ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 752 พ่อบ้านกาวยอมรับหยุนอี่ว์โหรวเป็นนาย

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 752

หยุนอี่ว์โหรวถูกกักบริเวณไว้แล้วอย่างชัดเจน นางกลับสามารถติดต่อส่งข่าวสารข้อมูลลับด้วยวิธีการเช่นใด?

เฟิงยางเห็นสถานการณ์แล้ว จึงก้าวไปข้างหน้ารวบคอเสื้อของหยุนอี่ว์โหรวขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมและเย็นชาอย่างยิ่งว่า “พูดมา!”

ดวงตาสวยงามเรียวยาวของกู้โม่หานทะมึนเย็นเยียบและไร้ความปรานี ประกายดุร้ายน่าสะพรึงกลัววูบวาบขึ้น ประดุจหนึ่งใบมีดอันคมกริบ ที่ค่อยๆ กรีดเนื้อหนังของหยุนอี่ว์โหรวทีละน้อย

เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว หยุนอี่ว์โหรวก็ไม่มีสิ่งใดน่าปิดบังแล้วเช่นกัน นางมองดูไปทางกู้โม่หาน แววตาเปล่งประกายแดงก่ำระยิบระยับ คล้ายดั่งได้รับความคับแค้นใจแล้วก็ปาน

“ถูกต้อง เรื่องที่ใส่ร้ายว่าองค์หญิงทั้งสองว่าเป็นเผ่าพันธุ์สำส่อน กระหม่อมเคยเข้าร่วมมาก่อน”

“หม่อมฉันมิอาจทนเห็นฮ่องเต้ท่านมักคลุกคลีอยู่แต่กับฮองเฮาและองค์หญิงทั้งสองตลอดทั้งวัน หม่อมฉันรู้สึกอิจฉา! ท่านทราบอยู่อย่างชัดเจนแล้วว่าหม่อมฉันรักท่าน แต่เวลาใดบ้างที่ท่านไม่เพียงแต่เพิกเฉยเย็นชากับหม่อมฉันเท่านั้น อีกทั้งยังกักบริเวณหม่อมฉันเอาไว้ภายในลานเรือน”

“ความเคียดแค้นเกลียดชังที่หม่อมฉันมีต่อฮองเฮา ก็ได้แต่สั่งสมเพิ่มพูนมากขึ้นมาจากทีละเล็กทีละน้อย! ดังนั้น ดังนั้นหม่อมฉันจึงพุ่งเป้าหันไปจ้องเล่นงานลูกน้อยของนางแล้ว เรียกคนออกไปเผยแพร่กระจายข่าว ต้องการใช้เรื่องนี้ทำให้ฮองเฮามือไม้ปั่นป่วนทำอะไรมิถูก แต่หม่อมฉันมิได้ต้องการทำร้ายองค์หญิงอย่างเด็ดขาด หม่อมฉันเพียงแค่ต้องการให้บทเรียนแก่ฮองเฮาสักครั้งหนึ่งเท่านั้น!”

เซียงอวี้โกรธเคืองในความอยุติธรรม อดไม่ได้ที่จะกำหมัดจนแน่น

ไฉนหยุนอี่ว์โหรวจึงยังมีหน้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ นางต้องการสังหารองค์หญิงน้อยทั้งสองคนให้เสียชีวิตชัดๆ กล้ากระทำแต่มิกล้ารับ!

หนานหว่านเยียนสีหน้าเย็นชา กลับไม่คิดจะโต้แย้งอันใดกับหยุนอี่ว์โหรว นางตบใส่ใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรวอย่างดุดันให้แล้วฉาดหนึ่ง

“ข้าพูดแล้วว่า อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ เจ้าให้ผู้ใดส่งจดหมายออกไปกันแน่ หูตาสายสืบของเจ้าคือใคร?”

หยุนอี่ว์โหรวถูกหนานหว่านเยียนตบจนเลือดกลบปาก ความเคียดแค้นเกลียดชังภายในใจเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น แต่นางมิยอมศิโรราบ สายตาแดงก่ำยังคงจับจ้องมองไปยังกู้โม่หาน

“เป็นพ่อบ้านกาว หม่อมฉันขอให้เขาช่วยข้าส่งจดหมายให้แก่พระชายาเฉิง บอกพระชายาเฉิงว่า ฮองเฮาเหนียงเหนียงมีลูกน้อยสองคนอยู่แต่แรกแล้ว เขาก็ได้รุดไปแล้ว”

“เรื่องราวทุกอย่างทั้งหมดหลังจากนั้น ล้วนเป็นพ่อบ้านกาวจัดการเองคนเดียว หม่อมฉันมิเคยเข้าไปมีส่วนร่วมอีกเลย ด้วยความสามารถของหม่อมฉันเองนั้น หม่อมฉันก็มิสามารถทำอะไรได้เช่นกัน ได้แต่เพียงรอคอยดูเรื่องสนุก กราบบังคมทูลฮ่องเต้ หม่อมฉันทำเช่นนี้ล้วนเพื่อท่านทั้งสิ้นนะเพคะ เพื่อให้ท่านสามารถหันมาเหลียวมองดูหม่อมฉันมากขึ้นสักคราหนึ่ง! หม่อมฉัน……หม่อมฉันยอมรับว่าวิธีการมิถูกต้อง แต่ด้วยจิตใจที่รักใคร่ท่าน ก็มีความผิดด้วยเช่นนั้นหรือ?”

ดวงตาสวยงามกู้โม่หานหลับลงครึ่งหนึ่ง สายตาที่โกรธเคืองแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นเกลียดชัง

“หยุนอี่ว์โหรว ข้ามิใช่ข้ออ้างสำหรับให้เจ้าสามารถกระทำความผิดคิดชั่วร้าย!”

“การทำร้ายลูกน้อยของข้า น่าเกลียดชังสมควรตายมากยิ่งกว่าทำร้ายข้าโดยตรงด้วยซ้ำ ตอนนี้เจ้าในฐานะมารดาเป็นแม่คน หรือว่าแม้แต่เหตุผลดังกล่าวนี้ก็ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?!”

หยุนอี่ว์โหรวถูกกู้โม่หานต้อนจนสะอึกพูดไม่ออกแล้ว นางมองเขาด้วยน้ำตาคลอหน่วย คล้ายดั่งสตรีที่หลงใหลงมงายในรักอย่างลึกซึ้งผู้หนึ่ง หนานหว่านเยียนไร้อารมณ์ที่จะไปสนใจว่า นางได้กระทำเรื่องชั่วร้ายเพื่อกู้โม่หานแล้วมากมายเพียงใด

นางสีหน้าเย็นชาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เจ้ากับพ่อบ้านกาวมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกันแน่ แล้วไฉนเขาจึงได้ช่วยเจ้า โดยมิเสียดายที่จะเสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง?!”

จวบจนบัดนี้นางก็ยังจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นที่พ่อบ้านกาวเสียชีวิตได้ พลังความมุ่งมั่นแรงบันดาลใจอุทิศตนผดุงความยุติธรรมอันน่าเคารพเกรงขาม ไม่หวาดหวั่นครั่นคร้ามแม้จะต้องเผชิญกับภยันตรายเช่นนั้น หากมิใช่หยุนอี่ว์โหรวมีคุณค่าความสำคัญอย่างยิ่งต่อเขาแล้วละก็ เป็นไปไม่ได้ที่พ่อบ้านกาวจะยอมเสียสละตนเองอย่างง่ายดายเช่นนั้นเด็ดขาด!

นอกจากนี้ จดหมายของแคว้นต้าเซี่ยที่ค้นพบภายในห้องพำนักของพ่อบ้านกาว จวบจนบัดนี้ก็ยังมิสามารถค้นพบแหล่งที่มาของจดหมายด้วยซ้ำ

นางเคยสอบถามพี่ชายแล้ว แต่พี่ชายก็หามีความทรงจำเบาะแสอันใดไม่ และก็มิค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ของพ่อบ้านกาวมากนัก

เมื่อถูกถามความสัมพันธ์เกี่ยวข้องการพบหน้ากับพ่อบ้านกาว แก้วตาของหยุนอี่ว์โหรวหดเล็กลงในทันใด และขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว

นางเองก็มิทราบว่าพ่อบ้านกาวช่วย “นาง” เพราะเหตุใดจริงๆ แต่ดูแล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้ ณ เวลานี้ ก็ไม่น่าจะมีผู้ใดที่ล่วงรู้ความนัยเช่นเดียวกัน

“หม่อมฉันก็มิทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด วันหนึ่งจู่ๆ เขาก็มาพบหม่อมฉัน บอกว่าต้องการยอมรับหม่อมฉันเป็นนาย”

“ตอนเริ่มแรกสุดหม่อมฉันก็ไม่เชื่อ แต่ต่อมาหลังจากหม่อมฉันให้เขาช่วยกระทำเรื่องราวส่วนหนึ่งแล้ว หม่อมฉันก็พบว่าเขาเต็มใจที่จะช่วยหม่อมฉันจริงๆ”

“แต่ทุกครั้งที่หม่อมฉันถามเขาไฉนต้องดีต่อหม่อมฉันเช่นนี้ เขากลับมิยอมพูดอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่บอกกับหม่อมฉันว่าโอกาสยังมาไม่ถึง รอให้ถึงช่วงเวลานั้นแล้วก็จะบอกหม่อมฉันเอง แต่ว่า แต่ว่ายังมิทันรอให้ถึงเวลาที่เขาบอกความจริงให้หม่อมฉันทราบ เขาก็จากไปแล้ว……”

ทันใดนั้นหยุนอี่ว์โหรวก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองกู้โม่หานราวกับเสียสติแล้วก็ปาน แววตาตระหนกตกใจ เต็มเปี่ยมด้วยความเคียดแค้นสำนึกเสียใจและอับจนปัญญาพูดว่า “กราบบังคมทูลฮ่องเต้ เรื่องที่ทำร้ายเสิ่นอี่ว์นั้น หม่อมฉันมิได้ทำจริงๆ นะเพคะ!”

“ตอนที่หม่อมฉันไปหาพ่อบ้านกาว ให้เขาช่วยหม่อมฉันคิดอุบายวางแผนการนั้น เขาบอกหม่อมฉันมิต้องวิตกกังวลใดๆ มอบหน้าที่ทุกอย่างให้เขาไปกระทำ ผลลัพธ์ปรากฏว่า ผู้ใดก็คิดมิถึงว่าเขาเกือบสังหารเสิ่นอี่ว์เสียชีวิตลงแล้ว!”

“กราบบังคมทูลฮ่องเต้ ขอร้องท่านแล้วล่ะ ท่านโปรดเชื่อถือหม่อมฉัน หม่อมฉันมิทราบว่าพ่อบ้านกาวผู้นั้นมีภูมิหลังความเป็นมาเช่นใดจริงๆ เขามิยอมบอกสิ่งใดหม่อมฉันทั้งสิ้น เพียงแค่คอยช่วยหม่อมฉันเสมอมา แต่หม่อมฉันก็คิดมิถึงเช่นกันว่า ทุกครั้งที่เขาลงมือล้วนโหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนั้น แทบจะ แทบจะทำร้ายผู้คนไปจำนวนมากมายเช่นนั้นแล้วด้วยซ้ำเพคะ!”

นางมิอาจจะเปิดเผยตัวเองได้ มิอาจทำให้เรื่องราวบรรลุถึงจุดที่มิสามารถผันแปรกลับคืนแล้วโดยสิ้นเชิง ในเมื่อพ่อบ้านกาวพูดแล้วว่ายินยอมตกตายเพื่อนาง เมื่อเป็นเช่นนั้นเวลานี้ก็มิอาจโทษนางแล้วเช่นกัน!

