นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 170 บีบบังคับทีละก้าว กลอุบายของนักต้มตุ๋น

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 170 บีบบังคับทีละก้าว กลอุบายของนักต้มตุ๋น

“อ้าขาออกอีกหน่อย” เฟิ่งชิงเฉินมีใบหน้าสงบ นางสอดคีมปากเป็ดเข้าไปในช่องคลอดของฮูหยินรองเซี่ย

ร่างกายของฮูหยินรองเซี่ยสั่นเทา นางกัดริมฝีปากเพื่อสะกดกั้นเสียงกรีดร้องและพยายามให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

เรื่องนี้มาถึงขนาดนี้แล้ว นางไม่สามารถถอนตัวได้อีกต่อไป

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ให้โอกาสฮูหยินรองเซี่ยได้เสียใจภายหลังเลยแม้แต่น้อย หลังจากสอดคีมปากเป็ดเข้าไปแล้ว นางก็เริ่มตรวจสอบเพื่อหาจุดลงมีดผ่าตัด

“โอ๊ย… เจ็บ” ฮูหยินรองเซี่ยร้องออกมา แก้มของนางยิ่งแดงมากขึ้น

“เจ็บตรงไหน? ตรงนี้? หรือว่าตรงนี้?” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูจริงจัง เช่นเดียวกับที่นางได้กล่าวไว้ ในสายตาของนางแล้ว นี่มันเป็นเพียงแค่อวัยวะหนึ่งเท่านั้น นางสอดนิ้วเข้าไปตรวจก็ไม่ได้รู้สึกอายแต่อย่างใด

ฟู่… ความสงบและความจริงจังของเฟิ่งชิงเฉินแพร่มาสู่ฮูหยินรองด้วย นางกระซิบตอบ “ทางด้านซ้าย ขึ้นมาอีกหน่อย”

“ที่นี่?” เฟิ่งชิงเฉินกดเบาๆ พลางขมวดคิ้ว “อักเสบนิดหน่อย กลับไปข้าจะให้ยากลับไปกินสักสองสามวัน”

“ตกลง” ฮูหยินรองเซี่ยในยามนี้ เฟิ่งชิงเฉินว่าอย่างไรนางก็ว่าตามนั้น

เฟิ่งชิงเฉินตรวจต่อไป ระหว่างนั้นฮูหยินรองก็บอกว่าเจ็บอีกครั้งหนึ่ง ใช้เวลาไปสิบห้านาทีเฟิ่งชิงเฉินก็สามารถระบุตำแหน่งของท่อนำไข่ที่อุดตันได้ในที่สุดและกำหนดตำแหน่งลงมีดเรียบร้อย

เฟิ่งชิงเฉินหยิบคีมปากเป็ดออกมาแล้วโยนลงในน้ำเดือดที่เตรียมไว้ ในเวลาเดียวกันก็ถอดถุงมือโยนลงในถังขยะแล้วเริ่มล้างมือ

น้ำเปล่า น้ำยาฆ่าเชื้อ น้ำเปล่า สบู่ล้างมือและน้ำเปล่า หมอล้วนมีนิสัยรักความสะอาด หลังจากล้างมือบ่อยๆ ฮูหยินรองเซี่ยก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว บนใบหน้าของนางยังมีร่องรอยเขินอายและหน้าแดงระเรื่อ แต่นางได้ฟื้นคืนเป็นปกติแล้วและกลับมามีท่าทางของฮูหยินตระกูลใหญ่อีกครั้ง

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางยังกลัวว่าฮูหยินรองเซี่ยจะอับอาย ดูเหมือนว่าฮูหยินรองจะเคยมีประสบการณ์เช่นกัน

“ฮูหยินรอง นั่งลงก่อน ข้าจะสั่งยาให้ท่าน นอกจากนี้ให้ท่านใช้น้ำยาล้างสองขวดนี้ กลับไปแล้วใช้มันชำระล้างร่างกายส่วนล่างของท่านในเวลากลางคืน แล้วก็ไม่ควรร่วมรักในช่วงนี้ รักษาร่างกายส่วนล่างให้สะอาด อีกเจ็ดวันค่อยมาตรวจใหม่อีกครั้ง หากไม่มีอะไรก็สามารถเริ่มการรักษาได้ทันที”

“ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว” ฮูหยินรองเซี่ยเพียงแค่คิดว่าอีกเจ็ดวันจะต้องเจอเรื่องเช่นนี้อีก นางก็มีความคิดอยากจะเอาหัวชนกำแพงอีกครั้ง แต่เมื่อมีครั้งแรกแล้ว ครั้งที่สองก็คงดีขึ้นมาก

