ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 558 ใครกล้าหยุดเขา เขาก็จะฆ่าคนนั้น
องค์ชายสิบไม่พอใจ “ทูตเฟิ่งหยวน ท่านพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก!” งานอภิเษกสำคัญ แต่การแต่งตั้งไท่จื่อเป็นรากฐานสำคัญของแคว้นซีเหย่ ในวันนี้ผู้คนในแคว้นซีเหย่จะเฉลิมฉลอง จะเลื่อนออกไปได้อย่างไร?”
“นอกจากนี้ เทศกาลหยวนเซียวยังเป็นวันมงคลที่กำหนดมานาน ได้เตรียมการไว้แล้ว และไม่ชนกับงานอภิเษกในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล”
หลี่หลางจงก็นั่งไม่ติด ตอบกลับว่า “องค์ชายสิบกล่าวได้ถูกต้อง การแต่งตั้งไท่จื่อ กรมพิธีได้เตรียมการไว้นานแล้ว หากจู่ๆ ก็ยกเลิก เกรงว่าจะทำให้หลายคนไม่พอใจ ไม่ค่อยเหมาะสมนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสิบเห็นเช่นนั้นก็รีบดึงแขนเสื้อของกู้โม่หลิงซึ่งเงียบอยู่ข้างๆ เขาและกระซิบว่า “พี่เจ็ด ท่านเป็นพระราชบุตรเขย ท่านพูดอะไรหน่อยสิ”
กู้โม่หลิงยืนขึ้น มองไปยังกู้จิ่งซานด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิง: “เสด็จพ่อลูกคิดว่าพิธีแต่งตั้งของพี่หกกับเรื่องแคว้นซีเหย่ก็เป็นเรื่องสำคัญ จริงแล้วไม่ควรเปลี่ยนไปมา แต่…”
“แต่ท่านก็รู้ว่า ก่อนที่ลูกและองค์หญิงฮั่นเฉิงจะหมั้นหมายกันได้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ลูกได้ทำผิดไป ตามหลักแล้วควรชดเชยให้กับแคว้นเทียนเซิ่ง ทำให้องค์หญิงหายโกรธ งานอภิเษกนี้ก็ควรจะจัดให้จริงใจหน่อย หากก่อนวันอภิเษกยังมีการแต่งตั้งไท่จื่อ จะทําให้ผู้คนรู้สึกว่าแคว้นซีเหย่ไม่จริงใจมากพอ ดังนั้นลูกจึงคิดว่าควรปฏิบัติตามความเห็นของทูตเฟิ่งหยวนพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่พูดจบ ดวงตาสีดําเข้มของกู้โม่หานก็หรี่แคบลงอย่างมาก องค์ชายสิบยิ่งงง มองไปยังกู้โม่หลิงด้วยความไม่เชื่อ
“พี่เจ็ด เหตุใดท่าน…”
เกิดอะไรขึ้นกับพี่เจ็ด เหตุใดจึงช่วยคนของแคว้นเทียนเซิ่งพูด? เรื่องการแต่งตั้งไท่จื่อของพี่หกนั้นสําคัญกว่าอย่างเห็นได้ชัด! หากเรื่องของการสถาปนาไท่จื่อถูกเลื่อนออก พี่หกจะคับข้องใจมากแน่ๆ!
ทูตเฟิ่งหยวนตะลึงและยิ้มสวนทันที “สมกับที่เป็นพระราชบุตรเขย พูดได้ตรงประเด็น”
“ฮ่องเต้ ตอนนี้เจ้าบ่าวก็มีความคิดเห็นของตัวเอง กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ในขณะนี้กู้จิ่งซานมีความสุขมากในใจ
ยิ่งผู้คนต้องการเลื่อนวันแต่งตั้งไท่จื่อมากเท่าไร เขาก็ยิ่งดีใจมากเท่านั้น
“เรื่องนี้ข้ารู้สึกผิดกับองค์หญิงฮั่นเฉิง แม้ว่าจะต้องเลื่อนวันแต่งตั้งไท่จื่อออกไป ไม่ยุติธรรมต่อเจ้าหก แต่เรื่องการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นเป็นเรื่องสำคัญ จัดการตามนี้แล้วกัน!”
องค์ชายสิบจะรู้สึกร้อนใจมาก แม้ว่าทั้งกู้โม่หานและกู้โม่หลิงล้วนเป็นเสด็จพี่ของเขา เขามองไม่เห็นว่าใครผิด แต่ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนว่าทั้งสองเรื่องนี้ กลับทำให้กู้โม่หานคับอกคับใจ เขาไม่สามารถมองข้ามมันไปได้
“เสด็จพ่อ เรื่องแต่งตั้งไท่จื่อ เสด็จย่าก็รู้เรื่องแล้ว อีกทั้ง…”
“พอได้แล้ว!” กู้จิ่งซานขัดจังหวะองค์ชายสิบอย่างแรง เขาจ้ององค์ชายองค์สิบอย่างโกรธเคือง ความเย็นชาภายใต้ดวงตาของเขานั้นน่ากลัว “นี่เป็นเรื่องระหว่างท่านพี่ทั้งสองของเจ้า และแคว้นเทียนเซิ่ง เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก”
องค์ชายสิบเงียบทันที แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
กู้จิ่งซานเห็นว่าองค์ชายสิบเงียบแล้ว จึงมองไปยังกู้โม่หาน กู้โม่หานไม่แสดงออกใดๆ ตั้งแต่เข้าไปในตำหนัก มันยากมากสําหรับเขาที่จะเดาความคิดของกู้โม่หาน
“ไท่จื่อ เจ้ารู้สึกอัดอั้นตันใจหรือไม่?”
กู้โม่หานมองไปยังกู้จิ่งซานที่แสร้งทำท่าทางเจ้าเล่ห์ ในใจเต็มไปด้วยความเย็นชา
ที่แท้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนสับสน ตั้งแต่ที่เขาออกมาจากความสัมพันธ์พ่อลูก กู้จิ่งซานทำหลายอย่าง เพื่อให้เขาตกใจ และให้เขารู้สึกผิดหวัง
เลื่อนการแต่งตั้งรัชทายาท คาดว่ากู้จิ่งซานน่าจะพอใจมาก
น่าเสียดายที่กู้จิ่งซานไม่เข้าใจว่า ยิ่งกดดันเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น!
ใบหน้าของกู้โม่หานนิ่งเฉย “เรียนเสด็จพ่อ เรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงฮั่นเฉิงและน้องเจ็ดเป็นสิ่งสําคัญที่สุด สําหรับพิธีแต่งตั้งของลูก ล่าช้าไปอีกหน่อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสิบมองกู้โม่หานอย่างทุกข์ใจ “พี่หก…”
กู้จิ่งซานเห็นว่ากู้โม่หานเชื่อฟังเช่นนี้ คิ้วที่ขมวดจึงคลายออกมาไม่น้อย และกล่าวออกไปว่า “ดี!” ข้ามีคำสั่ง หลังจากหนึ่งเดือน ให้มีการจัดงานอภิเษกองค์หญิงฮั่นเฉิงและท่านอ๋องเจ็ด เลื่อนการแต่งตั้งไท่จื่อออกไป ไม่มีวันกำหนดที่”
ทูตเฟิ่งหยวนยิ้มออกทันที คุกเข่าลงและหล่าวว่า “ขอบพระทัยฮ่องเต้! ฮ่องเต้ทรงปรีชา!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่หลางจงก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่สถานการณ์ในวันนี้ ทุกคนล้วนเข้าใจว่า ที่จริงแล้วฮ่องเต้ตั้งใจใช้อำนาจและฐานะของตัวเองมากปรามกู้โม่หาน ที่เพื่อให้กู้โม่หานไม่เป็นไท่จื่อได้ในระยะสั้น
เขาไม่พอใจแทนกู้โม่หานในใจ แต่เขายังคงกล่าวว่า: “กระหม่อมเชื่อฟังคําสั่ง และจัดการเรื่องงานอภิเษกองค์หญิงฮั่นเฉิงและท่านอ๋องเจ็ดให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”
กู้โม่หลิงก็คุกเข่าลงและขอบคุณเขา “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ”
และกู้จิ่งซานก็สบายใจไม่น้อย “เอาล่ะ ให้ออกไปได้แล้ว”
เขาไม่สนใจว่ากู้โม่หานกำลังคิดอะไรอยู่ ตราบใดที่กู้โม่หานไม่ใช่ไท่จื่อหนึ่งวัน ก็เป็นหนึ่งวันที่เขาก็ไม่สามารถตั้งพายุได้!
ขอเพียงภายในหนึ่งเดือน เขาสามารถสนับสนุนกู้โม่หลิงขึ้นมาได้ และกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของเขาอย่างสมบูรณ์ ในอนาคตเขาจะไม่กลัวว่ากู้โม่หานจะคิดแผนการอะไรขึ้นมาอีกแล้ว!
กู้จิ่งซานออกไปก่อน และทุกคนก็ออกไปเช่นกัน
กู้โม่หลิงได้พบกับกู้โม่หานซึ่งกําลังเดินออกมา เขาทักทายกู้โม่หานและขอโทษน้ำเสียงที่จริงใจ “พี่หก เหตุการณ์ในวันนี้มีหลายสิ่งที่ต้องขออภัย”
“แต่เจ้าก็รู้เรื่องข้าและองค์หญิงฮั่นเฉิง…สรุปแล้ว หากมีโอกาส ข้าจะตอบแทนพี่หกอย่างจริงใจ และก็จะไปขอโทษต่อหน้าพี่หกและพี่สะใภ้หกด้วยตัวเองอีกครั้งแน่นอน! ”
องค์ชายสิบอยากจะพูด แต่เรื่องนี้มาถึงจุดนี้ เป็นพี่ชายของเขาทั้งสอง เขายิ่งไม่กล้าพูดมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าจะทําลายความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง
กู้โม่หานเหลือบมองกู้โม่หลิง สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง “ไม่เป็นไร หากน้องเจ็ดไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินตรงออกจากพระตำหนัก
กู้โม่หลิงยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเงาหลังของกู้โม่หานที่เดินจากไป ดวงสายตาที่ไม่ชัดเจน
และแสงแดดนอกตำหนักที่แสบตาส่องไปบนตัวกู้โม่หาน แต่มันก็เหมือนน้ำแข็งที่หนาวเย็นในธันวา(เดือนสิบสองของปีจันทรคติจีน)ที่เย็นเข้ากระดูก
ทันใดนั้นกู้โม่หาน ก็นึกถึงวันนั้นที่ฮองเฮาถูกขับไล่เข้าไปในตำหนักเย็น และพูดกับเขา
“ในวังหลวงแห่งนี้ทุกที่ล้วนเป็นกับดัก เดินผิดก้าวหนึ่ง ก็จะผิดทุกก้าว ในตอนนั้นบางคนไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ก็จะประสบกับความสูญเสียตลอดชีวิต เหมือนตายทั้งเป็น”
สหายฮ่องเต้เหมือนสหายเสือ แม้ว่าจะเป็นบิดาผู้ให้กําเนิดก็เช่นกัน
กู้โม่หานนึกถึงการปรามในวันนี้ ดวงตาของเขาค่อยๆ เย็นชาและเยือกเย็น ค่อยเดินออกไปนอกวังทีละก้าว ทีละก้าว
เขารออีกไม่ได้แล้ว งานอภิเษกของกู้โม่หลิงและและฉินมู่ไป๋ จะเป็นวันที่เขายกทัพก่อกบฏ!
ใครกล้ามาขัดขวาง เขาก็——ฆ่าคนนั้นไป!