ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่554 พุ่งเป้า
นางจ้องมองหนานหว่านเยียน ริมฝีปากขยับไปมาเหมือนอยากพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เหนียงเหนียง!” ทันใดนั้น หวางหมัวมัวก็เหงื่อออกท่วมไปทั้งตัว และก็ไม่ได้สนใจเรื่องแก้วเก็บอุณหภูมิอีกต่อไป
แย่แล้ว!
เหนียงเหนียงได้รับความกระทบกระเทือนมากเกินไป เริ่มมีอาการต่อต้านและขัดขืนพระชายาแล้ว!
นางกําลังจะเอ่ยปากขอให้หนานหว่านเยียนออกไป ก็เห็นหนานหว่านเยียนโค้งคำนับทันที และยื่นมือไปทางหยีเฟย…
“พระชายา! หยุดเดี๋ยวนี้! สถานการณ์คับขันหวางหมัวหมัวรีบดึงแขนเสื้อของหนานหว่านเยียนไว้ นางไม่ได้คำนึงถึงความเคารพอะไร กล่าวออกมาด้วยความกังวล “จู่ๆ บ่าวก็นึกขึ้นได้ วันนี้ยังไม่ได้ทพการนวดรักษาให้เหนียงเหนียง บ่าวเห็นว่าท่านตรวจอาการพอประมาณแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนจะดีกว่า ทางนี้ปล่อยให้บ่าวจัดการก็ได้เจ้าค่ะ”
ความจริงแล้วหนานหว่านกำลังสงสัยท่าทางที่ผิดปกติของหยีเฟย กำลังจะยื่นมือไปจับชีพจรของหยีเฟย แต่ถูกหวางหมัวมัวห้ามไว้อย่าไม่ทันตั้งตัว และก็ตกใจด้วยเช่นกัน ถูกยายหวังจับได้อย่างไม่คาดคิด และก็ตกใจเช่นกัน
นางมองไปยังหวางหมัวมัวที่ดูวิตกกังวลแต่ไม่กล้าพูดอะไร จากนั้นก็มองยังยังหยีเฟยอีก นางขมวดคิ้ว “แต่ข้าเห็นว่าอาหารขอหยีเฟยแปลกมาก ในตอนนี้ดูเหมือนว่านางไม่ได้กลัวข้า แต่เป็นเพราะ…ตื่นเต้นหรือ?
“กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเสด็จแม่ค่อนข้างแข็ง หวางหมัวมัวเจ้าไม่ต้องกังวล ให้ข้าช่วยเสด็จแม่ดูหน่อน เพื่อเป็นการยืนยัน”
ทันทีที่หนานหว่านเยียนพูดจบ หยีเฟยก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณรอบริมฝีปากกระตุก ดูเหมือนยิ้มแต่ไม่ใช่ แลดูน่ากลัว
หวางหมัวมัวกระวนกระวายใจ เหนียงเหนียงยิ้มที่ไหนกัน!
เห็นๆ อยู่ว่าตกใจจนเป็นบ้าไปแล้ว!
หากเหนียงเหนียงตกอยู่ในอาการโคม่าอีกครั้ง นางก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ แล้ว
อย่างไรเสียนางคอยปกป้องเหนียงเหนียงมานานกว่าสิบปี ชีวิตที่ยากลําบากเช่นนี้ ท่านอ๋องจะทรมานเพียงใด นางรู้ดีกว่าใคร!
ต่อให้ล่วงเกินหนานหว่านเยียน นางก็ไม่สามารถปล่อยให้หนานหว่านเยียนอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป!
หวางหมัวมัวปกป้องร่างของหยีเฟยอย่างสิ้นหวัง บังไว้ไม่ให้เห็นหนานหว่านเยียน “พระชายา ท่านกลับไปก่อนเถิด ที่นี้มีข้าอยู่ ท่านวางใจได้!”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว มองไปยังหวางหมัวมัวที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก ท้ายที่สุดก็ประนีประนอมกันได้
“งั้นก็ได้ ข้าจะกลับไปก่อน หาดหยีเฟยมีอะไรผิดปกติ เจ้าค่อยส่งคนมารายงานข้า”
“หลังจากนี้ ข้าจะให้เซียงเหลียนส่งใบสั่งยาใบใหม่มาให้”
แม้วนางจะรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวและท่าทางของหยีเฟยมีบางอย่างผิดปกติ อาจจะมีอะไรเข้าใจผิด แต่นางก็รู้ว่าหวางหมัวมัวอยากที่จะปกป้องนายท่านตัวเอง ดังนั้นนางจึงไม่อยากให้หวางหมัวมัวลำบากใจ
ตกลงแล้วหยีเฟยชอบนางหรือเกลียดนางกันแน่ รอให้หยีเฟยพูดได้ก็จะได้รู้
“ขอบพระทัยพระชายาเจ้าค่ะ” หวางหมัวมัวเมื่อเห็นว่าพระชายาให้ความร่วมมือกับนางและจากไป ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สีหน้าของนางยังคงรู้สึกผิดเล็กน้อย “บ่าวดูแลนหยีเฟยเหนียงเหนียงอยู่ ไม่ได้ออกไปส่ง ท่านกลับดีๆ นะเจ้าคะ”
หนานหว่านเยียนเม้มริมฝีปากไปมา หันหลังและจากไป
ทันทีที่นางจากไป หวางหมัวมัวก็หันไปมองหยีเฟย
ใบหน้าของหยีเฟยค่อยๆ สงบนิ่งลง ไม่หายใจถี่อีก หวางหมัวมัวกล่าวอย่างเสียใจ “เหนียงเหนียง…”
หวางหมัวมัวก็ยิ่งมีความมั่นใจว่าตัวเองทายถูก จะต้องเป็นเพราะหนานหว่านเยียนอย่างแน่นอนหยีเฟยถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนั้น
แต่หากไม่มีหนานหว่านเยียน หยีเฟยก็อาจจะฟื้นขึ้นมาไม่ได้ หนานหว่านเยียนเป็นคนของจวนเฉิงเซี่ยง จวนเฉิงเซี่ยงเป็นศัตรูสำคัญของหยีเฟยและท่านอ๋อง
โชคชะตาช่างเล่นตลกจริงๆ…
หนานหว่านเยียนเพิ่งออกไปไม่ถึงสองก้าว ก็เห็นกู้โม่หานเดินมาทางนาง รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติราวกับภาพวาด
แม้ว่ามันจะดีต่อใจ แต่ในหัวของหนานหว่านเยียน แต่ความคิดแรกที่เข้ามาในใจของนาง ดูเหมือนจะเป็นข่าวที่เซียงอวี้บอกเมื่อคืนนี้
บวกกับปฏิกิริยาของหยีเฟยและหวางหมัวมัวเมื่อครู่ ในใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด
นางเดินอ้อมกู้โม่หานอยากจะเดินไปข้างหน้า “เสด็จแม่ไม่เป็นอะไร ข้าขอกลับก่อน”
แต่กู้โม่หานมีหรือที่จะดูไม่ออก หนานหว่านเยียนรีบเร่งฝีเท้าและขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าถูกหวางหมัวมัว “เชิญ” ออกมา น่าจะเป็นเพราะเสด็จแม่ได้รับบความกระทบกระเทือนอีกแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกบีบหัวใจ เดิมยื่นมือออกไปจับข้อมือของหนานหว่านเยียนไว้แล้ว เสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้นจากระหว่างริมฝีปากบางของเขา
“เจ้าวางใจ อีกไม่นานข้าจะจัดการเรื่องจวนเฉิงเซี่ยงให้เรียบร้อย”
หากหนานฉีซานตายแล้ว เสด็จแม่น่าจะ ก็จะไม่พุ่งเป้าไปที่เจ้าขนาดนี้แล้ว…
เมื่อหนานหว่านเยียนได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรมากนัก
หนานฉีซานเดิมทีก็ไม่ใช่คนดีอะไร ต่อเจ้าของร่างเดิมก็ดี หนานชิงชิงก็ด้วย เหล่าลูกสาวของเขาก็เป็นเพียงแค่หมากของเขา มีประโยชน์ก็เก็บไว้ ไม่มีประโยชน์ก็ทอดทิ้ง
“เจ้าจะจัดการจวนเฉิงเซี่ยงอย่างไร ไม่จำเป็นต้องบอกข้า” นางจ้องมองไปยังกู้โม่หานที่คว้ามือของนางไว้ นางเม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ต้องการดึงมือกลับมา
กู้โม่หานกลับจับมือของนางไว้แน่นขึ้น ฝ่ามือของนางร้อนผ่าว
เขาจ้องมองนางอย่างแน่วแน่ คิ้วและดวงตาที่ล้ำลึก ใบหน้าคมเข้มที่หล่อเหลา ภายใต้ยามเช้าสายตาของเขาเผยถึงความผิดปกติบางอย่าง
“หว่านเยียน ถึงแม้เจ้าจะเป็นของจวนเฉิงเซี่ยง แต่ข้าจะไม่ทําร้ายเจ้า”
เขาแค่ไม่ต้องการให้หนานฉีซานมีความสุข ไม่อยากให้คนที่ข่มเหงเสด็จแม่มีความสุข เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้นางเกี่ยวข้อง!
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว และดึงมือกลับมาอย่างแรง
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทําร้ายข้า เรื่องของจวนเฉิงเซี่ยง เจ้าอยากจัดการอย่างไรก็จัดการอย่างนั้น ข้าและเฉิงเซี่ยงความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี ข้าไม่สนใจเรื่องเมื่อคนหนึ่งถูกจัดการจะทำให้อีกคนเดือดร้อนไปด้วยหรอก แต่ข้าต้องเตือนเจ้าว่า ในตอนนั้นที่เสด็จแม่ของเจ้าเกิดเรื่อง เฉิงเซี่ยงอาจจะรู้เบื้องหลัง”
ตอนแรกที่พวกเขาพาหยีเฟยกลับจวน เฉิงเซี่ยงก็บอกนาง เรื่องราวในวังนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด หลายสิ่งหลายอย่างไม่ควรถูกบดบังด้วยภาพลวงตาผิวเผิน
นี่แสดงให้เห็นว่าเฉิงเซี่ยงรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง
ฝ่ามือของกู้โม่หานว่างเปล่า ดวงตาเย็นชาของเขามีความมืดมนแวบขึ้นมา แต่หลังจากได้ยินคําพูดของหนานหว่านเยียน หางคิ้วของเขาก็กดต่ำลง “ข้าเข้าใจ”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สนใจความจริงในอดีตอีกต่อไป พระชายาฟื้นแล้ว นางไม่พอใจหนานหว่านเยียน เขาจะต้องรีบจัดการเรื่องนี้
ขาจ้องหนานหว่านเยียนเขม็ง ด้วยสายตาที่ลึกล้ำ
“ช่วงนี้ เสด็จแม่ทางนี้ข้าจะดูแลเอง หากเจ้าว่าง ก็ไปดูเสิ่นอี่ว์เถิด”
“จนตอนนี้เขายังไม่ได้ฟื้นคืนความทรงจําเกี่ยวกับวันนั้น หากเขาสามารถฟื้นคืนได้ หลายสิ่งหลายอย่างจะสามารถแก้ไขได้”
เมื่อพูดถึงเสิ่นอี่ว์ หนานหว่านเยียนก็รู้สึกหวาดผวาอย่างบอกไม่ถูก อย่างไรเสียเสิ่นอี่ว์แกล้งทำเป็นสูญเสียความทรงจำ
กู้โม่หานกลับจ้องมองนาง และพูดขึ้นอีก: “วิชาแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยม เสิ่นอี่ว์… ”