ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 628
มือของหนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานจับไว้แน่น กลางฝ่ามือร้อนผ่าวราวกับกำลังแผดเผาผิวหนังของนางอยู่
นางถูกเขาจับไว้จนร้อนอย่างยิ่ง ทันทีที่นางขัดขืน ก็ยิ่งถูกเขาจับแน่นขึ้น นางจึงหยุดขยับทันที
พิธีราชาภิเษกนั้นมีพิธีรีตองและขั้นตอนซับซ้อน รอซือหลี่เจียนอ่านประกาศพระราชโองการเสร็จแล้ว กู้โม่หานถึงจะได้รับตราราชลัญจกรหยก และจากการช่วยเหลือของเน่ยซื่อ ในการขึ้นครองบัลลังก์ จึงจะถือว่าได้ครองราชย์อย่างเป็นทางการ
(*ซือหลี่เจียน เป็นขันทีหนึ่งใน “ขันทีสิบสองตำแหน่ง” ในราชสำนักชั้นใน จัดการขันทีและกิจการในวัง)
(*เน่ยซื่อ คนรับใช้ของฮ่องเต้ในพระราชวัง)
เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่สืบราชบัลลังก์ ต้องพระราชทานอภัยโทษก่อน หลังจากนั้นหนานหว่านเยียนที่อยู่ข้างๆ ก็ได้รับพระราชทานยศเป็นฮองเฮา ส่วนลูกสาวสองคน กู้หนานจือพระราชทานเป็นองค์หญิงอานผิงและกู้หนานเสี่ยวพระราชทานเป็นองค์หญิงอานเล่อ
ทันใดนั้น ทั้งขุนนางก็กล่าวสรรเสริญ และกล่าวสรรเสริญไปทั่วทุกสารทิศ เสียงกึกก้องทางด้านหน้าตำหนักดังขึ้นไม่หยุด “ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”
“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปีพันปีพันพันปี!”
ดวงตาที่สวยงามของกู้โม่หานโค้งจนเป็นดวงตายิ้ม ริมฝีปากบางยกขึ้นอย่างพึงพอใจ
ในที่สุดเขาก็มาถึงวันนี้ บั้นปลายชีวิตหลังจากนี้ จะไม่มีผู้ใดทำร้าย และคิดร้ายกับคนที่เขารักได้อีก
เดิมทีหนานหว่านเยียนจ้องมองทุกอย่างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ตอนที่กู้โม่หานกล่าวต่อหน้าทั้งขุนนาง และราชวงศ์ทุกท่านที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊
ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางก็เป็นฮองเฮาของแคว้นซีเหย่แล้ว ภายในใจก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่เล็กน้อย
มารดาของปวงชน จิตใจงดงามมีศีลธรรมอันดี เป็นผู้นำหกตำหนัก……
มิน่าเล่าทุกคนถึงได้อยากไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุด
หลังจากได้รับการกล่าวสรรเสริญจากทั้งขุนนางแล้ว ต่อไปก็จะเป็นพิธีเซ่นไหว้สวรรค์เพื่ออธิษฐานต่อสรวงสวรรค์
มีเฉพาะฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้ กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียน “เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ หืม?”
“แดดร้อนยิ่งนัก ข้าจะไปรอท่านที่ตำหนัก” หนานหว่านเยียนชักมือกลับมาอย่างเย็นชา พูดก็ไม่มองเขาสักนิด แล้วหันหลังเดิมตามนางกำนัลรับใช้สองสามคนกลับตำหนักไป รออยู่หน้าประตู
นางชำเลืองมองทางโม่หวิ่นหมิงโดยไม่ให้ผิดสังเกต นิ้วเรียวเล็กกำแน่นเล็กน้อย
ดวงตาที่สวยงามของกู้โม่หานจ้องมองด้านหลังของหนานหว่านเยียนไม่วางตา แววตาเศร้าเล็กน้อย
แม้ว่าวันนี้ใบหน้าของหนานหว่านเยียนจะเย็นชา แต่กลับว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ พูดตามเหตุผลแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงได้ใจสั่นรุนแรงอย่างไม่มีสาเหตุเช่นนี้ ราวกับว่ามีความไม่สบายใจที่เด่นชัดพรั่งพรูออกมา
แต่ถึงอย่างไร พระราชวังก็มีการป้องกันหนาแน่น ด้านนอกด้านในก็เป็นคนของเขาทั้งนั้น ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่
เขาพอที่จะสบายใจขึ้นมาได้บ้างแล้ว เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า ทีละก้าวจนถึงแท่นบูชา เตรียมตัวอธิษฐานต่อสรวงสวรรค์
พิธีมอบบรรดาศักดิ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ฮ่องเต้และฮองเฮาก็อยู่กันทั้งคู่ หนูน้อยทั้งสองเองก็อยู่เช่นกัน เพียงแต่สิ่งสำคัญของวันนี้ก็คือพิธีมอบบรรดาศักดิ์ของกู้โม่หาน ดังนั้นหนูน้อยทั้งสองจึงถูกจัดให้รออยู่ในตำหนัก โดยมีเซียงอวี้คอยเฝ้าอยู่
พอพิธีราชาภิเษกเสร็จสิ้นลง ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง จะมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าฝูงชน
สองพี่น้องไม่รู้จักผู้ใดเลย ในฝูงชนกลุ่มใหญ่นี้ ซาลาเปาน้อยมีนิสัยขี้กลัว ไม่นานก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา ใบหน้ายู่ยี่ ออกแรงกัดปากอย่างแรง
ในที่สุด นางก็ก้าวขึ้นมาดึงแขนเสื้อเซียงอวี้อย่างทนไม่ไหว “พี่เซียงอวี้ ข้า ข้าอยากปลดทุกข์ แทบจะ อั้นไม่อยู่แล้ว……”
เกี๊ยวน้อยเองก็เช่นกัน ถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ และหิวมากเลยกินไปไม่น้อย “ข้า ข้าเองก็เช่นกัน……”
“เอ่อ……” เซียงอวี้ขมวดคิ้ว แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหนูน้อยทั้งสองอั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ นางจึงหันไปสั่งเหล่านางกำนัลรับใช้คนอื่นๆ “พวกเจ้าเฝ้าฮองเฮาเหนียงเหนียงให้ดีๆ ข้าจะพาองค์หญิงทั้งสองไปชั่วประเดี๋ยวเดียว”
“เพคะ” นางกำนัลรับใช้เหล่านั้นพยักหน้า เซียงอวี้ถึงได้วางใจและนำทางหนูน้อยทั้งสองออกไป
ทันทีที่เซียงอวี้นำทางเด็กทั้งสองคนไป สถานที่ลับตาคน ก็มีเงาดำๆ เงาหนึ่ง ติดตามเซียงอวี้ไปเงียบๆ……
เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งก้านธูปซือหลี่เจียนก็ตะเบ็งเอ่ยเสียงดัง “ขอสรวงสวรรค์คุ้มครองฮ่องเต้ ปกป้องแคว้นซีเหย่ให้สงบสันติราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า!”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ทุกคนที่อยู่ด้านล่างก็พากันตะโกนพูดตามเสียงดัง “แคว้นสงบสันติราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า!”
นัยน์ตาของหนานหว่านเยียนสั่นไหวเล็กน้อยพิธีการเซ่นไหว้เสร็จสิ้นแล้ว……
หัวใจของนางกระวนกระวายเล็กน้อย หันไปมองกู้โม่หานที่อยู่บนแท่น
มุมปากของกู้โม่หานประดับไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจอย่างยิ่ง บนใบหน้าหล่อเหลาดังเดิม เต็มไปด้วยความสง่างาม
เขาเดินลงมาจากแท่นสูง ไปทางนางอย่างช้าๆ สายตาของทั้งสองคนประสานกัน
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกราวกับผ่อนคลาย แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนและสดใสให้กับเขา ริมฝีปากแดงขยับไปมา เหมือนกับว่ากำลังพูดอะไรอยู่ แต่อยู่ห่างกันเกินไป เขาจึงไม่ได้ยินอะไรเลยสักนิด
นับตั้งแต่พระราชวังมีการเปลี่ยนแปลง กู้โม่หานก็ไม่เคยเห็นหนานหว่านเยียนหัวเราะเลย จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ปีติยินดีมากยิ่งกว่า เขาเร่งฝีเท้าก้าวเดินไปทางนาง
“หว่านเยียน”
เสิ่นอี่ว์ที่ติดตามอยู่ด้านหลังกู้โม่หาน เห็นกู้โม่หานพุ่งไปหาหนานหว่านเยียนอย่างรีรอไม่ไหวเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าความน่าเกรงขามอันน้อยนิดของฮ่องเต้อยู่ที่ไหนกัน
แต่บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พระราชพิธีเสร็จแล้ว! รีบจุดดอกไม้ไฟเถิด!”
