ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 402
จื่ออันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางอยากจะให้มีสักคนที่มาจากยุคเดียวกับนางจริง ๆ ถึงแม้คนผู้นั้นจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำก็ตาม
พูดถึงเรื่องย้ำคิดย้ำทำ นางก็มองไปที่อ๋องหลี่ “จริงสิ ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านเคยไปพบจิตแพทย์บ้างหรือไม่? ข้าเคยได้ยินทางวิทยุว่าโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้”
พูดถึงเรื่องจิตแพทย์ วิทยุ โรคย้ำคิดย้ำทำซึ่งเป็นศัพท์ในปัจจุบันขึ้นมาในคราเดียว หากเขาทะลุมิติมาจากยุคปัจจุบันก็น่าจะเข้าใจ?
ครั้งนี้เขาไม่ตอบออกมาในทันที สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
จื่ออันที่เห็นว่าอ๋องหลี่ไม่ค่อยจะสนใจนาง ก็เลยเริ่มร้องเพลง “บุรุษที่คล้องม้าอยู่ในใจข้า ข้าหลอมละลายลงที่อกกว้าง ๆ ของท่าน…”
อ๋องหลี่เงยหน้าขึ้น เหลือบมองจื่ออัน มีรอยย่นระหว่างคิ้วดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้ว แต่ก็ยังไม่พูดอะไรเช่นเดิม
จื่ออันกัดฟัน ไม่รู้จักการคล้องม้า? หรือว่าจะเป็นคนในยุคสงคราม?
นางนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขับร้องบทเพลงแม่น้ำฮวงโหออกมาทันที “พี่สามจาง ขอถามท่าน บ้านเกิดท่านอยู่ที่ใด? บ้านของข้าอยู่ที่ส่านซี ข้ามแม่น้ำไปสามร้อยลี้…”
ใบหน้าของอ๋องหลี่กระตุกอยู่สองสามครั้ง แล้วก็เงยหน้าขึ้นทันที ชี้ไปที่จื่ออัน จากนั้นก็สั่งต้าจิน “กัดนาง!”
เดิมทีต้าจินก็กำลังกัดกระดูกอยู่ ทว่าจื่ออันที่ร้องเพลงก่อนหน้านี้ ก็ทำให้มันโงหัวขึ้น แยกเขี้ยวเห่าขึ้นมา แล้วกระโจนไปหาจื่ออัน
“ซวยแล้ว…” จื่ออันเร่งฝีเท้าวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าต้าจินก็ยังไล่ตามจื่ออันไปอย่างไม่ลดละ คนจะวิ่งได้เร็วกว่าสุนัขได้อย่างไร? ทว่าคนปีนต้นไม้ได้ สุนัขทำไม่ได้
อีกนิดเดียวต้าจินก็จะถึงตัวจื่ออันแล้ว แต่ในเวลานั้นเองที่จื่ออันปีนขึ้นไปบนต้นไทรอย่างคล่องแคล่วว่องไว อีกทั้งฮึดใจเดียวก็ปีนขึ้นไปถึงง่ามไม้ หายใจหอบอย่างรุนแรง
ต้าจินเห่าอยู่ข้างล่าง ดูดุร้ายเป็นอย่างมาก
ในขณะที่เฉินหลิวหลิ่วกำลังหอบสุราเดินออกมานั้น ก็มองเห็นจื่ออันอยู่บนต้นไทรกับต้าจินที่เผชิญหน้ากับนาง อีกทั้งอ๋องหลี่ยังถือแซ่ไว้ในมือ ยืนอยู่บนขั้นบันไดหินตรงศาลา แสงแดดลอดผ่านใบไม้ลงมา กระทบในดวงตาเขา ใบหน้าที่หล่อเหลายังคงดูไร้ความรู้สึกเช่นเคย แต่สีหน้าท่าทางดูค่อนข้างจะไม่พอใจเล็กน้อย
จื่ออันกล่าวอ้อนวอน “ท่านอ๋องหม่อมฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าถือสาหาความหม่อมฉันเลยนะเจ้าคะ ยกโทษให้หม่อมฉันสักครั้งด้วยเถิด”
สถานการณ์บีบบังคับ จำเป็นต้องทำเสียงอ่อน
อ๋องหลี่กล่าวอย่างโมโห “เมื่อครู่นี้ที่เจ้าร้องเพลงแรก ยังไม่ทันร้องจนจบเลย เหตุใดถึงร้องเพลงที่สองขึ้นมาเล่า?”
“หืม?” จื่ออันชะงักไปเล็กน้อย
“เจ้าร้องเพลงแรกให้จบเลย” หากร้องไม่จบ เขาจะรู้สึกไม่สบายใจ หลอมละลายที่อกของท่าน? กล้ามเนื้อหน้าอก? หรือแค่อก?
โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคจิต
จื่ออันได้แต่ร้องเพลงนั่นจนจบ จากนั้นอ๋องหลี่ก็ให้นางร้องเพลงที่สองจนจบอีก ถึงจะดึงต้าจินออกไป
ตอนที่จื่ออันโรยตัวลงมา น่องขานั้นอ่อนแรงมาก
เฉินหลิวหลิ่วหัวเราะตัวงอ จนเกือบจะทำไหสุราหอมหมื่นลี้ร่วงแล้ว
อ๋องหลี่จูงต้าจินไว้ พูดกับจื่ออันอย่างจริงจัง “ต่อไปอย่าเสียมารยาทเช่นนี้อีกนะ”
“ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้วเพคะ” จื่ออันรีบกล่าวขอโทษ
เคยเห็นผีไหนเลยจะไม่กลัวความมืด? ไม่รู้จริง ๆ ว่าตนเองบ้าดีเดือดมาจากไหน ถึงกล้าไปหยั่งเชิงว่าเขาเป็นคนในยุคปัจจุบันหรือไม่
เป็นไปได้ว่า ตอนนั้นที่เขาพูดไม่ใช่คำว่า ช็อก นางอาจจะฟังผิดไป
ตามนิสัยใจคอของเขาแล้ว ถึงแม้จะเป็นคนในยุคเดียวกัน ก็คงจะไม่เห็นอกเห็นใจนางหรอก สู้ไปสนิทสนมกับคนโบราณอย่างเฉินหลิวหลิ่วกับจ้วงจ้วงยังจะดีกว่า
แม้กระทั่งจิ้นกั๋วกง ยังดูเป็นมิตรมากกว่าเขานัก
หลังจากที่ออกจากจวนมาขึ้นรถม้าแล้ว เฉินหลิวหลิ่วก็ยังคงหัวเราะอยู่ “จื่ออัน ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงไปร้องเพลงให้อ๋องหลี่ฟังล่ะ? นอกจากชอบฟังคนอื่นร้องเพลงเขาก็ไม่มีงานอดิเรกอื่นเลยนะ แต่ว่าไม่มีใครชอบร้องให้เขาฟัง เขาให้ร้องซ้ำ ๆ ร้องจนคนร้องแทบจะบ้าตาย”