เฟิ่งชิงเฉินหยิบดินสอขึ้นมาเขียนสิ่งที่ควรระวังให้แก่นาง

“ฮูหยินรองเซี่ย โรคของท่านข้าจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ สาเหตุที่ท่านไม่สามารถตั้งครรภ์ได้นั้นเป็นเพราะท่อที่ใช้ในการตั้งครรภ์ของท่านอุดตัน สิ่งที่ข้าต้องทำในตอนนี้ก็คือทำให้มันหายอุดตัน

“ถึงเวลานั้นข้าจะใช้มีดผ่าที่ท้องล่างเป็นแผลยาวขนาดหนึ่งนิ้ว จะต้องกลายเป็นแผลเป็นแน่นอน แต่วางใจได้ข้าจะเย็บแผลให้สวยงามและพยายามทำให้แผลเป็นไม่น่าเกลียด”

ในการรักษาโรคของฮูหยินรองมีเพียงวิธีนี้ นางจะค่อยๆ อธิบายไปทีละเล็กละน้อย หากข้าพูดไปทั้งหมดตั้งแต่แรก ท่านจะต้องไม่ยอมรับวิธีการรักษาของนางอย่างแน่นอน

นี่เป็นกลลวงทั่วไปที่คนในยุคปัจจุบันนิยมใช้กัน ใช้ประโยชน์ให้คนตกอยู่ในจิตวิทยาโดยไม่สามารถถอนตัวออกไปได้

ก็เหมือนโครงการหนึ่ง ช่วงแรกๆ มีกระแสฮือฮากันมาก บอกว่าลงทุน 10,000 หยวนจะสามารถหารายได้ 30,000 หยวนและเมื่อหลอกล่อให้ลงทุน 10,000 หยวนสำเร็จแล้วก็จะหาเหตุผลต่างๆ ชวนลงทุนมากขึ้น

ในตอนนี้ถ้าไม่ลงทุนต่อไปเรื่อยๆ ก็จะไม่สามารถรับผลตอบแทนจากเงินลงทุนที่ลงไปครั้งก่อนได้และหากยังคงลงทุนเงินไปกับมันต่อไป อาจมีผลตอบแทนสูง บังคับให้ต้องโดนหลอกต่อไปและใช้สิ่งนี้มาเพื่อปลอบใจตนเองว่าไม่ได้ถูกหลอก

เฟิ่งชิงเฉินก็ใช้หลักการนี้ ตอนแรกนางบอกว่ามันสามารถรักษาได้ จากนั้นจึงเกลี้ยกล่อมให้ฮูหยินรองยอมรับการตรวจของนาง หลังจากตรวจเสร็จแล้วจึงค่อยพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด

ในยามนี้หากฮูหยินรองไม่ตกลง การตรวจเมื่อครู่ก็จะเปล่าประโยชน์ ในสายตาของฮูหยินรองแล้ว นางได้ “เสียสละ” ไปมากแล้ว หากนางไม่ยอมรับข้อเสนอของเฟิ่งชิงเฉิน การ “เสียสละครั้งก่อน” ก็จะไม่มีความหมาย

แต่ว่าความแตกต่างระหว่างเฟิ่งชิงเฉินกับนักต้มตุ๋นก็คือนักต้มตุ๋นวางแผนหลอกลวง ผู้เคราะห์ร้ายยิ่งตกลงไปในหลุมพรางจะยิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินพูดจริงทำจริงและ “การเสียสละ” ของฮูหยินรองจะมีผลตอบแทนในไม่ช้า…

พอฮูหยินรองเซี่ยจากไป อวี่เหวินหยวนฮั่วก็มาถึง เมื่อเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็ตะโกนว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำอะไรกับฮูหยินรองตระกูลเซี่ย?”

เขาอยู่กับเฟิ่งชิงเฉิน อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่เคยคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเสียเปรียบ

“เกิดอะไรขึ้น?” เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย

“ข้าเพิ่งเห็นฮูหยินรองเซี่ยรีบวิ่งออกไปราวกับบิน เจ้ามีเรื่องกับตระกูลเซี่ยอีกแล้วเหรอ?” หากเป็นเช่นนั้นต้องยุ่งยากแน่

อืม… หัวของเฟิ่งชิงเฉินมึนงง นางเข้าใจแล้ว ฮูหยินรองเซี่ยนั้นไม่เยือกเย็นเอาเสียเลย เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นไม่สนใจและตอบว่า “ข้าจะทำอะไรกับนางได้ นางมาขอให้ข้ารักษาโรคให้ ข้าเลยรับปากจะรักษาให้นาง”

“เจ้ารับปากแล้ว? จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าไม่ได้เกลียดตระกูลเซี่ยหรือ?” อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลเซี่ยจึงได้กล้าส่งฮูหยินรองมารับการรักษา ทางหนึ่งโจมตีตงหลิงจิ่ว หรือว่าตระกูลเซี่ยไม่รู้หรือว่าเมื่อวานเฟิ่งชิงเฉินบุกเข้าป่าตามลำพังเพื่อตงหลิงจิ่ว

เฟิ่งชิงเฉินเก็บข้าวของเสร็จแล้วก็ปรบมือลุกขึ้นยืนและพูดอย่างชอบธรรม “อวี่เหวินหยวนฮั่ว ที่เกลียดตระกูลเซี่ยเป็นเรื่องส่วนตัวของข้า แต่ในฐานะหมอ ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเกลียดและเลือกผู้ป่วย สำหรับข้า ฮูหยินรองเป็นเพียงผู้ป่วยเท่านั้น อีกทั้งข้ายังสัญญาว่าจะรักษานางตั้งนานแล้ว แม้ข้าจะเกลียดตระกูลเซี่ย แต่เมื่อข้าสัญญาว่าจะรักษาฮูหยินรองแล้วข้าก็ต้องทำให้ได้ นี่เป็นเรื่องของหลักการ”

อวี่เหวินหยวนฮั่วพยักหน้าอย่างไม่เชื่อนัก “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ว่าตงหลิงจิ่วถูกจับตัวไปขังในคุกฟ้าแล้ว” หากรู้ว่าสิ่งนี้เป็นฝีมือของตระกูลเซี่ย เกรงว่านางจะไม่มีทางตกลงรักษาโรคให้ฮูหยินรองแน่

“อะไรนะ?”

ตึง…

เฟิ่งชิงเฉินก้าวถอยหลังและชนเข้ากับชั้นวางของ ขวดที่วางไว้ในช่องร่วงลงไปที่พื้น แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่ได้มองดูแม้แต่น้อย “อวี่เหวินหยวนฮั่ว เจ้าพูดอีกครั้งซิ เจ้าบอกว่าใครถูกจับเข้าคุกฟ้านะ?”

“ตงหลิงจิ่ว เมื่อวานตอนที่ข้าไปส่งเขาที่จวนก็พบราชองครักษ์มาพร้อมกับพระราชโองการ เขายังไม่ทันได้เข้าจวนอ๋องก็ถูกราชองครักษ์จับตัวไปที่คุกฟ้าแล้ว” และนี่คือเหตุผลที่เขามาหาเฟิ่งชิงเฉิน

“แย่แล้ว” ตงหลิงจิ่วแพ้น้ำหอมและยังมีผื่นขึ้นตามร่างกาย

ให้ตายเถอะ!

เฟิ่งชิงเฉินเกลียดใจแคบของนาง ไม่รู้ว่าอยู่ในคุกเขาจะทรมานเพียงใด หากผื่นแตกออกมาและไม่ได้จัดการทันเวลาจะต้องยุ่งยากแน่

สถานที่อย่างคุกฟ้าทั้งสกปรกทั้งยุ่งเหยิง โอกาสในการติดเชื้อก็สูงขึ้น

คราวนี้เฟิ่งชิงเฉินเสียใจมากเสียจนหน้าเขียว

ตงหลิงจิ่วเข้าคุกด้วยความผิดร้ายแรง

“แย่มากจริงๆ เคราะห์คราวนี้เขาคงรอดยาก หลายปีมานี้จักรพรรดิเพ่งเล็งตงหลิงจิ่วและพยายามจับผิดเขาอยู่ น่าเสียดายที่เขาไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมือง เขาปลีกวิเวกไม่ยุ่งกับเรื่องทั่วไป แต่แค่การออกล่าสัตว์ขององค์ชายชุนหยูเพียงครั้งเดียว ไม่คิดถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” สิ่งที่อวี่เหวินหยวนฮั่วกังวลนั้นแตกต่างจากเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินกังวลอย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ส่งผลต่อความกังวลซึ่งกันและกัน

“เกิดอะไรขึ้น อวี่เหวินหยวนฮั่ว เจ้าเล่ามาให้ละเอียด” เฟิ่งชิงเฉินกลับมารู้สึกตัวและหยุดคิดถึงผื่นบนร่างกายของตงหลิงจิ่ว

ช่วยคนออกจากคุกก่อนต่างหากที่สำคัญที่สุด

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท