ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 539 แค่ต้องการให้เจ้าอยู่ข้างๆ
หนานหว่านเยียนสามารถหาตัวคนร้ายได้ตอนนี้?!
เล่นตลกอะไรกัน
ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่กับที่ ได้แต่คิดว่าหนานหว่านเยียนไม่ได้สนใจเพียงแค่อวดเก่ง เอ่ยวาจาเพ้อเจอเพื่อเอาใจเหล่าทูตของแคว้นเทียนเซิ่ง
ฉินอี้หรานก็ตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าหนานหว่านเยียนจะกล้าคุยโวโอ้อวด จึงแค่นเสียงเย็นออกมา
“ไท่จื่อเฟยท่านพูดเองนะ”
“งั้นข้าจะรอเจ้าหาตัวคนร้ายออกมา!”
เพิ่งกล่าวจบ ผู้คนยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ได้ยินเสียงขันทีประกาศมาจากตรงประตู “ฝ่าบาทเสด็จ! ชี่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเสด็จ…”
ดวงตากู้โม่หานพลันมืดครึ้ม เสด็จพ่อเสด็จมา…
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วขึ้นมา
ไม่ว่านางจะหาตัวคนร้ายออกมาได้หรือไม่ ถึงอย่างไรฉินมู่ไป๋ก็เสียตัวแล้ว กู้จิ่งซานไม่ชอบใจนางกับกู้โม่หานมาโดยตลอด จะต้องมาซักไซ้เอาความแน่…
ทุกคนรีบคุกเข่าทำความเคารพ “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง!”
กู้จิ่งซานไม่สนใจทุกคน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ทันทีที่เข้ามาก็เตะกู้โม่หลิงด้วยโทสะและตำหนิติเตียน
เขาเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าเจ็ด! เจ้ารู้ไหมว่าทำผิดร้ายแรงขนาดไหน!”
เมื่อเห็นกู้โม่หลิงถูกเตะล้ม สีหน้าชี่กุ้ยเฟยก็เริ่มน่าเกลียด มองกู้โม่หลิงอย่างเป็นกังวล
กู้โม่หลิงถูกเตะล้มลงกับพื้น แต่กลับรีบลุกขึ้นมา
“กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกรู้ว่าผิด แต่ว่า…”
“แต่อะไร!” กู้จิ่งซานเดือดดาล ต่อหน้าพี่น้องฉินอี้หรานก็ตบหน้าเขาอย่างแรงอีกสองฉาก “ไม่สนว่ามีเหตุผลอันใด เจ้าบังอาจข่มเหงองค์หญิงฮั่นเฉิงถือเป็นการกระทำชั่วช้า! วันนี้หน้าตาของราชวงศ์แคว้นซีเหย่ล้วนถูกเจ้าทำลายสิ้นซากแล้ว!”
ขณะพูด เขาก็มองทางพี่น้องฉินอี้หรานโดยฉะเพราะฉินมู่ไป๋“ฮั่นเฉิง เป็นโอรสของข้าที่ไม่ได้ความ ข่มเหงรังแกเจ้า ข้าต้องขออภัยเจ้าแล้ว”
ฝูงชนไม่กล้าส่งเสียง แต่หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานต่างรู้อยู่ในใจ
กู้จิ่งซานทั้งเตะทั้งถีบและตบหน้ากู้โม่หลิงแล้วยังขอโทษด้วย เห็นชัดว่ากำลังปกป้องกู้โม่หลิง กลัวว่าเขาจะถูกคนของแคว้นเทียนเซิ่งไล่เบี้ย ต้องรับโทษหนักขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งก็เป็นการรักษาหน้าตาของแคว้นซีเหย่เช่นกัน
กู้โม่หลิงกัดฟัน ไม่กล้าเปล่งเสียงอีก แต่ฉินมู่ไป๋ที่กำลังร้องห่มร้องไห้ เอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “ฝ่าบาท! ท่านต้องโปรดตัดสินเพื่อฮั่นเฉิงด้วยเพคะ”
“วันนี้ฮั่นเฉิงเสียความบริสุทธิ์ ต้องการแค่ความยุติธรรม ทั้งเมื่อครู่ไท่จื่อเฟยเอ่ยว่า สามารถหาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังตอนนี้ได้! พระองค์ก็ให้นางสอบสวนเถอะเพคะ รอไท่จื่อเฟยหาเจอแล้ว ฮั่นเฉิงจะฉีกร่างมันผู้นั้นออกเป็นพันๆ ชิ้น!”
