว เหมือนไม่มีคน นางจึงใช้หัวพิงด้านข้างไว้ พยายามดันเอาผ้าที่คลุมหัวหลุดออกมา

รอเมื่อมองเห็นชัดเจน หลังจากนางมองดูสถานการณ์รอบๆ ก็แทบหยุดหายใจ

เห็นตรงหน้านางมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลานอนอยู่ ตอนนี้กำลังหลับตาสนิท ท่าทีเหมือนทรมานอย่างมาก สีหน้าขาวซีดจนเกินเหตุ ใบหูกลับแดงไปจนถึงใบหน้า ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก

คนคนนี้ก็คือ อ๋องเจ็ดกู้โม่หลิง

สายตาหนานหว่านเยียนสั่นไหว ผลที่ลักพาตัวนางมา คิดอยากให้นางกับกู้โม่หลิงมีอะไรกัน?

นางขยับตัวห่างไกลจากกู้โม่หลิงมาหน่อย พบว่าเขาหายใจค่อนข้างรุนแรง เหมือนถูกคนวางยาในปริมาณมาก

ทันใดนั้น ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา

ในขณะเดียวกันนางก็เข้าใจแล้วว่า องค์หญิงฮั่นเฉิงหมดสตินั้นเป็นเรื่องโกหก เหตุผลก็คือเพื่อหลอกล่อนาง การวางแผนของคนที่อยู่เบื้องหลังนั้น ต้องเป็นการวางแผนใหญ่ยิ่งกว่าที่นางคิดไว้

แต่ว่าตอนนี้ นางไม่รู้ว่าเมื่อกู้โม่หลิงตื่นขึ้นมาแล้วจะทำอะไรต่อนางหรือเปล่า แต่จากที่เคยหยั่งเชิงกู้โม่หลิงมาแล้วหลายครั้ง นางรู้ว่าคนคนนี้รอบคอบอย่างมาก มีความทะเยอทะยาน ต่อให้คิดลงมือทำอะไรนาง ก็น่าจะไม่ใช่ตอนนี้

ไม่ว่ายังไง ต่อให้รู้ว่าไม่มีความหวังแต่ก็ต้องลองเสี่ยงดูสักครั้ง

เมื่อคิดแบบนี้ หนานหว่านเยียนยื่นเท้าทั้งคู่ออกไป เตะไหล่กู้โม่หลิงเบาๆ ปากส่งเสียงร้อง “อู้อี้”

เห็นชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อน หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว เห็นมีแจกันดอกไม้บนโต๊ะด้านข้าง จึงขยับตัวไป ใช้หลังกระแทกชนขาโต๊ะอย่างแรง

ในที่สุด แจกันสั่นคลอนและตกลงสู่พื้นภายใต้แรงกระแทก เสียงดังจนแสบหู หนานหว่านเยียน พยายามดันร่างกาย ไปหยิบเอาเศษกระเบื้องมาหนึ่งอัน แล้วไปกรีดให้กู้โม่หลิงเลือดไหล

แล้วในตอนนี้ ด้านหลังก็มีเสียงแหบอย่างเจ็บปวดพูดขึ้นมาว่า “พี่…..สะใภ้หก?”

หนานหว่านเยียนหันกลับไปมองอย่างกะทันหัน เห็นกู้โม่หลิงไม่รู้ว่าลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยืนอยู่ข้างหลังนาง จ้องมองดูนางจากที่สูง

สายตาของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความกระหายเลือดและพร่ามัว ยังค่อนข้างไม่สามารถควบคุมได้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้หกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้า ข้ารู้สึกร้อนไปทั้งตัว…. รู้สึกอยาก อยาก….”

“วู้ วู้” หนานหว่านเยียนถลึงตาโต อยากจะพูดแต่ถูกเอาผ้ายัดปากไว้ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

เห็นกู้โม่หลิงเดินเข้ามาใกล้นาง พร้อมสีหน้าเจ็บปวด สายตาพร่ามัว

นางยิ่งกระวนกระวาย แย่แล้ว คนคนนี้ไม่ค่อยมีสติ

“พี่สะใภ้หก….” กู้โม่หลิงฉีกดึงเสื้อผ้าของตนเองไปด้วย พร้อมกัดฟันตัวเองไปด้วย สายตาดิ้นรนอดกลั้น เหมือนไม่อยากคิดที่จะทำอะไรต่อหนานหว่านเยียน แต่เพราะว่าฤทธิ์ยา ทำให้ไม่สามารถควบคุมตนเองได้

เขาค่อยๆโน้มตัวลง พร้อมยื่นมือไปหาหนานหว่านเยียน….

ภายในเรือนเซิงเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน แต่บรรยากาศภายในห้องกลางทางด้านใต้ กลับค่อนข้างผ่อนคลาย

หลังจากกู้โม่เฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องทางทิศตะวันตกเสร็จแล้ว ก็มาหากู้โม่หานที่ห้องกลาง

ตอนนี้ ทั้งสองพี่น้องนั่งอยู่ด้วยกัน ข้างมือมีถ้วยน้ำชาร้อนวางอยู่

กู้โม่เฟิงมองดูกู้โม่หาน แล้วเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างงุ่มง่าม พร้อมไอขึ้นมาสองที

“หลายวันก่อนที่อยู่ในตำหนักหย่างซิน ข้าไม่ได้ช่วยพูดเพื่อเจ้า เพียงแค่…..”

“ขอบใจ” กู้โม่หานมองดูเขา ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ทุกอย่างก็บอกชัดเจนแล้ว อย่างไม่ต้องพูดออกมา

กู้โม่เฟิงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดว่า “ที่ผ่านมาข้าสร้างปัญหามากมาย แต่ต่อไปข้าไม่ทำอีกแล้ว และก็จะจดจำคำพูดของเจ้ากับเสด็จแม่ไว้”

บางสิ่งบางอย่าง เขาอยากได้ก็เป็นไปไม่ได้ แต่กู้โม่หานไม่เหมือนกัน

มีเพียงกู้โม่หานที่คู่ควรกับตำแหน่งไท่จื่อ กระทั่งในอนาคต นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรนั้น

เขาพ่ายแพ้อย่างเลื่อมใสจริงใจ และก็ไม่คิดอยากแย่งชิงอีก

กู้โม่หานจ้องมองดูกู้โม่เฟิง ไม่พูดอะไรอยู่เนิ่นนาน

เขากับกู้โม่เฟิง เหมือนเพื่อนสองคนที่ห่างหายกันไปนาน ตอนนี้กลับมาพบกันใหม่แล้วจับมือกัน ในใจค่อนข้างรู้สึกซับซ้อน

แล้วในเวลานี้ ตรงหน้าประตูมีเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อน

“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว องค์หญิงฮั่นเฉิงหายตัวไป”

อะไรนะ?

“องค์หญิงฮั่นเฉิงหายตัวไป?”

สีหน้ากู้โม่เฟิงเปลี่ยนไปทันที หันไปมองกู้โม่หานอย่างไม่เป็นสุข

สายตากู้โม่หานเยือกเย็น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นอะไรมากมาย เพียงพูดขึ้นว่า “เข้ามารายงาน”

องครักษ์ที่อยู่ตรงหน้าประตูรีบเข้ามา คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพ มองเห็นกู้โม่เฟิง จึงหันไปทำความเคารพเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “ถวายบังคมเฉิงอ๋อง”

“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย เมื่อกี้คนของแคว้นเทียนเซิ่งมาแจ้งว่า ไปเคาะประตูที่ห้องทางทิศตะวันออกขององค์หญิง แล้วก็ไม่พบว่ามีคนอยู่ ด้วยความร้อนใจพวกเขาจึงพังประตูเข้าไป แล้วก็ไม่เห็นเงาร่างขององค์หญิงฮั่นเฉิง ตอนนี้หายังไงก็หาไม่เจอ”

กู้โม่เฟิงรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจว่า “เป็นไปได้อย่างไร อยู่ดีๆ องค์หญิงของแคว้นเทียนเซิ่ง จะหายตัวไปได้อย่างไร พวกเจ้าหาดูดีแล้วหรือยัง”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท