ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 359
ระหว่างทางที่กลับไป จื่ออันก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่จวนในวันนี้ให้หยวนซื่อฟัง
หยวนซื่อพอได้ยินว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ ก็ตกใจจนหน้าซีด “โอ้สวรรค์ โชคดีที่เจ้าหนีออกมาได้”
เสี่ยวซุนกล่าว “ใช่เจ้าค่ะ โชคดีที่มีสวรรค์คุ้มครอง”
จื่ออันและหยวนซื่อพูดพร้อมกัน “อย่าไปเชื่อเรื่องสวรรค์จะปกป้องคุ้มครองอะไรเช่นนั้น”
แม่นมหยางกล่าว “เสี่ยวซุน หากไม่ใช่เพราะคุณหนูใหญ่ไหวตัวทันและฉลาดเฉลียว วันนี้คงต้องเอาชีวิตไปทิ้งในกองเพลิงนั่นแล้ว”
นางมองไปที่จื่ออัน “คุณหนูใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนเอาคืนเลย ตอนนี้ได้ทำให้มหาเสนาบดีเซี่ยรู้ตัวแล้ว ทั้งยังทำให้ราชสำนักวุ่นวาย อย่างไรเสียเขาก็เป็นมหาเสนาบดีของต้าโจว มีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเขา ดังนั้นเขาจึงยังมีอิทธิพลมากเกินไปนะเจ้าคะ”
จื่ออันมองไปยังนาง “แม่นมหยางโปรดวางใจ ความสามารถในการอดทนอดกลั้นข้ายังมีอยู่ คนที่ข้าเผชิญหน้าด้วยคือมหาเสนาบดีของราชสำนัก หากทำให้เขาล้มลงด้วยเรื่องในครอบครัวได้ ข้าก็คงผลักความรับผิดชอบออกจากตัวมิได้ เพราะได้ทำให้เขาที่เป็นมหาเสนาบดีเสียหน้า มิใช่หรือ? มหาเสนาบดีของราชสำนัก หากไม่ตายอย่างยิ่งใหญ่และงดงาม ก็ต้องตายอย่างน่าอนาถ”
นางไม่รีบร้อนหรอก แม้พวกเขาจะมีเจตนาที่จะฆ่านางอยู่ทุกย่างก้าว ทว่าแต่ละก้าวนางก็สามารถถอดเขี้ยวเล็บของฝ่ายตรงข้ามได้ นางก็ไม่ได้โง่เขลาถึงขนาดที่คิดว่าจะสามารถฆ่าเซี่ยหวายจุนได้ในตอนนี้
นางเองก็ไม่อยากให้มู่หรงเจี๋ยเสี่ยงอันตรายเพื่อนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ สถานการณ์ในตอนนี้ของเขานั้นเลวร้ายกว่าของนางมากนัก
มหาเสนาบดีเซี่ยต้องหมดอำนาจ ซึ่งหมายถึงขั้วอำนาจฝ่ายหนึ่งได้ล่มสลายไป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย
แต่ว่าหากเขาหาเรื่องใส่ตนเอง เช่นนั้นก็จะต่างออกไป
เขาพยายามฆ่านางทุกวิถีทาง เต็มใจลงมือกับลูกสาวแท้ ๆ ได้เช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขารู้แล้วว่าเซี่ยหว่านเอ๋อไม่ใช่ลูกสาวของเขา แต่เขายังลงมือวางเพลิงได้ลง แล้วนางจะให้เขาตายง่าย ๆ ได้อย่างไร?
พอกลับไปถึงจวน ความยุ่งเหยิงภายในจวนยังไม่ถูกเก็บกวาดให้เรียบร้อย แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนางสองแม่ลูก พวกนางทั้งสี่คน ก็เดินกลับไปที่เรือนเซี่ยจื่อหย่วน
จื่ออันจัดแจงที่ให้หยวนซื่อเรียบร้อย แล้วก็เห็นเสี่ยวซุนที่รีบร้อนวิ่งเข้ามา พูดด้วยความตื่นตระหนกตกใจ “คุณหนูใหญ่ กุ้ยหยวนไม่อยู่แล้ว”
ในตอนนี้จื่ออันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ากุ้ยหยวนยังอยู่ที่เรือนเซี่ยจื่อหย่วนเพียงลำพัง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันที สะเพร่าเกินไปแล้ว ลืมกุ้ยหยวนเสียได้
นางไม่ทำตามที่พวกเขาต้องการ จะต้องเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่เป็นคนพาตัวกุ้ยหยวนไปแน่ นางกำลังจะออกไปพอดีก็เห็นป้าหลานยู่เดินเข้ามา
นางมองไปที่จื่ออันอย่างมีชัย “ดึกดื่นถึงเพียงนี้ มิทราบว่าคุณหนูใหญ่จะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?”
จื่ออันจ้องไปที่นาง “เจ้าเป็นคนพาตัวกุ้ยหยวนไปใช่หรือไม่?”
ป้าหลานยู่ยิ้มขึ้นมา “กุ้ยหยวน? เด็กรับใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูนั่นหรือเจ้าคะ? ใช่ บ่าวเป็นคนพาเขาออกไปเอง เป็นคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า กุ้ยหยวนเป็นเด็กรับใช้ในจวน และจวนก็ขาดแคลนคน ตอนนี้เขาก็ไปเก็บกวาดที่สนามหญ้าด้านหน้าแล้ว”
“เขาได้รับบาดเจ็บนะ” จื่ออันกล่าวอย่างเย็นเยียบ
ป้าหลานยู่ยิ้มเย้ยหยัน กล่าวเหยียดหยามออกไป “บ่าวที่ไหนจะมีความสำคัญเช่นนี้? ก็แค่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย บ่าวรับใช้ที่ป่วยไม่ว่าใครก็ต้องรับใช้พวกท่านที่เป็นเจ้านายมิใช่หรือ? จะว่าไปคุณหนูใหญ่นี่ก็ช่างเป็นห่วงบ่าวรับใช้เสียจริง หากท่านมีความเมตตากรุณาเช่นนี้จริง ก็คงจะไม่เย็นชาใจร้ายต่อท่านย่า และท่านพ่อของตนเองอย่างนี้หรอก”
“ไม่ต้องมาพูดจาเหลวไหลกับข้า ข้าต้องการไปรับกุ้ยหยวนกลับมา เจ้าไปบอกฮูหยินผู้เฒ่า มีเรื่องอันใดก็ให้มาคุยกับข้าโดยตรงก็พอ”
แม่นมหยางก็เดินเข้ามาพูดสมทบ “ใช่ พวกเจ้าทำให้บ่าวรับใช้คนหนึ่งต้องลำบากแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา?”
ป้าหลานยู่เหลือบมองแม่นมหยาง แล้วตอบกลับอย่างประชดประชัน “เอ๋ แม่นมหยางนี่เอง ท่านคือแม่นมอาวุโสในวังนี่ เคยรับใช้ฮองเฮาในวัง ก็น่าจะเข้าใจได้ว่ากุ้ยหยวนถูกขายให้กับทางจวนมหาเสนาบดีแล้ว ตอนนี้สัญญาทาสก็ยังไม่หมดอายุ ทางจวนให้เขาไปทำงาน มีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องหรือ?”
แม่นมหยางพูดไม่ออก ที่นี่เป็นสถานที่ที่ไร้ซึ่งเหตุผลจริง ๆ