ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 643
“เขาถึงกับพาหยุนอี่ว์โหรวเข้ามาที่วัง สายตาข้าก็ยังคงแย่เหมือนเมื่อก่อนมิผิด เดิมเคยเป็นเบี้ยของหยุนอี่ว์โหรว ตอนนี้…”
หนานหว่านเยียนรู้ว่าเขากำลังโทษตัวเอง มิรอให้หยุนเหิงเอ่ยจบ“หยุนเหิง ข้ามิอยากเอ่ยถึงเขา และมิอยากเอ่ยถึงความคับข้องใจในอดีต ที่วันนี้มาหาเจ้า เพราะมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
หยุนเหิงปิดปากทันทีอย่างรู้งาน เหมือนสุนัขตัวใหญ่ที่มองไปที่หนานหว่านเยียนอย่างเชื่อฟัง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า“เป็นข้าที่พูดมากเกินไป สมควรโดนตีสมควรโดนตี”
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้เอ่ยออกมาแล้ว งั้นข้าหยุนเหิงจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ตายเป็นหมื่นก็มิกลัว!”
หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าหยุนเหิงเปลี่ยนไปมิน้อย เป็นเพราะผ่านความยากลำบากมามิน้อยเป็นแน่“มันมิได้ร้ายแรงเยี่ยงนั้น แค่เพียงอยากให้ท่านช่วยข้าติดต่อกับหยีเฟย หรือไท่เฟยเหนียงเหนียงในตอนนี้”
“ตอนนั้นข้าได้พาซาลาเปาน้อยโดดออกมาได้สำเร็จ แต่กลับทิ้งเกี๊ยวน้อยไว้ในวัง บัดนี้ข้าอยากพาองค์หญิงใหญ่ไปด้วย ออกไปจากแคว้นซีเหย่โดยสิ้นเชิง”
เมื่อได้ยินหนานหว่านเยียนเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าของหยุนเหิงเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้น
แต่เขากลับเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า:“ข้าจะมิพูดถึงเรื่องที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงเคยช่วยชีวิตข้าไว้ บุญคุณท่วมล้นมิสามารถตอบแทนได้ แต่จะพูดเรื่องที่หยุนอี่ว์โหรวหญิงชั่วร้ายนั่นได้เข้ามาในวัง นางจะต้องจัดการกับองค์หญิงน้อยเป็นแน่ เพียงแค่เรื่องนี้ข้าก็จะมิยอมให้นางได้ทำสำเร็จ”
“อีกทั้งฮ่องเต้ยัง…ยังไงเสีย ข้าจะสนับสนุนให้พี่สาวเทพเซียนได้บินไปให้ไกลด้วยกำลังทั้งหมดที่มี!”
แม้ว่าเรื่องนี้จะมีความเสี่ยง แต่บุญคุณท่วมล้นของหนานหว่านเยียน เขาจะต้องตอบแทน!
หนานหว่านเยียนมิคิดว่าหยุนเหิงจะตอบรับอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ในใจรู้สึกอบอุ่น รู้สึกซาบซึ้งมากยิ่งขึ้น
“แม่ทัพน้อยยอมเสี่ยงเพื่อช่วยข้า ข้าซาบซึ้งเป็นที่สุด วันหน้าหากข้ามีสิ่งที่สามารถตอบแทนเจ้าได้ ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าเป็นแน่”
หยุนเหิงโบกมืออย่างมิใส่ใจสิ่งใด ยิ้มด้วยความจริงใจ มีรูปลักษณ์ของช่วยหนุ่มที่ไร้เดียงสา
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงมิต้องเกรงใจข้าหรอก ได้ช่วยท่านนั้น เป็นเกียรติของข้าโดยแท้”
ทั้งสองได้ลงสัญญาร่วมมือกันเป็นครั้งแรก หนานหว่านเยียนกำลังจะบอกแผนการต่อไปกับหยุนเหิง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกที่นุ่มนวลดังมาจากมิไกล“เหิงเอ๋อร์ กลางคืนอากาศหนาว เจ้ามิเข้าห้อง อยู่ในเรือนทำสิ่งใดกัน?”
หยุนเหิงหันกลับไปอย่างเป็นกังวลทันที บังเอิญพบกับสายตาที่ตั้งคำถามและสงสัยของภรรยาท่านแม่ทัพพอดี
เขารีบย้ายไปยืนด้านหน้าของหนานหว่านเยียนทันที พูดอย่างตะกุกตะกักว่า“มิได้ทำสิ่งใด ท่านแม่ ท่านมาได้เยี่ยงไร?”
หนานหว่านเยียนได้ยินว่าเป็นภรรยาท่านแม่ทัพ ในใจก็ประหม่าขึ้นมา ก้มหัวลงได้มิรู้ตัว และถอยหลังไปครึ่งก้าว
ภรรยาท่านแม่ทัพเคยเห็นนางมาก่อน ต้องจำนางได้เป็นแน่
เฟิงยางหลับตาครึ่งหนึ่งด้วยความระมัดระวัง และยืนอยู่ด้านข้างของหนานหว่านเยียน
สายตาของภรรยาท่านแม่ทัพมองไปที่หญิงสาวด้านหลังของหยุนเหิงมิหยุดหย่อน เต็มไปด้วยความแปลกใจและสงสัย
นางได้ยินว่าหยุนเหิงกลับมาแล้ว มีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเขา แต่มิคิดเลยว่า มาถึงก็เห็นหยุนเหิงยืนอยู่กลางเรือน พูดคุยกับหญิงสาวด้วยความสนุกสนาน
ลูกชายของนางนี้มิเคยเข้าใกล้หญิงสาวผู้อื่นมาก่อน ยิ่งมิต้องพูดถึงว่าจะยิ้มแย้มเยี่ยงนี้เหมือนตอนนี้ ดังนั้นนางจึงแน่ใจว่า หญิงสาวที่มาหาจวนแม่ทัพน้อยในตอนนี้ ต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหยุนเหิงเป็นแน่
“ข้าก็ว่าทำไมเจ้าถึงยังมิไปนอน ที่แท้ก็ซ่อนสาวสวยไว้ในห้อง มิรู้ว่าแม่สาวน้อยท่านนี้ เป็นคนที่ใดกัน?”
หยุนเหิงตกใจเกือบตาย ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
โดยปกติเขามิเคยเกรงกลัวใคร จะกลัวก็มีเพียงแม่ของเขา และตอนนี้ที่จะตายก็ตายมิได้ยังถูกท่านแม่พบเจอเข้าอีก
แต่เพื่อหนานหว่านเยียน เขาทำได้เพียงแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ มิเอ่ยสิ่งใดปิดกั้นหนานหว่านเยียนให้มิดยิ่งขึ้นไปอีก
“ท่านแม่ ท่านพูดเหลวไหลสิ่งใด ท่านนี้คือคนส่งขนมที่ข้าได้ไปสั่งไว้เมื่อหลายวันก่อน นางมาส่งขนมให้ข้าเพียงเท่านั้น”
ภรรยาแม่ทัพขำเขา“ข้าเป็นแม่ของเจ้า เมื่อหลายวันก่อน เจ้ามิได้เอาแต่อยู่ที่จวนอย่างบูดบึ้งหรอกหรือ? จะเอาเวลาเมื่อใดไปซื้อขนมได้?”
หยุนเหิงแอบคิดว่ามิดีแล้ว รีบหาข้ออ้างใหม่ในทันที“ไอ้หยา ท่านดูสมองของข้าสิ จำผิดแล้วจำผิดแล้ว แม่สาวผู้นี้มาจากสถานศึกษา มาส่งตำราพิชัยสงคราม”
ภรรยาท่านแม่ทัพส่ายหน้า“พอได้แล้ว เจ้ามิได้ชอบอ่านสิ่งที่น่าเบื่อเหล่านั้น”
“พูดตามความจริง แม่สาวน้อยนี่แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่?’
หนานหว่านเยียนยืนฟังอยู่ด้านหลังของหยุนเหิง อดมิได้ที่จะเหงื่อแตกแทนเขา
หยุนเหิงเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา พูดโกหกมิคล่อง ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือแม่แท้ๆ ของเขา ต้องเดาได้เป็นแน่
หยุนเหิงกัดฟัน และพูดด้วยใจที่เต้นเร็วว่า“ข้าปิดบังสิ่งใดกับท่านแม่มิได้จริงๆ แม่สาวน้อยท่านนี้ นาง นางเป็นนางในใจของข้า…’
นางในใจ?!
คำพูดที่กลับกลอกเช่นนี้ ทำให้เฟิงยางเมื่อได้ยินแล้วอดมิได้ที่จะผงะ
สีหน้าของหนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
ภรรยาท่านแม่ทัพหรี่ตามอง อยากจะเห็นหน้าของหนานหว่านเยียนมากยิ่งขึ้น“อ้อ เป็นนางในใจของเจ้า?”
หานหว่านเยียนขึ้นหลังเสือแล้วยากจะลง แม้ว่านางจะรู้สึกทำตัวมิถูกเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังให้ความร่วมมือกับหยุนเหิง แสร้งหัวเราะทำเป็นเขินอาย
“อืม”
หนานหว่านเยียนถูกหยุนเหิงปิดบังอย่างสมบูรณ์ กลางคืนเริ่มมืดลง ภรรยาท่านแม่ทัพก็มองหน้าของหนานหว่านเยียนมิชัดนัก
แต่กระโปรงสีแดงนี่ และดวงตาที่มัวหมองภายใต้แสงจันทร์ ทำให้นางคุ้นเคยอย่างอธิบายมิถูก
แต่นางก็มิได้สงสัยในคำพูดของหยุนเหิง เมื่อครู่ที่มาถึงเรือน หางตาของนางก็ได้เห็นท้องของหนานหว่านเยียนนูนขึ้นเล็กน้อย
ภรรยาท่านแม่ทัพมองไปที่หยุนเหิงด้วยความตำหนิ“เจ้านะเจ้า หากว่าชอบพอแม่นางน้อยนี่ ก็รีบไปสู่ขอซะ นางเป็นถึงเช่นนี้แล้ว เจ้าคงมิคิดจะมิรับผิดชอบหรอกใช่หรือไม่?”
พูดเสร็จ นางมองไปที่หนานหว่านเยียนในความมืดอย่างพึงพอใจ และพูดเบาๆ“แม่นาง เจ้าอย่ากลัว หยุนเหิงของข้าแม้จะนิสัยซื่อตรง แต่ก็เป็นเด็กดี”
“เจ้าเป็นสิ่งล้ำค่าของบ้านใดกัน? พรุ่งนี้ข้าจะให้หยุนเหิงไปสู่ขอ นับตั้งแต่วันนี้ เจ้าก็เป็นภรรยาในอนาคตของแม่ทัพน้อยบ้านข้าแล้ว”
แม่นางน้อยนี่ดูสงบเสงี่ยม มิใช่ผู้ที่จะก่อปัญหาได้ หากได้อยู่ข้างกายหยุนเหิงที่หุนหันพลันแล่นนั้น จะดีจริงแท้
ภรรยาท่านแม่ทัพยังคงเป็นผู้ที่คิดสิ่งใดก็พูดออกมาตรงๆ สิ่งที่นางพูดนั้นทำให้หนานหว่านเยียนตกตะลึงไปแล้ว
นี่จะได้กลายเป็นภรรยาของแม่ทัพน้อยแล้วหรือ?
เร็วเยี่ยงนี้เชียว มิต้องตรวจสอบสิ่งใดก่อนเลยหรือ?!
อีกอย่าง ภรรยาท่านแม่ทัพได้พบเจออันใดหรือไม่?
นางลูบท้องที่ดูเหมือนจะตั้งครรภ์ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เฟิงยางก็ขมวดคิ้วอย่างประหม่าเช่นกัน ยืนปกป้องอยู่ด้านข้างของหนานหว่านเยียนมิห่าง
หยุนเหิงมิได้ฟังสิ่งใดมากนัก คิดเพียงแต่อยากส่งแม่ของเขาไปโดยเร็ว
แม่ของเขาเคยเห็นรูปลักษณ์ของหนานหว่านเยียน แถมยังซื่อสัตย์และรักแผ่นดินเป็นที่สุด หากนางรู้ว่าฮองเฮาอยู่ที่นี่นั้น แม้คืนนี้จะต้องตายเป็นแน่ และจะต้องส่งหนานหว่านเยียนกลับวังเป็นแน่
“ท่านแม่ ท่านทำนางตกใจแล้ว อย่าไล่ถามนางเยอะเยี่ยงนี้เลยดีหรือไม่ ดึกดื่นเช่นนี้ท่านมาหาข้า เป็นเพราะมีเรื่องอยากพูดหรือ?”
“ได้ เจ้าก็โตแล้ว ข้ามิเป็นกังวล คืนนี้ที่มาหาเจ้า เป็นเพราะมีเรื่องอยากพูดจริงๆ”ภรรยาท่านแม่ทัพเห็นหนานหว่านเยียนยังคงมิกล้ามองนาง ก็ได้ยอมแพ้ไปแล้ว
“วันรุ่งขึ้น หวงไท่เฟยและไทเฮาจะจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ และได้เชิญธิดาของขุนนางและคนรวยหลายคนมา”
“ตอนที่เจ้าเข้าวังนั้น ก็พาแม่นางน้อยนี่เข้าไปด้วย ให้ไทเฮาได้ชื่นชมเสีย…”