ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 476
นางเองเชื่อว่า ในการหลอกใช้ครั้งนี้ มีกี่ส่วนที่เป็นความรู้สึกจริง ๆ อยู่
จื่ออันไปยังจวนท่านอ๋อง ในตอนที่ฝังเข็มนั้นเหมือนกับมีบางอย่างที่นึกไม่ออก จึงเริ่มจากมือของหนี่หรง
หนี่หรงเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น จากนั้นจึงได้เอ่ย “ถึงแม้ทุกคนจะรู้สึกว่าไม่ใช่ผู้ป่วยโรคผีดิบที่กัดข้า แต่ในใจข้ามักจะรู้สึกว่าใช่ เพราะว่ากลิ่มเหม็นนั้น ข้าทั้งชาตินี้ก็ไม่มีวันลืม”
จื่ออันเอ่ยถาม “ข้าขอดูแผลของเจ้าได้หรือไม่?”
หนี่หรงเอ่ย “แน่นอนว่าได้ แต่ว่าตอนนี้แผลเป็นนั้นจางลงไปมากแล้ว”
แผลเป็นนั้นจางลงไปมากแล้วจริง ๆ สามารถเอ่ยได้ว่ารอยแผลเป็นนั้นจางลงไปอย่างรวดเร็ว ที่ ๆ มีรอยฝันนั้นตกสะเก็ดเป็นสีดำ เหมือนกันกับสีของน้ำหมึกอย่างไรอย่างนั้น จื่ออันใช้เข็มจิ้มลงไปเล็กน้อย “เจ็บหรือไม่?”
“ไม่เจ็บ ไม่มีความรู้สึกอันใดเลย”
จื่ออันเอ่ยถาม “เจ้าลองนึกดูอีกครั้งหนึ่งสิว่า ผู้ที่กัดเจ้าเป็นเช่นไร”
“ข้ามองรูปลักษณ์เขาไม่ชัดเจนนัก แต่ว่าข้าเห็นดวงตาของเขาแดงก่ำ ยังมีกลิ่นเหม็นบนใบหน้า ล้วนแต่เหมือนกับผู้ป่วยโรคผีดิบนัก”
“ข้าจำได้ว่าเจ้าในตอนที่กลับมานั้น บอกว่ามึนศีรษะ นอกจากอาการมึนศีรษะแล้ว ยังจะมีอาการอะไรอีกหรือไม่?”
“ใจเต้นเร็วมากขอรับ จิตใจรู้สึกประหวั่นพรันพรึง และยังมีอาการคอแห้ง อยากจะดื่มน้ำเป็นอย่างมาก”
“ในตอนนั้นที่เจ้ากำลังโดนพิษ ข้าหลังจากนั้นก็เลยใช้น้ำเกลือเข้าไปล้างท้องให้แก่เจ้า” จื่ออันคิดอยู่ครู่นึง ในตอนนั้นเมื่อเขาโดนกัดนั้น ไม่อาจที่จะแสดงอาการออกมาในทันทีทันใดได้ เพราะฉะนั้น อาการมึนศีรษะและจิตใจประหวั่นพรันพรึงนี้เป็นเพราะว่าโดนพิษเข้า เขาใช้สมุนไพรที่มีพิษเข้าไป
ระยะรอคอยของอาการโรคนี้ไม่ควรที่จะใช้เวลานานนัก จนถึงตอนนี้หนี่หรงยังไม่มีอาการใดแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้โดนผู้ป่วยโรคผีดิบกัดเข้า
แต่ว่าคนผู้นั้นที่เขาเอ่ยอธิบายออกมา กลับเหมือนกับผู้ป่วยโรคผีดิบเป็นอย่างมาก
จื่ออันชั่วขณะนั้นพบว่าเบาะแสที่พบนั้นก็ไม่มีเสียแล้ว จึงไม่รู้ที่จะเริ่มลงมือจากที่ใดดี
“ท่านอ๋องเล่า?” จื่ออันเอ่ยถาม
หนี่หรงเอ่ยตอบ “ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องประชุมภายในวังมาโดยตลอด ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นมา พระองค์ก็ยังไม่ได้หยุดพักเลย”
“เจ้าไม่ต้องติดตามอยู่ข้างกายเขาหรอกหรือ?” จื่ออันพบว่าหนี่หรงนั้นเกินกว่าครึ่งจะติดตามอยู่ข้างกายของมู่หรงเจี๋ย แต่วันนี้กลับไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายเขา
หนี่หรงเอ่ยออกมา “ไม่ได้ติดตาม ท่านอ๋องสั่งให้ข้าไปยังนอกเมืองเพื่อดูแลหวางหยู แล้วให้ท่านแม่ทัพซูรีบเร่งกลับมายังเมืองหลวง”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี้เอง ถ้าอย่างนั้นก็ดี ข้ากลับไปก่อนแล้ว เจ้าเองก็ลองคิดดูให้ดี ๆ ว่ายังมีรายละเอียดส่วนใดที่ยังไม่ได้บอกข้ากัน หากว่านึกขึ้นได้ ให้รีบมาบอกข้า”
“ตกลงขอรับ” หนี่หรงส่งจื่ออันกลับออกไป
เพิ่งจะนั่งรถม้ามาถึงตรอกถนน ก็พบมู่หรงเจี๋ยขี่ม้ากลับมา
เขาแสดงออกมาว่ามีเรื่องหนักอกหนักใจอยู่ จึงไม่ทันได้สังเกตถึงรถม้าของจื่ออัน จื่ออันเดิมนั้นต้องการที่จะเรียกเขาเอาไว้ แต่เมื่อพบว่าสีหน้าเขาดูซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ ดูแล้วภายในใจคงจะวุ่นวายยุ่งเหยิงจนถึงขีดสุดแล้ว จึงไม่อยากที่จะรบกวนเขาอีก ให้เขาได้กลับไปพักผ่อนเสียหน่อย
เซียวท่าเองก็เร่งตามมาด้านหลัง แต่เขานั้นมองเห็นรถม้าของจื่ออัน จึงได้ขี่ม้ามาเอ่ยกับมู่หรงเจี๋ยที่อยู่ด้านหน้าว่า “ท่านหมอเซี่ย”
มู่หรงเจี๋ยหันหลังกลับไปมอง “อืม!”
“ท่านจะไม่เรียกนางกลับมาหรือ?” เซี่ยวท่าเอ่ยถาม
“ไม่ล่ะ เซียวท่า เจ้าไปบอกกับนาง ให้นางในช่วงระยะเวลานี้หาข้ออ้างออกจากเมืองหลวงไป” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา
“ทำไมกัน? พวกเราในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการใช้คน” เซียวท่าเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “อีกทั้ง นางมีทักษะทางการแพทย์ สูงยิ่งกว่าหมอหลวงเสียอีก”
“เจ้าสามารถคิดได้ ผู้อื่นจะคิดไม่ได้หรือ? นางมีทักษะทางการแพทย์ แต่ว่าเจ้าเองก็พบว่านางสำหรับโรคผีดิบประเภทนี้นั้นก็ไม่มีวิธีการเช่นกัน” มู่หรงเจี๋ยใบหน้าดูมืดมนเอ่ยออกมา
แสดงออกมาว่าเขานั้นไม่ชอบใจที่จะให้ผู้อื่นเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยจื่ออันมีทักษะทางการแพทย์ วันนี้เขาได้พบกับเบาะแสการสมคบคิดบางอย่างเข้าแล้ว และการสมคบคิดนี้ อาจจะนำนางเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็เป็นได้