บทที่ 117 เฟิ่งชิงเฉินเข้าวังครั้งที่สอง
“เฟิ่งฮูหยินเป็นคนที่ดี” ในที่สุดตงหลิงจิ่วก็มองตรงไปที่จักรพรรดิด้วยใบหน้าที่เปิดเผย
คราวนี้จักรพรรดิไม่คิดอะไรมาก ท่านเอ่ยปากทันที ” เชิญเฟิ่งชิงเฉินเข้าวัง”
ฮองเฮาสีหน้าขาวซีด แต่พูดกระไรไม่ออกสักอย่าง ฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการ นี่มิใช่สิ่งที่นา
สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เฟิ่งชิงเฉินที่กำลังนอนหลับสนิท ถูกปลุกขึ้นมาจากใต้ผ้าห่ม ขันทีและองครักษ์ล้อมจวนเฟิ่งเอาไว้อย่างแน่น
“ทุกท่าน เกิดเรื่องกระไรขึ้นหรือ?” สีหน้าของโจวสิงแย่อย่างมาก และร่างกายผอมบางของเขาสั่นเล็กน้อย
“เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่นี่หรือไม่?” ขันทีไม่แม้แต่จะมองเขา
โจวสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าพวกเขามิได้มุ่งเป้ามาที่ตน แต่มุ่งมาที่เฟิ่งชิงเฉิน….
โจวสิงกำลังจะถาม แต่ขันทีก็เผยท่าทีไม่สบอารมณ์ออกมา
โจวสิงหมดหนทาง จึงเร่งตามตัวเฟิ่งชิงเฉินมา
เดิมเฟิ่งชิงเฉินไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ นางตื่นขึ้นมาทันที
นางครุ่นคิด เกิดเรื่องกระไรขึ้นอีกหรือ?
ดูท่าทีนี้แล้วไม่เหมือนจวนเจิ้นกั๋วกงเลยนี่นา
“เจ้าคือเฟิ่งชิงเฉินหรือ?” ขันทีพูดอย่างเย่อหยิ่งด้วยเสียงสูง
“ชิงเฉินน้อมคำนับท่าน มิทราบว่าควรเรียนท่านว่ากระไรเพคะ?” เฟิ่งชิงเฉินโค้งคำนับ สะบัดแขนเสื้อ จากนั้นทองห้าสิบตำลึงก็ไปอยู่ที่มือของขันที
ขันทีก้มหน้าลงและมองดู สีหน้าที่เย่อหยิ่งของเขาเปลี่ยนเป็นสีหน้าสดใสในทันที น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนขึ้นอย่างมาก “แม่นางเฟิ่ง ข้ามีนามสกุลว่าเจิ้ง”
“มิทราบว่าเจิ้งกงกงมาที่นี่ ชิงเฉินต้องขออภัยที่เสียมารยาทด้วยเพคะ”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็แสดงท่าทางเชิญ แต่เจิ้งกงกงปฏิเสธ “แม่นางเฟิ่งมิต้องมากพิธีรีตอง ข้ามาคราวนี้ มาเพราะพระราชโองการของฝ่าบาท”
“พระราชโองการหรือ?” เปลือกตาของเฟิ่งชิงเฉินกระตุกอย่างแรง
“แม่นางเฟิ่ง เมื่อคืนนี้ลั่วอ๋องเจอเหตุลอบสังหาร ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหล่าหมอหลวงช่วยกระไรมิได้ เสด็จอาเก้าทรงเสนอเจ้ามา” เจิ้งกงกงรู้งานอย่างมาก
คราวนี้ เขาจะต้องไม่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินโกรธเคืองเป็นอันขาด เพราะหากว่านางสามารถรักษาลั่วอ๋องได้ เช่นนั้นเท่ากับว่านางมีบุญคุณต่อฮองเฮาและลั่วอ๋อง อีกทั้งนางได้รับความโปรดปรานจากเสด็จอาเก้า อีกไม่นานนางจะได้มีอำนาจตำแหน่งที่สูงอย่างแน่นอน
“ลั่วอ๋องได้รับบาดเจ็บหรือ?”
เฟิ่งชิงเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ และในขณะเดียวกันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าพวกเขามิได้มาเพื่อสร้างปัญหา
เพียงแต่ว่า มันบังเอิญเช่นนี้เลยหรือ? เมื่อวานนี้นางเพิ่งช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ และวันนี้มีข่าวว่าลั่วอ๋องถูกลอบสังหาร หรือว่าอาการบาดเจ็บของลั่วอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่บาดเจ็บเมื่อวานนี้
เฟิ่งชิงเฉินตะลึงกับความคิดนี้ หากเป็นกรณีนี้ นางเจอกับปัญหาใหญ่แล้วล่ะ
นางช่วยชีวิตคนที่ลอบสังหารลั่วอ๋องเอาไว้
“แม่นางเฟิ่ง เจ้าไม่เป็นกระไรใช่หรือไม่?” เจิ้งกงกงกล่าวด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน
หรือว่าเฟิ่งชิงเฉินจะแกล้งไม่สบายแล้วหนี?
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างสดใส ปกปิดการเหม่อลอยของตน และถามอย่างรวดเร็วว่า “ชิงเฉินกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของลั่วอ๋อง มิทราบว่าลั่วอ๋องบาดเจ็บที่ใดหรือ?”
“ที่ต้นขา” เจิ้งกงกงมิได้ปิดบัง “แม่นางเฟิ่ง รีบไปเถอะ สถานการณ์ของลั่วไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ้าเป็นคนที่เสด็จอาเก้าเสนอมา หากมีอะไรผิดพลาด เสด็จอาเก้าก็จะต้องรับผิดชอบเช่นกัน”
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณเจิ้งกงกงอย่างมาก ชิงเฉินขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัว แล้วจะออกไปทันที”
เฟิ่งชิงเฉินรีบวิ่งไปที่ลานด้านในอย่างรวดเร็ว
อาการบาดเจ็บอยู่ที่ต้นขา และหมอหลวงไม่กล้าลงมือทำการรักษา แสดงว่าอาจจะบาดเจ็บที่หลอดเลือดแดง
เวลาทั้งคืน ไม่รู้ว่าเสียเลือดไปเท่าไหร่แล้ว หากว่าเสียเลือดมากไป แม้ว่าจะจัดการแผลได้สำเร็จ แต่อวัยวะในร่างกายก็จะล้มเหลว
เสด็จอาเก้าเสนอนาง นางจะต้องไม่ทำให้เสด็จอาเก้าผิดหวัง
สำหรับเรื่องอื่น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง นางเป็นแค่หมอ และแน่นอนว่าหากมีคนไข้เข้ามาขอความช่วยเหลือ นางจะต้องช่วย
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินจัดเตรียมของ นางเอาแต่คิดหาวิธีต่างๆ ที่เป็นไปได้ แต่พบว่า…
หากไม่เห็นสถานการณ์จริง คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
เฟิ่งชิงเฉินตบหน้าตนเอง สงบสติอารมณ์และในขณะเดียวกันก็ทำให้ใบหน้าของนางดูแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย
ยาฉุกเฉินพร้อมแล้ว เฟิ่งชิงเฉินตรวจสอบหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามิได้ลืมอะไรเอาไว้ เมื่อมองดูเสื้อผ้าของตน ดูไม่เก่าแต่ก็ไม่ใหม่ เฟิ่งชิงเฉินลังเลว่าจะเปลี่ยนหรือไม่
เสด็จอาเก้าเสนอนาง แสดงว่าเสด็จอาเก้าต้องอยู่ที่นั่นด้วย จะดีกว่าหรือไม่หากว่านางแต่งตัวให้ดีเพื่อให้เสด็จอาเก้าได้เห็น?
เฟิ่งชิงเฉินเปิดตู้เสื้อผ้า มองดูชุดหรูที่อยู่ในตู้ สุดท้ายนางก็ส่ายหน้า
ช่างเถอะ เสด็จอาจิ่วได้เห็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของนางแล้ว มาแต่งตัวงามเอาตอนนี้คงไม่ทันแล้ว อีกหากชุดที่ซับซ้อนเช่นนั้นยากต่อการ “การทำงาน” และไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของหมอเลย
เสียงดัง “ปั้ง” นางปิดประตูหยิบกล่องยาและวิ่งออกไป
ในใจของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยเสด็จอาเก้า รูปลักษณ์ของเสด็จอาเก้า สิ่งที่เสด็จอาเก้าเคยกล่าว ความคาดหวังและความเชื่อมั่นในสายตาของเสด็จอาเก้า
การช่วยชีวิตผู้คนก็เหมือนการดับไฟที่เผาไหม้ องครักษ์เห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินออกมา มิได้พูดมากกระไร เร่งเชิญให้นางขึ้นรถม้าและตรงไปที่พระราชวัง
“เอ้ะ? เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฟิ่งอีกแล้ว?”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นก็พูดไปอย่างนั้น จากนั้นก็หันกลับไปทำธุระของตน
เจิ้งกงกงพาเฟิ่งชิงเฉินไปที่ตำหนักของตงหลิงจื่อลั่ว นำหลังจากที่เจิ้งกงกงเข้าไปรายงาน เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เข้าไป
เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลาไปดูการตกแต่งของพระราชวัง เพราะนางเร่งรีบอยางมาก
เข้าวังมาสองครั้ง มีทหารและวุ่นวายทุกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า ภายใต้การนำทางของนางกำนัล นางเดินเข้าตำหนักไปอย่างสงบ
คราวที่แล้วกังวลกลัวว่าจะตายในวัง ส่วนครั้งนี้นั้นหรือ?
ยังคงไม่สบายใจเช่นเดิม แต่ดีกว่ามาก อย่างน้อยคราวนี้นางเข้าวังมาโดยไม่มีความผิด
“เฟิ่งชิงเฉินน้อมคำนับฮ่องเต้ น้อมคำนับฮองเฮา เสด็จอาเก้า องค์รัชทายาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” ที่นอกวังมีขันทีบอกนางแล้วว่าควรคำนับอย่างไรเมื่อนางเข้ามา
“มิต้องมากพิธีรีตองหรอก” ฮ่องเต้โบกมือ
“ขอบพระคุณฝ่าบาท” เฟิ่งชิงเฉินยืนขึ้น แต่ก้มศีรษะลงและไม่กล้าขยับ
เรื่องนี้มาถึงจุดนี้แล้วและฮองเฮาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกระไรได้ นางมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ไม่รู้ว่านางต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินรักษาตงหลิงจื่อลั่วให้หายหรือว่ารักษาไม่หายดี
หากรักษาหาย นางติดหนี้บุญคุณเฟิ่งชิงเฉินที่ใหญ่โต
หากรักษาไม่หาย นางจะสูญเสียลูกชาย และเสียโอกาสที่จะได้เป็นไทเฮาในอนาคตไป…
แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างฮองเฮากับเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขารู้ทุกอย่างอย่างชัดเจน
การเลือกเฟิ่งชิงเฉินเข้ามารักษาเป็นเรื่องที่หมดหนทางจริงๆ และเพราะเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่ตงหลิงจิ่วแนะนำด้วย
จักรพรรดิไม่เคยสามารถจับความผิดเสด็จอาเก้าไว้ได้เลย คราวนี้ได้โอกาสแล้ว เขาจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน
หากเฟิ่งชิงเฉินรักษาตงหลิงจื่อลั่วหายได้ เรื่องนี้ก็แล้วไป แต่หากรักษามิได้ เสด็จอาเก้าจะต้องรับผิดชอบเช่นกัน
“เฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้ากล่าวว่าเจ้ามีฝีมือทางการรักษาที่ยอดเยี่ยม เชี่ยวชาญเรื่องบาดแผลนอกร่างกาย อย่าทำให้เจิ้นผิดหวัง หากเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บของลั่วอ๋องได้ เจิ้นมีรางวัล แต่หากรักษาไม่หาย เจ้ามิต้องกลับไปที่จวนเฟิ่งอีก”
จักรพรรดิข่มเฟิ่งชิงเฉินด้วยความสง่างามของจักรพรรดิ และปล่อยให้นางเข้าใจ หากฮ่องเต้ต้องการสังหารนาง ว่าแม้ว่าเสด็จอาเก้าปกป้องนาง ก็ไม่มีผลอันใด
เฟิ่งชิงเฉินก้มหัวต่ำกว่าเดิม แต่ว่าคำพูดของนางไม่มีความร้อนรนเลยแม้แต่น้อย นางกล่าวด้วยความสงบว่า ” ชิงเฉินจะพยายามอย่างเต็มที่ ขอชิงเฉินดูอาการบาดเจ็บของลั่วอ๋องได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเสด็จอาเก้าอยู่ข้างหลังนาง นางอยากหันหลังกลับไปมองอย่างมาก อยากจะมองเสด็จอาเก้า แต่นางทราบดีว่าทำเช่นนั้นมิได้………