ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 479
จื่ออันรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลมู่หรงนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว และมันกำลังโอบล้อมอยู่ในหัวของมู่หรงเจี๋ย หากว่าเขาไม่มีวิธีที่จะควบคุมโรคระบาดนี้ได้โดยเร็วแล้วล่ะก็ ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดินี้ของเขาก็คงจะถึงคราวสิ้นสุดกันแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้น สถานการณ์ในราชสำนักก็จะโกลาหลขึ้น
ราชสำนักโกลาหล ก็จะนำไปสู่ความโกลาหลภายในประเทศ เมื่อถึงตอนนั้น ผู้ที่มีอำนาจและป่าเถื่อนก็พร้อมที่จะบุกเข้ามา
อีกทั้งการแพร่ระบาดทั้งสามแห่งนี้ ยังไม่ถึงจุดสูงสุด เมื่อเกิดการแพร่ระบาดจนไม่อาจที่จะควบคุมได้แล้ว ก็จะมีโอกาศที่จะแพร่ระบาดไปทั่วทุกท้องที่ ในตอนนั้น มู่หรงเจี๋ยต่อให้เก่งเพียงใด ก็ไม่อาจที่จะควบคุมไม่ให้สถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้นได้แล้ว
จื่ออันกุมมือเขาเอาไว้ และไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี จึงทำได้แต่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “มันจะผ่านไป ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีทางแก้ไข”
มู่หรงเจี๋ยจ้องมองมายังนาง “เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป พรุ่งนี้รีบเร่งออกจากเมืองหลวงไป ไม่งั้น เจ้าเมื่อถูกผู้อื่นหลอกใช้ เข้ามาในวังวนนี้แล้ว ข้าก็จะถูกผู้อื่นควบคุมได้ตลอดเวลา”
จื่ออันรู้ถึงความกังวลของเขา อีกทั้งเรื่องราวในครั้งนี้ ต่อให้ใช้หัวเข่าคิดก็สามารถคิดได้ สุดท้ายแล้วจะต้องพาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
“ตกลง ข้าพรุ่งนี้จะออกเดินทาง” จื่ออันเอ่ยรับปากออกมา
แต่ว่านางนั้นไม่วางใจเอาเสียจริง เมืองหลวงเกิดโรคระบาดขึ้นเยี่ยงนี้ เขาจะสามารถรับมือกับมันได้หรือ?
ทั้งสองคนจับมือกันอย่างแน่นหนา แต่กลับไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา
ประเทศชาติเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เรื่องที่หญิงสาวอย่างนางจะสามารถเข้าไปแทรกแซงได้
เพียงแค่หวังว่า อย่าได้เป็นตัวถ่วงของเขาก็พอแล้ว
เมื่อทั้งสองมาถึงยังเรือนหลังเล็กนอกเมืองนั้น ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ จากด้านในลอยออกมา
มู่หรงเจี๋ยและจื่ออันมองสบตากัน เร่งฝีเท้าเข้าไปด้านใน
พบกับหนี่หรงและพี่สะใภ้ใหญ่หวางพุ่งตัวออกมาจากด้านใน ทั้งสองคนสีหน้าตื่นตกใจกลัว และทหารรักษาการณ์ที่นี้ที่คอยอารักขาอยู่ก็พุ่งเข้าไปด้านใน ส่งเสียงเข้มออกมา
เมื่อทั้งสองคนมองเห็นหนี่หรงและพี่สะใภ้ใหญ่หวังนั้นบนหลังมีหยดเลือดเป็นรอยฝันอยู่ ในใจก็มืดมนลง
“พระเจ้า!” จื่ออันตื่นตกใจ “เขาฟื้นขึ้นมาแล้วหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยรีบร้อนพุ่งเข้าไปด้านใน
นี่มันเป็นไปไม่ได้ นางฝังเข็มหยุดเส้นชีพจรของเขาเอาแล้วแท้ ๆ เขาก็ได้เข้าสู่สถานการณ์เป็นนิทราแล้ว ไม่มีทางที่จะฟื้นขึ้นมาได้
หนี่หรงใบหน้าซีดขาว เดินไปยังริมน้ำแล้วนำมือที่มีบาดแผลจุ่มลงไปล้างทำความสะอาด กายเขาสั่นเล็กน้อย แสดงออกให้เห็นว่าเขากำลังกดข่มความกลัวของตนเอาไว้
พี่สะใภ้ใหญ่หวางนั่งลงบนพื้น ปล่อยให้เลือดสดไหลรินออกมา
จื่ออันเดินเข้าไปหานาง แล้วจึงลากนางไปยังริมน้ำเพื่อทำความสะอาดบาดแผล
มู่หรงเจี๋ยลากหวางหยูออกมามัดเอาไว้อีกครั้ง แล้วจึงผลักเข้าไปในกรงเหล็ก ใช้เข็มวางยาสลบเขาไว้ในทันที
ด้านในยังมีองครักษ์อีกนายหนึ่งที่โดนกัด อักทั้งยังโดนกัดอย่างแรง จนทำให้ใบหูข้างนึงหลุดหายไป เลือดค่อย ๆ ไหลเป็นทางออกมา
จื่ออันโชคดีนักที่พกกล่องยามาด้วย จึงช่วยพวกเขาจัดการกับบาดแผล
ในสถานที่นั้นไม่มีเสียงใดดังออกมาเลย เงียบเสียจนน่าหวาดกลัว
ทั้งสามคนที่อยู่ที่นี้นั้น ล้วนแต่รอคอยที่จะตายไปเสีย
มู่หรงเจี๋ยช่วยตรวจสอบบาดแผลให้แก่หนี่หรง หนี่หรงและพี่สะใภ้ใหญ่หวางนั้นโดนกัดที่มือ บาดแผลไม่ลึกนัก แต่ก็มีเลือดสดไหลออกมา
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่เป็นอันใด!” หนี่หรงเอ่ยออกมา แต่น้ำเสียงนั้นกลับสั่นไหว
มู่หรงเจี๋ยนั้นใบหน้าไม่ได้แสดงอันใดออกมา เขาพลิกมือหนี่หรงไปมาเพื่อตรวจสอบดู จากนั้นก็ไม่หยุดที่จะใช้น้ำล้างทำความสะอาดล้างจนกระทั่งมือของหนี่หรงซีดขาว
พี่สะใภ้ใหญ่หวางในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา “แม่สามีบ้านข้าจะทำอย่างไรดี? นางมองไม่เห็นแล้ว ต่อไปจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน?”
จื่ออันได้ฟังจนในใจนั้นโศกเศร้ายิ่งนัก น้ำตาใกล้ที่จะไหลออกมา
นางไม่มีวิธีที่จะรักษาพิษไข้ประเภทนี้ และก็หมายความว่านางไม่มีวิธีที่จะช่วยคนเหล่านี้ไว้