ทั้งสองด้านของขั้นบันไดเซ่นไหว้เต็มไปด้วยดอกไม้ไฟสิ่งจำเป็นในพระราชพิธี ยาวออกไปตลอดทางเดินจนถึงหน้าประตูตำหนัก
ทันทีที่เสิ่นอี่ว์ออกคำสั่ง ก็มีเหล่าองครักษ์เดินออกมา ใช้ตะบันไฟจุดดอกไม้ไฟที่อยู่สองข้างทาง
ทุกคนยิ้มปีติยินดี พลางตะโกนเสียงดัง บรรยากาศเต็มไปด้วยความปรองดองมีความสุข และพิธีเฉลิมฉลองก็เสร็จสิ้นลง
แต่ดอกไม้ไฟที่จุดทั้งสองด้านของเส้นทางกลับระเบิดขึ้นเสียงดัง จนทำให้หูอื้อ เขม่าดินปืนฟุ้งกระจายไปทั่ว กลิ่นดินปืนระเบิดที่ฉุนรุนแรงในอากาศปะทะเข้าสู่ใบหน้า
ทันใดนั้น รอยยิ้มมีความสุขของผู้คนจำนวนมากก็เปลี่ยนเป็นกรีดร้องด้วยความกลัว ตื่นตกใจ และโกลาหลอย่างยิ่ง
เสิ่นอี่ว์เองก็ตกใจเช่นกัน นัยน์ตาทั้งคู่เบิกกว้าง พร้อมกับปกป้องกู้โม่หาน “ฝ่าบาท ระวัง!”
การจุดไฟนี้ไม่ใช่การแสดงดอกไม้ไฟ แต่เต็มไปด้วยดินระเบิด!
และการแสดงดอกไม้ไฟนี้จัดวางเต็มขั้นบันไดร้อยขั้นระหว่างกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียน!
ขวางทางที่จะไปของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ แผนการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เหตุใดกรมพิธีการถึงตรวจไม่พบ?!
กู้โม่หานเดินไปทางหนานหว่านเยียนด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี แต่ทันใดนั้นก็ถูกเสิ่นอี่ว์โผเข้าหาจนล้มลง และได้ยินเสียงระเบิดดังต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย และเสียงกรีดร้องน่าเวทนาสังเวช ทันใดนั้นสมองก็ขาวโพลน
เขาเงยหน้าขึ้นมาทันที มองดู หนานหว่านเยียนที่ไม่หลบหลีกเลยสักนิด ด้านนอกตำหนัก เขาตะโกนเสียงดังอย่างสะดุ้งตกใจ นัยน์ตาแดงก่ำ
“หว่านเยียน รีบหลบไป!”
เขาไม่ได้มีเวลามากถึงเพียงนั้น และไม่มีเวลาไตร่ตรองเลยสักนิดว่าเหตุใดถึงได้บังเอิญถึงเพียงนี้ ถึงขนาดควบคุมอารมณ์ได้ไม่สู้เสิ่นอี่ว์ด้วยซ้ำ เขาดันเสิ่นอี่ว์ออกทันที แล้วใช้วิชาตัวเบาจะพุ่งเข้าไปหาหนานหว่านเยียน
แต่เสิ่นอี่ว์กลับขวางกู้โม่หานเอาไว้ไม่หยุด และเอ่ยอย่างกระวนกระวายใจ “ฝ่าบาท! มันอันตรายเกินไป!”
ตลอดทางนี้เต็มไปด้วยดินปืนของระเบิด แม้ทักษะในการต่อสู้ของกู้โม่หานจะสูงเพียงใด หากตำซ้ายชนขวาก็จะบาดเจ็บได้เช่นกัน!
“ไปให้พ้น!” กู้โม่หานดันไหล่เสิ่นอี่ว์ออก ตรงหน้าผากเส้นเลือดปูดโปนเพราะความโกรธ เบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกควัน มองไม่เห็นทางเลยสักนิด แต่เขาก็ยังอาศัยลางสังหรณ์ รีบวิ่งไปทางหนานหว่านเยียนอย่างรวดเร็ว
“หว่านเยียน! หว่านเยียน!” ความหวาดกลัวในใจเขาไม่เคยรุนแรงถึงเพียงนี้มาก่อน
เพียงแต่ระยะห่างขั้นบันไดหนึ่งร้อยขั้น ในเพลานี้ดูเหมือนช่างไกลแสนไกล เขาเสียสติแล้ว เขาเสียสติไปแล้วจริงๆ
หนานหว่านเยียน นางจักต้องไม่เป็นอะไร——