ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 680
เสิ่นอี่ว์:“……”
เขาขมวดคิ้วแน่น “ขอรับ ฝ่าบาท”
หยุนเหิง: “……”
เหตุใดเขาถึงได้มีความรู้สึกว่าฝ่าบาทกำลังจับตาดูฮองเฮาเหนียงเหนียงเลย ตอนนี้หากไม่ให้คนตามนางไป ฝ่าบาทจักโกรธหรือไม่?
หนานหว่านเยียน: “……”
นางกัดฟันแน่น มองดูเสิ่นอี่ว์กับองครักษ์คนอื่นๆ แล้วล้มเลิกความคิดที่จะแอบหนีไป “ข้ารู้สึกว่า ยังสามารถอดทนได้อยู่”
กู้โม่หานจงใจจับตาดูนางละสิ!
ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยในดวงตาของกู้โม่หาน แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
ชาและของว่างถูกนำมาจัดวางแล้ว หนานหว่านเยียนเห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นรินชาสามจอก แล้วฉวยโอกาสบังสายตาของพวกเขา แอบใส่ฤทธิ์ยาลงไปในน้ำชาเล็กน้อย
นางยื่นให้กู้โม่หานด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ฝ่าบาท เดินมานานเช่นนี้ คงกระหายน้ำแล้วกระมัง ท่านดื่มชาสักจอกเถิด”
กู้โม่หานจดจ่ออยู่กับด้านนอกพลับพลา เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าไม่กระหาย”
สีหน้าของหนานหว่านเยียนหยุดชะงัก “เพคะ”
นางต้องการใช้โอกาสนี้ทำให้กู้โม่หานหมดสติ แล้วค่อยหาโอกาสจัดการกับเสิ่นอี่ว์ ผลสุดท้ายคิดไม่ถึงเลยว่ากู้โม่หานจะไม่ดื่ม
แต่นางก็ไม่ได้ถอดใจ หลังจากนั่งลง ก็ฟังท่านพี่หยุนเหิงคุยเรื่องสัพเพเหระกับกู้โม่หานก่อนอย่างเงียบๆ เพื่อหันเหความสนใจของกู้โม่หาน
จากนั้น นางก็แสร้งทานของว่าง แล้วฉวยโอกาสพรมฤทธิ์ยาลงไปในของว่าง
รอจนกระทั่งหยุนเหิงไม่มีเรื่องพูดแล้ว นางถึงได้ยกของว่างไปด้านหน้ากู้โม่หาน “ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะไม่กระหายน้ำ แต่เดินมาสักพัก คงจะหิวแล้ว”
“แม้ของว่างของจวนแม่ทัพน้อยจะงดงามประณีตไม่เท่าในวัง แต่ก็หอมหวานเช่นกัน”
ในที่สุดกู้โม่หานก็ชำเลืองมองนาง บนใบหน้าหล่อเหลาหาที่เปรียบไม่ได้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่แววตากลับลึกซึ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รับของว่างจากนาง
“ปริมาณอาหารของฮูหยินมากจริงๆ อยู่ในวังทานเพียงพระกระยาหารเช้า หิวขึ้นมาอีกแล้วจริงๆ”
“เพียงแต่ ตอนที่อยู่ในวัง เหตุใดจึงไม่เห็นเจ้าเอาใจใส่ข้าเช่นนี้เลย?”
หนานหว่านเยียนกำมือที่ยกจานอยู่แน่น แต่กลับตอบคำถามเขาไม่ได้
นางเองก็ไม่คาดคิด ว่ากู้โม่หานไม่เพียงหัวแข็งเท่านั้น แต่ยังถากถางหาเรื่องนางกลับได้ด้วย มิน่าเล่าถึงได้ซูบผอม ที่แท้ก็มีความคิดร้ายๆ มากมาย!
เมื่อหยุนเหิงเห็นหนานหว่านเยียนอึดอัดใจ ก็รีบก้าวมารับขนมในมือหนานหว่านเยียนทันที แล้วเอ่ยพลางยิ้มแป้น “ฝ่าบาท ไป๋จื่อชอบรับแขกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และก็เป็นเพราะข้อนี้ กระหม่อมถึงได้ยิ่งชอบนางมากขึ้นเรื่อยๆ ขอฝ่าบาทโปรดอย่าทรงกริ้วเลย”
นิ้วเรียวยาวของกู้โม่หานกำแน่น นัยน์ตาที่สวยงามเย็นชาหรี่ลงเล็กน้อย ชำเลืองมองหยุนเหิงอย่างเย็นยะเยือกแวบหนึ่ง
“พวกเจ้าทั้งสองคนรักกันมากยิ่งนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ของว่างและชานี้ ก็ลิ้มรสกันเองเถิด”
“โดยเฉพาะฮูหยินของแม่ทัพน้อย ในเมื่อหิว และยังบอกอีกว่าของว่างไม่เลวเลย เช่นนั้นก็ชิมดูเถิด”
ภายในใจของหนานหว่านเยียนบีบแน่น ของว่างนี้นางวางยาหมดแล้ว กินไม่ได้เด็ดขาด
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเอาใจใส่ เพียงแต่ข้ายังไม่หิว อีกประเดี๋ยวค่อยทานก็แล้วกัน”
นางนั่งกลับลงไปที่ด้านข้างหยุนเหิง คิ้วเรียงสวยขมวดแน่น มีความไม่ยอมและกังวลใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าพอหลังกู้โม่หานขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว จึงมีการระวังตัวมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าเมื่อก่อนนางไม่เคยรู้จักเขาเลยกันแน่
แต่เพลานี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการหนีเช่นนี้ นางจักพลาดโอกาสไม่ได้ นางรอนานถึงสองเดือนแล้ว ท่านพี่ก็ยังรอนางอยู่ที่แคว้นต้าเซี่ย ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ วันนี้ก็จักต้องลองดู
หนานหว่านเยียนแอบทำสัญญาณมือ ในที่ที่กู้โม่หานกับเสิ่นอี่ว์มองไม่เห็น
เฟิงยางติดตามองครักษ์ลับมาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว หลังเห็นสัญญาณมือของหนานหว่านเยียน นัยน์ตาคู่นั้นก็ราวกับดาบแหลมคม
“ลงมือ!”
……
บรรยากาศในพลับพลาน่าอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานล้วนพากันเงียบ มีเพียงหยุนเหิงคนเดียวที่กำลังหัวเราะแหะๆ เพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น
และในตอนนี้ ก็มีคนสวมชุดดำคลุมหน้ามากมายพุ่งออกมาจากทั่วทุกสารทิศ พุ่งไปยังหนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนเข้าใจในทันที แต่ใบหน้ากลับแสดงท่าทีตกใจออกมา “อ๊ะ! มี มีนักฆ่า!”
สีหน้าของหยุนเหิงกับเสิ่นอี่ว์เปลี่ยนไปทันที ลุกขึ้นอย่างวิตกกังวล และยืนขวางอยู่ด้านหน้ากู้โม่หาน ภายในใจเข้าใจแจ่มแจ้ง “คุ้มกันฮ่องเต้! รีบคุ้มกันฮ่องเต้!”
ทันใดนั้น เหล่าองครักษ์ของจวนแม่ทัพน้อยก็ออกมา ล้อมพลับพลาเอาไว้ทั้งหมด
“อ๊ะ!” หนานหว่านเยียนแสร้งทำเป็นถูกทำให้ตกใจกลัวจนโงนเงน ต้องการล้มเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงยาง แสร้งทำเป็นว่าถูกลักพาตัวไป
เพลานี้ เอวของนางกลับรัดแน่นอย่างกะทันหัน ถูกพาตัวออกไปจากที่เดิมด้วยพละกำลังที่ทรงพลัง เข้าไปในอ้อมอกแข็งแกร่งของบุรุษ
หนานหว่านเยียนตกใจย่างยิ่ง เงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงกู้โม่หานที่มีสีหน้าไร้อารมณ์กำลังโอบกอดเอวนางอยู่ “ท่าน——”
ชายหนุ่มหลุบสายตาลงมองนาง ทันใดนั้นก็ยกยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย “ฮูหยินของแม่ทัพน้อยไม่ต้องตื่นตระหนกไป เพียงแค่โจรขโมยไม่กี่คนก็เท่านั้นเอง”
ผู้ใดต้องการให้เขาช่วย! ผู้ใดต้องการให้เขาช่วยกัน!
หนานหว่านเยียนกัดฟันอย่างไม่ยอมเล็กน้อย สายตาเหลือบไปมองทางเฟิงยาง
แต่กลับเห็นเพียง เสิ่นอี่ว์พาองครักษ์ลับของราชวงศ์ที่สวมชุดลายงูดำกลุ่มหนึ่ง “สำนักแชนหยิ่ง” ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มาบีบบังคับให้เฟิงยางถอย ไปรวมกันกับองครักษ์ลับของนางที่กำลังต่อสู้อยู่
ให้ตายเถอะ คิดไม่ถึงเลยว่ากู้โม่หานจะแอบพาคนมาด้วย!
เป็นเช่นนี้ พวกเขาก็คงไม่ชนะแล้ว
หยุนเหิงเองก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน เมื่อครู่นี้กู้โม่หานยังอยู่ด้านหลังเขาอยู่เลย เหตุใดเพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ไปถึงหนานหว่านเยียนเสียแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่เขาเห็นกู้โม่หานก้มหน้าลงไปเล็กน้อยแล้วกระซิบข้างหูหนานหว่านเยียน ภายในใจก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
และเหล่าองครักษ์ของเขา ก็ล้วนทำตามที่เขาส่งสัญญาณทางสายตา เขาจงใจแกล้งยอมแพ้ องครักษ์ย่อมต้องไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมด เพียงแค่ทำท่าทางต่อสู้กับเหล่าองครักษ์ลับของหนานหว่านเยียน หรือแกล้งเจ็บแล้วนอนกลิ้งไปตามพื้นเท่านั้น
แม้ว่าหนานหว่านเยียนกับหยุนเหิงจะกำลังแสดงละคร แต่เฟิงยางก็หมดสิ้นวิธีที่จะสะบัดสำนักแชนหยิ่งกลุ่มนี้ให้หลุดไปได้
นางกัดฟัน นัยน์ตาดุดันแดงฉาน มองดูหนานหว่านเยียนที่ถูกกู้โม่หานโอบกอด เพียงรู้สึกละอายใจและไม่ยอมอย่างยิ่ง
เข้าใกล้มากแล้วแท้ๆ แต่เหตุใดนางถึงเข้าใกล้ตัวจวิ้นจู่ไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นี้คนของนางไม่เห็นการมาถึงของสำนักแชนหยิ่งเลย ช่างเสียหน้าองค์ชายรองจริงๆ !
พรายดาบเงากระบี่ตัดกันไม่หยุด หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานที่อยู่ตรงกลางพลับพลา ดูเหมือนว่าจะเข้ากันไม่ได้แล้ว
หนานหว่านเยียนต้องการดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของกู้โม่หาน แต่มือของเขากำแน่นเกินไป “ฝ่าบาท หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน ขอให้ท่านโปรดปล่อยข้าเถิด อีกอย่างแม่ทัพน้อยก็อยู่ที่นี่ ข้าไม่เป็นอะไรดอก”
กู้โม่หานยกยิ้ม เหยียดหยัน
“เขาเรียนรู้มาแค่ผิวเผิน ส่วนข้าง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เจ้าไม่จำเป็นต้องต่อต้านดอก เขาเองไม่ได้คัดค้านไม่ใช่หรือ?”
ช่างไม่รู้จักอายจริงๆ !
หนานหว่านเยียนกัดฟัน โกรธจนแทบอยากจะล้วงเข็มเงินออกมาแทงกู้โม่หานแรงๆ สักที
อะไรที่เรียกว่าหยุนเหิงไม่คัดค้าน มีกู้โม่หานผู้สูงศักดิ์อยู่ เขาจะกล้ามีความคิดเห็นอะไรกัน?
ชายหลายใจ กล้าเอาเปรียบ “ฮูหยิน” ของขุนนางต่อหน้าขุนนางตัวเอง หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!
กู้โม่หานโอบกอดหญิงงาม ภายในใจรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย ทำให้ความโกรธของเขาเมื่อครู่นี้ค่อยๆ หายไปไม่น้อย
เขาจ้องกลุ่มแขกไม่ได้รับเชิญตาเขม็ง นัยน์ตาที่เดิมทียิ้มแย้ม ก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
เหตุใดนักฆ่ากลุ่มนี้ถึงได้ใช้กระบวนท่า เหมือนกันกับนักฆ่าแคว้นเทียนเซิ่งที่ลอบสังหารพวกเขาที่ทะเลสาบในตอนนั้นเลย?!