ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 616
เด็กหญิงทั้งสองกลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ลุกขึ้นจากเตียงอย่างตื่นเต้น ต้องการมาออกันอยู่หน้าหนานหว่านเยียน “เสด็จพ่อจูบท่านแม่ พวกข้าก็อยากจูบท่านแม่ด้วย!”
หนานหว่านเยียนได้ยินดังนั้น แก้มทั้งสองก็แดงระเรื่อ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
กู้โม่หานใช้ประโยชน์จากนางเสมอในทุกสถานการณ์ นางยอมอดทนเพื่อลูก ตอนนี้นางจะดูว่าเขาจะอธิบายให้เด็กฟังอย่างไร!
“มันดึกแล้ว พวกเจ้าควรไปนอนได้แล้ว”
เขามองสองพี่น้องด้วยสายตาเอ็นดู พลางเอื้อมมือไปบีบแก้มทั้งสอง “ข้าจะให้เซียงอวี้พาพวกนางไปเข้านอน ดีไหม?”
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยได้ยินดังนั้นก็วางมือลงอย่างไม่เต็มใจ “ไม่ได้! คืนนี้ตกลงกันแล้วว่าจะนอนกับท่านแม่!”
ซาลาเปาน้อยก็ส่ายหัวเช่นกัน “พวกข้าต้องการนอนกับท่านแม่ เสด็จพ่อ”
แม้ว่ากู้โม่หานจะเอ็นดูเด็กหญิงทั้งสอง แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ครอบครองหนานหว่านเยียนแต่เพียงผู้เดียว
“เกี๊ยวน้อย ซาลาเปาน้อย ต่อไปพ่อกับแม่ไม่สามารถอยู่กับพวกเจ้าได้ตลอดไป พวกเจ้าเป็นเด็กโตแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็ง”
“คืนนี้ตามพี่เซียงอวี้ไปตำหนักบรรทมก่อน พรุ่งนี้เช้าข้าจะให้คนไปซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลมาจากนอกวัง ตกลงไหม?”
หนานหว่านเยียนเห็นกู้โม่หานเกลี้ยกล่อมเด็กให้ออกไปอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
“ท่านกำลังพูดบ้าอะไร คืนนี้ข้าต้องนอนกับเด็กๆ เมื่อสองวันก่อนข้าไม่ได้อยู่กับพวกนางเลย คืนนี้ท่านอย่าคิดจะไล่พวกนางไปไหน!”
“จะว่าไปแล้ว ที่นี่คือตำหนักบรรทมของข้า ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน กลับตำหนักหย่างซินของท่านไปเถอะ”
กู้โม่หานไม่สนใจ ฝ่ามือกว้างจับข้อมือขาวผ่องของหนานหว่านเยียนไว้แน่น
“สองสาวโตแล้ว จะทำตัวติดเจ้าอยู่ตลอดไม่ได้ ในวัยนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะปลูกฝังให้พวกนางอยู่ได้ด้วยตัวเอง ตอนที่ข้าอายุเท่าพวกนางก็นอนคนเดียวแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางไร้ยางอายของกู้โม่หาน หนานหว่านเยียนก็โกรธจนขำ พลางสะบัดมือของกู้โม่หานออก
“ท่านก็คือท่าน เด็กๆ ไม่เหมือนท่าน พวกนางต้องการให้ข้าอยู่เคียงข้างคอยปกป้อง”
กู้โม่หานกลับยิ้มบางๆ แล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูนางว่า “หว่านเยียน มีเรื่องราวระหว่างผู้ใหญ่หลายอย่างที่กระทำต่อหน้าเด็กไม่ได้”
“ปล่อยให้พวกนางเรียนรู้ที่จะนอนหลับด้วยตัวเองเถอะ”
เสียงของเขาเบามาก บังเอิญเด็กหญิงทั้งสองไม่ได้ยิน แต่มันเข้าหูของหนานหว่านเยียนอย่างชัดเจน
ความหมายในคำพูดไม่ชัดเจน แต่สื่อว่าเป็นการหยอกเย้าอย่างชัดเจน ทันใดนั้นหูของหนานหว่านเยียนก็แดงก่ำ จ้องเขม็งใส่กู้โม่หานอย่างดุดัน ประกายไฟกำลังจะปะทุออกมา “เหตุใดท่านถึงไร้ยางอายเช่นนี้?!”
ทั้งๆ ที่นางไม่สามารถยกโทษให้เขาได้ แต่เขาก็ยังหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้ เมื่อก่อนนางตาบอดจริงๆ ไม่รู้ว่ากู้โม่หานรับมือได้ยากขนาดนี้!
หากรู้อย่างนี้ ต่อให้นางต้องต่อสู้กับกู้จิ่งซานจนตายกันไปข้าง ก็จะไม่ช่วยกู้โม่หานให้ก้าวขึ้นตำแหน่งเด็ดขาด!
เมื่อกู้โม่หานเห็นหนานหว่านเยียนเถียงเขาไม่ได้ และไม่กล้าทำอะไรนอกลู่นอกทางต่อหน้าเด็กๆ รอยยิ้มก็เปล่งประกายขึ้นในดวงตาสีดำขลับ
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนโยน อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองไว้ในอ้อมแขน “เอาล่ะเด็กๆ ทั้งสอง กลับไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาหาท่านแม่ใหม่ ว่าไง?”
เด็กน้อยทั้งสองทำแก้มป่องอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา โดยเฉพาะเกี๊ยวน้อย แก้มป่องเหมือนหนูแฮมสเตอร์ที่ยัดถั่วจนเต็มแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาสดใสคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีต่อกู้โม่หาน
“ตอนท่านอายุสี่ขวบ ท่านนอนคนเดียวจริงหรือ?”
ซาลาเปาน้อยมองอยู่ข้างๆ กู้โม่หานแตะปลายจมูกของเกี๊ยวน้อย “โอรสและธิดาในราชวงศ์นอนคนเดียวตั้งแต่เกิดแล้ว จะไม่กวนแม่เลย”
เกี๊ยวน้อยดูไม่ยอมแพ้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก “ท่านแม่ ราตรีสวัสดิ์!”
อันที่จริงต่อไปเขาก็คงไม่มีโอกาสได้เจอท่านแม่อีก คืนนี้ก็อดทนกับชายที่แย่งท่านแม่ไปก่อนแล้วกัน…
ซาลาเปาน้อยสูดดมกลิ่นหอมของหมึกบนตัวของกู้โม่หาน ค่อนข้างอาลัยอาวรณ์ นางลูบมันอย่างระมัดระวัง แล้วพูดกับหนานหว่านเยียนว่า “ท่านแม่ ราตรีสวัสดิ์”
หนานหว่านเยียนเห็นพวกนางยอมจากไปก็ยิ้มเยาะ “วังของท่าน ท่านใหญ่ที่สุด นอนคนเดียวเถอะ”
ใครจะไปฟังคำพูดของเขา คืนนี้นางจะพักผ่อนกับลูกสาว
แต่ทันทีที่นางเดินไปได้สองก้าว กู้โม่หานก็โอบเอวของนางไว้ กอดไว้ แล้วอุ้มขึ้นไปบนเตียง
หนานหว่านเยียนสะดุ้งตกใจ เอามือกุมท้องโดยสัญชาตญาณ โชคดีที่เตียงนุ่มพอ เขาก็ไม่ได้ออกแรงมากเกินไป นางจึงไม่รู้สึกอึดอัด
หนานหว่านเยียนจ้องมองกู้โม่หานด้วยความระมัดระวัง อยากจะยืนขึ้น แต่หัวไหล่ก็ถูกเขากดไว้แน่น โดยไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆ เลย
“กู้โม่หาน ท่านจะทำอะไร?”
กู้โม่หานมองดูท่าทางเตรียมพร้อมของนาง แววตามืดมนลง “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”
สิ่งที่กู้โม่หานพูดเมื่อครู่ หรือว่าเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ต่อหน้าเด็กๆ คือสิ่งที่เขาต้องการจะทำกับนางหรือ?
ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนก็กัดริมฝีปากสีแดงอย่างแรง จ้องเขม็งใส่เขา น้ำเสียงแฝงการข่มขู่เอาไว้
“กู้โม่หาน ถ้าท่านกล้าดันทุรังเข้ามา ข้าจะทำให้ท่านกลายเป็นขันทีเดี๋ยวนี้!”
ในหัวของชายผู้นี้ไม่มีอะไรอื่นนอกจากเรื่องระหว่างชายหญิงเหล่านี้แล้วหรือ?
หนานหว่านเยียนตื่นตระหนกอย่างชัดเจนแต่ก็พยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง ทำให้กู้โม่หานรู้สึกขบขัน
เขาก้มตัวลงสบตากับนาง พลางพูดเย้าแหย่ “หากเจ้าทำให้ข้าเป็นขันทีจริงๆ วันข้างหน้าเจ้าต่างหากที่ต้องทนทุกข์”
คำพูดโฉดชั่วเหล่านี้ทำให้หนานหว่านเยียนยิ่งมั่นใจมากขึ้น กู้โม่หานให้เด็กหญิงทั้งสองออกไป มันไม่ใช่เจตนาดีอย่างแน่นอน!
แต่นางจะหนีก็หนีไม่ได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองกู้โม่หานเข้ามาใกล้ทีละนิ้ว นางเอื้อมมือเข้าไปในแขนเสื้อ เพื่อหยิบเข็มเงินมาตัดมือที่ชั่วร้ายของกู้โม่หาน
แต่ก่อนที่นางจะหยิบเข็มเงินออกมา กู้โม่หานก็คว้าข้อเท้าของนางไว้ในวินาทีต่อม
ฝ่ามือร้อนผ่าวของชายผู้นั้นทำให้หนานหว่านเยียนตกใจในทันที “กู้โม่หาน ท่านจะทำอะไร?!”