ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 685
สุดท้าย หยุนอี่ว์โหรวโกรธจนหน้าดำหน้าแดง นางประคองช่วงเอวของตนเอง กำนิ้วมือแน่น
ซึ่งปี้หยุนพูดถูกต้องจริงๆ ไป๋จื่อนางนี้เป็นชนชั้นต่ำปากตลาด แม่ยั่วจริงๆ ถึงชอบใช้ชีวิตเป็นเงาของคนอื่นอย่างเต็มใจเช่นนี้
หน้าด้าน! ไร้การศึกษา!
นางจ้องมองหนานหว่านเยียน นัยน์ตาเย็นชา ทว่าเวลาพูดยังคงอดกลั้นไฟโกรธเคืองไว้ได้ “แม่นางไป๋จื่อ อย่าพูดดีใจออกนอกหน้า ท่านยังไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้น ที่สามารถสั่นคลอนการตัดสินใจของฝ่าบาทได้”
“งั้นก็ต้องลองดู” หนานหว่านเยียนพ่นลมในคอ พลางทำลักษณะท่าทาง เอนศีรษะจ้องมองอวี๋เฟิง พลางตั้งใจใช้เสียงสูงถาม “องครักษ์อวี๋เฟิง ตามหลักแล้ว ฮองเฮาสามารถสั่งให้นางสนมในวังหลัง ปฏิบัติตามกฎได้หรือไม่?”
รูม่านตาหยุนอี่ว์โหรวกับปี้หยุนหดตัวทันที เริ่มอยู่ไม่สุข
อวี๋เฟิงตะลึงชั่วขณะ พลันพยักหน้าพร้อมทั้งกล่าวพูด “ถูกต้อง ท่านสามารถใช้อำนาจของฮองเฮาเหนียงเหนียง ทำได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนี้ก็ดีจริง” หนานหว่านเยียนชำเลืองมองหยุนอี่ว์โหรวช้าๆ พลางยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและสะใจไปพร้อมๆ กัน “เช่นนั้น โหรวเฟย เจ้าคุกเข่าให้ข้าสิ”
“ภายภาคหน้ายามเมื่อเจ้าพบหน้าข้า ต้องคุกเข่าให้ข้าเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ และคุกเข่าให้ข้าอีกครั้งในการกล่าวลา เข้าใจหรือยัง?”
ครั้งนี้หยุนอี่ว์โหรวโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด นางกำหมัดแน่น จนจวนจะบดเขี้ยวแหลกละเอียดอยู่แล้ว “เจ้า—”
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว พลางเบะปากพูด “ทำไม แค่สนมที่ไม่ได้รับความเอ็นดูคนหนึ่ง ยังกล้าไม่เคารพฮองเฮาอีกหรือ?”
หยุนอี่ว์โหรวหาเรื่องก่อน เช่นนั้นนางก็จะตอบโต้ให้อีกฝ่ายรู้ว่านางไม่ใช่คนที่รังแกง่าย
นางไม่ใช่คนชอบวางอำนาจบาตรใหญ่รังแกคน ทว่าหยุนอี่ว์โหรวไม่อยากเป็นคน นางข่มใจอดกลั้น แต่อดกลั้นจนกลืนไม่ลงคอจริงๆ
ปี้หยุนโกรธจนจวนจะเป็นลมล้มพับไป พลางรู้สึกว่าหนานหว่านเยียนบ้าคลั่งและจองหองเสียเหลือเกินจริงๆ
อยากทำเรื่องให้มันลุกลามใหญ่โต มากที่สุดก็เพื่อไปหาเรื่องกับถึงฝ่าบาทต่อ ให้ฝ่าบาทดูหน่อย สตรีที่เพิ่งเข้าวังมาใหม่เหตุใดจึงรังแกสนมที่กำลังตั้งครรภ์ได้ถึงเพียงนี้!
ทว่านางยังไม่ได้พูดออกจากปาก หยุนอี่ว์โหรวกลืนความอัปยศลงท้องเรียบร้อย พลางนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น พลันกัดฟันพูด “หม่อมฉัน ถวายเชิญเสด็จแม่นางไป๋จื่อ ถวายเชิญเสด็จองค์หญิงใหญ่อานผิง!”
แม้ว่านางไม่เต็มใจ แต่สิ่งที่ไป๋จื่อพูดคือความจริง นางก็แค่เครื่องมือที่กู้โม่หานนำมาจับจดไทเฮา อย่าพูดว่าเอ็นดูเลย ขนาดจ้องมองให้เต็มตา กู้โม่หานก็ไม่เคยทำกับนางด้วยซ้ำ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางจึงแสร้งร่วมมือกับนังแพศยานางนี้ รอวันเนิ่นนานไปไกล นางย่อมมีวิธีการตอบโต้เอาคืน
ปี้หยุนรู้สึกว่าหยุนอี่ว์โหรวอดกลั้นเก่งเหลือเกิน เวลานี้กลับไม่ไปสร้างปัญหากับฮ่องเต้ ในภายภาคหน้าต้องไว้หน้านางชนชั้นต่ำด้วยหรือ?
หยุนอี่ว์โหรวคุกเข่าแล้ว นางจะกล้าพูดอะไรอีก จึงคุกเข่าอยู่ด้วยกัน
หนานหว่านชิงจ้องมองหยุนอี่ว์โหรวตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นสีหน้าอันสงบเสงี่ยมของนาง ท่าทางแบบผู้รู้สถานการณ์ย่อมเป็นคนเก่ง ซึ่งไม่ใช่ท่าทางคุกเข่าอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ นัยน์ตาวูบวาบเล็กน้อย
หลังจากกบฏวังแล้ว นางไม่ค่อยพูดคุยกับหยุนอี่ว์โหรว คราวที่แล้วเพียงแค่มองเห็นอยู่ไกลๆ หรือได้ยินหยุนอี่ว์โหรวพูดเพียงไม่กี่ประโยค
วันนี้ถือเป็นการเผชิญหน้าอย่างเป็นทางการครั้งแรก ทว่าหยุนอี่ว์โหรวสร้างความประหลาดใจให้แก่นางจริงๆ นางไม่ได้สู้รบตบมือกับหยุนอี่ว์โหรวมานาน ไม่รู้สึกว่านางมีความเด็ดเดี่ยวนี้ด้วย หากเป็นหยุนอี่ว์โหรวในอดีต เกรงว่าจะกุมท้องแล้วแสร้งทำเป็นลมล้มพับไปเสียแล้ว จากนั้นก็ไปขอร้องกับทางฮ่องเต้ บีบน้ำตาให้พรั่งพรูหลายหยด
ทว่าเวลานี้….
หยุนอี่ว์โหรวในขณะนี้เหมือนคนคนหนึ่ง คนหนึ่งที่ น่าจะเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว…
ทว่า นี่น่าจะเป็นไปไม่ได้ หนานหว่านเยียนยิ้มให้หยุนอี่ว์โหรวอย่างเย็นชา “หากเจ้าเชื่อฟังตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องลำบากแล้วแหละ”
จากนั้น นางบิดเอวของตนเอง พลางเดินอย่างไม่ไว้หน้า “องค์หญิง ไปกันเถอะ”
“ได้สิ” เกี๊ยวน้อยภาคภูมิใจมาก เดินเชิดหน้าพร้อมทั้งเดินเคียงข้างหนานหว่านเยียน เฟิงยางกับอวี๋เฟิงเดินตามพวกนางไป
หยุนอี่ว์โหรวยังคงอยู่ที่เดิม พลางจับจ้องแผ่นหลังของหนานหว่านเยียน เล็บจวนจะปักทะลุอุ้งมืออยู่แล้ว
ไม่ช้าเร็วนางต้องให้ไป๋จื่อคนนี้ ตายโดยไร้ที่ฝัง!
รอจนคนทั้งกลุ่มเดินไปไกลแล้ว จนมองไม่เห็นตัวหยุนอี่ว์โหรวกับปี้หยุน ท่วงท่าหนานหว่านเยียนถึงกลับคืนสู่สภาพปกติ
ดวงตานางยิ้มเป็นจันทร์ครึ่งเสี้ยว พลางสบตากับเจ้าเกี๊ยวน้อย จากนั้นย่อตัวลง และยื่นมือให้บุตรสาวอย่างถึงใจ
เกี๊ยวน้อยยิ้มยิ่งกว่า พลางเขย่งปลายเท้าขึ้น พร้อมทั้งยื่นมือเล็กๆ ออกไปวางบนอุ้งมือหนานหว่านเยียนจนกระทบเสียงดัง “เย้!”
วันนี้ได้ลงโทษสตรีชั่วช้าที่ชอบรังแกท่านแม่นางนั้น ปลดปล่อยอารมณ์มากจริงๆ!
ทางด้านหลัง เฟิงยางก็ดีใจเช่นกัน เมื่อเห็นจวิ้นจู่ยิ้มอย่างสบายใจ นางจึงรู้สึกมีความสุขมาก
หากอยู่ที่แคว้นต้าเซี่ย แทบไม่มีคนกล้ารังแกจวิ้นจู่ แถมยังคิดอุ้มชูจวิ้นจู่ไว้ในอุ้งมือเสียอีก
วันนี้สตรีนางนี้ เป็นไปตามที่ราชครูกล่าวพูดอย่างแท้จริงๆ มีความคิดลึกซึ้ง ทำให้คนเอือมระอา
บนใบหน้าอวี๋เฟิง ไม่สามารถเก็บซ่อนรอยยิ้มเช่นเดียวกัน
เมื่อครู่เขาเอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษ ยังนึกคิดว่าแม่นางไป๋จื่อเป็นสตรีโลภโมโทสัน ทว่าคิดไม่ถึง แม่นางไป๋จื่อกล้าหาญถึงเพียงนี้
(เอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษ หมายถึง ใช้ความคิดเห็นที่เลวไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง)
แม้ว่าไป๋จื่อดูเหมือนรังแกคนเย่อหยิ่ง แต่คิดแล้วคิดอีก น่าจะตั้งใจทำให้เป็นเช่นนั้นกระมัง จะพูดยังไง ก็เป็นการระบายความโกรธเคืองแทนฮองเฮาเหนียงเหนียง!
สตรีชาวบ้านที่ฉลาดหลักแหลมกล้าหาญเช่นนี้ไม่ได้พบเจอได้มาก เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจไป๋จื่อเมื่อก่อนแบบนั้นแล้ว กระทั่งราวกับมองเห็นเงาของฮองเฮาเหนียงเหนียง จากบนตัวของไป๋จื่อ
อวี๋เฟิงตะลึงในทันที พลางตบหน้าตนเองฉาดใหญ่
ถุยๆๆ ฮองเฮาเหนียงเหนียงแค่เสียไปสองเดือน ทำไมเขาถึงอกตัญญูได้เช่นไรกัน พลางรู้สึกว่าคนอื่นเหมือนกับฮองเฮาเหนียงเหนียง…
หนานหว่านเยียนกลับไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเห็นเช่นไร นางจูงมือเกี๊ยวน้อย พลางก้าวยาวไปทางด้านหน้า คิ้วตาอันงดงามค่อยๆ สงบลง พร้อมทั้งแสดงความสยดสยองที่คนทั่วไปไม่สามารถพรรณนาได้
การกลับเข้าวังในครานี้ไม่ได้เสียเปรียบ อย่างน้อยนางสามารถทำให้หยุนอี่ว์โหรวล่มจม ก่อนจะจากไป
หลายปีที่ผ่านมานี้ หยุนอี่ว์โหรวได้รับพระเดชพระคุณที่ไม่ใช่ของนางมามากเกินไป อ้างศีลธรรมให้กู้โม่หานทำเรื่องชั่วร้ายได้ทุกรูปแบบ ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว –
“ให้นาง – ชดใช้กลับคืนมา!