หากฉินมู่ไป๋ไม่เอ่ยยังดี แต่ทันทีที่เอ่ยขึ้นนี้ โกรธของกู้จิ่งซานยิ่งมากขึ้น
ข่าวการหลับนอนของกู้โม่หลิงกับฉินมู่ไป๋ก่อนหน้านี้ไม่นานก็มาถึงหูของพวกเขา
ตอนนั้นชี่กุ้ยเฟยร้องไห้เอ่ยกับเขาว่า กู้โม่หลิงไม่มีทางเป็นคนเช่นนี้
เขาย่อมก็ไม่เชื่อเช่นกัน จึงรีบมาอย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่คิดว่าจะได้ยินฉินอี้หรานถามหาความรับผิดชอบพอดี หนานหว่านเยียนยังสาบานรับรองว่าตนเองสามารถจับตัวคนร้ายได้
หนานหว่านเยียนกำแหงมาจากไหนกัน เห็นอยู่ว่าฉินอี้หรานในเส้นตายสามวัน นางกลับถือดี บอกว่าสามารถหาผู้บงการได้ทันที
หากหาตัวไม่เจอเล่า แล้วหน้าตาราชวงศ์จะรักษาไว้ได้อย่างไร!
“องค์หญิงฮั่นเฉิงไม่ต้องกังวล ข้าจะผดุงความยุติธรรมให้กับเจ้าอย่างแน่นอน!” กู้จิ่งซานปลอบฉินมู่ไป๋สองามคำ จากนั้นจ้องมองหนานหว่านเยียน ด้วยสายตาเฉียบคมและน่าขนลุก
“ไท่จื่อเฟยเมื่อครู่เจ้าเอ่ยว่า สามารถหาตัวคนร้ายตอนนี้ได้ เจ้าจะหาอย่างไร อย่ามัวแต่คุยโวโอ้อวด แต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง!”
หัวใจหนานหว่านเยียนพลันเปลี่ยนเย็นเยือก แต่ใบหน้ากลับไม่เปลี่ยนสีเอ่ยกับกู้จิ่งซานอย่างนอบน้อม “เสด็จพ่อลูกจะต้องหาตัวคนร้ายเจออย่างแน่นอน”
“เรื่องน่าหัวร่อในวันนี้ มีคนตั้งใจวางแผน ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงฮั่นเฉิงหรือน้องเจ็ดล้วนถูกคนจับมาหรือชี้นำมาที่นี่ แม้แต่ลูกก็ไม่ยกเว้น!”
“แต่ตอนที่คนคนนั้นจับตัวลูกมา ลูกวางยาพิษไว้ที่กลางฝ่ามือของคนคนนั้นเพคะ เมื่อยาพิษนั้นเจอกับซองหอมพิเศษของลูกจะทิ้งร่องรอยไว้อย่างแน่นอน “คนที่จัดฉากเรื่องพวกนี้ขึ้นมา เพียงตรวจสอบก็รู้ได้แล้วเพคะ”
นางรู้ว่ากู้จิ่งซานกำลังเตือนนาง แต่นางยังต้องตรวจสอบ หากผ่านวันนี้ไปแล้ว คิดจะตรวจสอบอีกทีก็ยากที่จะหาตัวคนร้ายเองแล้ว
คนคนนั้นกล้าปองร้ายนาง กล้าสร้างเรื่องเช่นนี้ ก็ต้องเตรียมแบกรับโทษ!
เมื่อได้ยินคำพูดหนานหว่านเยียน องครักษ์ด้านข้างหนานชิงชิงคนนั้นก็ซ่อนมือเข้าไว้ในแขนเสื้อเงียบๆ
หนานชิงชิงกับชิวซวงสบตากัน สองคนนายบ่าวต่างคิดว่าเริ่มท่าไม่ดีแล้ว รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
แต่หนานชิงชิงก็ซ่อนความประหม่าไว้ได้เป็นอย่างดี
นางไม่ได้มีส่วนร่วมกับแผนการทั้งหมดของวันนี้เลย ยิ่งไม่มีทางที่จะหลงเหลือหลักฐานอะไรเอาไว้ ถึงตอนนั้นจ่อให้หนานหว่านเยียนจะมีความสามารถหาออกมาได้จริง ก็ไม่เกี่ยวพันถึงนาง
กลับกันหนานหว่านเยียน ที่ยืนกรานออกมาเป็นเป้า ทั้งยังเอ่ยวาจาเพ้อเจ้อเช่นนี้ หากสืบอะไรออกมาได้เลย ก็รอถูกพี่น้องฉินอี้หรานกับกู้จิ่งซานถามหาความรับผิดชอบได้เลย!
ขณะนั้นไม่มีใครคาดคิดว่า หนานหว่านเยียนจะหาตัวคนร้ายออกมาได้จริง และจะทำให้ตกนรกหมกไหม้ ไม่หวนกลับมาอีกเลย!
กู้จิ่งซานจ้องมองหนานหว่านเยียอย่างเย็นชา จากนั้นก็มองทางกู้โม่หานด้วยสายตาลึกล้ำ
“เช่นนั้นจงทำตามที่ไท่จื่อเฟยว่า แต่ถ้าหากหาตัวคนร้ายออกมาไม่ได้ วันนี้ไท่จื่อกับเจ้าเจ็ดจะต้องถูกลงโทษอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง!”
ดวงตากู้โม่หานแข็งทื่อ พยักหน้าเล็กน้อย “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
จากนั้น เขาก็เอ่ยกับทุกคนในเรือนเซิงว่า “ทุกคนจงรั้งอยู่ที่นี่ รวมทั้งบรรดานางกำนัล องครักษ์ และขันทีจากตำหนักต่างๆ ไม่อนุญาตให้ออกไปไหน รอตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ค่อยกลับไปประจำการ!”
แต่การจัดการเช่นนี้กลับทำให้ทูตแคว้นเทียนเซิ่งไม่พอใจจำนวนไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาเผยความไม่สบอารมณ์ ตะโกนเสียงดัง “ไท่จื่อเฟยเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแคว้นเทียนเซิ่งของพวกข้าหรืออย่างไร”
“ใช่แล้ว องค์หญิงฮั่นเฉิงเป็นคนแคว้นเทียนเซิ่งของพวกข้า พวกข้าจะจงใจให้ร้ายองค์หญิงของตนเองได้อย่างไร”
“หยุดโวยวายได้แล้ว!” ฉินอี้หรานตำหนิเสียงเย็น “เรื่องฮั่นเฉิงหากข้าได้ยินพวกเจ้าติเตียนอีกเพียงครึ่งคำ ข้าจะลากพวกเจ้าทั้งหมดออกไปเป็นอาหารสุนัข!”
ทูตแคว้นเทียนเซิ่งทั้งหมดพลันเงียบกริบ ไม่กล้าหายใจทีเดียว
กู้โม่หานกวาดตามองบรรดาขุนนางแคว้นเทียนเซิ่งแล้วหันไปมองหนานหว่านเยียน น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนลง “เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรอีกไหม”
หนานหว่านเยียนที่เตรียมซองหอมเสร็จแล้ว ได้ยินเข้า นางก็หันกลับไปมองนัยน์ตาเย็นชาคู่นั้นของกู้โม่หาน
“ไม่ต้องเพคะ ท่านอ๋องเพียงตามข้าไป พอข้าเจอตัวคนร้าย ก็นำตัวเขาไปสอบปากคำ”
“ตกลง” กู้โม่หานขานรับ โบกมือ แล้วเริ่มตรวจสอบทีละคน
นอกจากคนที่เกี่ยวข้องไม่กี่คน คนทั้งหมดล้วนต้องตรวจสอบ
กู้โม่หลิงเหลือบมองชี่กุ้ยเฟยด้วยสายตาไม่มีพิรุธ
สายตาสองคนแม่ลูกสบกัน ไม่มีความสับสนวุ่นวายใจอะไรออกมา แต่กลับนิ่งจนน่าขนลุก
หลังจากนั้น หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานก็เดินเข้าไปกลุ่มคน
หนานหว่านเยียนถือซองหอมไว้ในมือ กวาดสายตามองพวกเขาอย่างเคร่งขรึมเย็นชา
นางเอ่ยถามเสียงเย็น “ใครเป็นที่เจอความผิดปกติ ในห้องนี้คนแรก”
“ปะ เป็นพระชายาเฉิง…”