เซียงอวี้และเซียงเหลียนฟังการใช้เล่ห์ลิ้นเล่นคารมเช่นนี้ของหยุนอี่ว์โหรวแล้ว ทั้งรู้สึกดูแคลนเหยียดหยามและหนาวเหน็บอยู่ในใจ

คิดมิถึงว่า นางจะใช้วิธีการผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้พ่อบ้านกาวเช่นนี้ ความตายกำลังมาเยือนถึงเหนือศีรษะแล้ว ยังคิดจะให้ร้ายสาดโคลนอีกหรือเนี่ย!

ถ้ามิใช่เพราะคำสั่งของนางแล้ว พ่อบ้านกาวจะกระทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?

กล่าวถึงที่สุดแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของหยุนอี่ว์โหรวทั้งสิ้น เพียงแต่นางปฏิเสธมิยอมรับเท่านั้นเอง!

เสิ่นอี่ว์ถลึงตามองหยุนอี่ว์โหรว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเดือดดาล

วันนั้นหลังจากเขาสิ้นสติไปแล้ว ก็มิได้ยินคำสนทนาของหยุนอี่ว์โหรวและพ่อบ้านกาวอีกจริงๆ จึงไม่ทราบเช่นกันว่าเรื่องราวจะเป็นความจริงตามที่หยุนอี่ว์โหรวพูดมาหรือไม่

แต่เขาก็สามารถดูออกเช่นกันว่า ยามนี้หยุนอี่ว์โหรวกำลังปัดความรับชอบอย่างเห็นได้ชัด

เขาก้าวไปข้างหน้า จ้องมองนางอย่างคุกคามเอาเรื่องพูดว่า “หยุนอี่ว์โหรว! เจ้าช่างเลวทรามต่ำช้าไร้ยางอายจริงๆ!”

“ตอนนั้นเนื่องเพราะเจ้าสร้างข่าวลือจึงเกิดเรื่องขึ้น องค์ฮ่องเต้ทรงถูกลงทัณฑ์ภายในพระราชวังจนบาดเจ็บไปตลอดทั่วทั้งพระวรกาย พระขนอง(แผ่นหลัง)ก็ยังกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนไปแล้ว หากมิใช่พระองค์ทรงฝึกวรยุทธ์ พื้นฐานพระวรกายค่อนข้างประเสริฐอยู่บ้าง เกรงว่าอาจมิสามารถยืนอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้วด้วยซ้ำ!”

“แต่สิ่งที่เจ้าหน้าด้านไร้ยางอายมากที่สุดนั้น ก็คือการเข้าแทนที่แอบอ้างพระคุณช่วยชีวิตของฮองเฮาเหนียงเหนียง ตลอดระยะเวลาร่วมสิบปีนี้ อาศัยน้ำใจพระคุณช่วยชีวิตอวดอ้างสำแดงอำนาจบารมี โดยใช้ประโยชน์จากความสำนึกในพระคุณขององค์ฮ่องเต้ คอยสะกดข่มพันธนาการต่อองค์ฮ่องเต้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ เจ้า เจ้ามิคู่ควรเป็นมนุษย์เลยจริงๆ ด้วยซ้ำ!”

ปี้หยุนตระหนกตกใจจนงวยงงแต่แรกแล้ว มิกล้าเอ่ยวาจาแม้แต่คำเดียว ข้อหาโทษฐานความผิดของหยุนอี่ว์โหรวหนักหนาสาหัสมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นางมิกล้าแม้แต่จะขอความเมตตาผ่อนผันอภัยโทษ ยามนี้ได้แต่ภาวนาหวังว่าจะสามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของตนเอาไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว!

หนานหว่านเยียนกลับอดไม่ได้ที่จะขบคิดไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง

พ่อบ้านกาวยอมรับหยุนอี่ว์โหรวเป็นนายอย่างกะทันหัน เขาทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด?

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท