ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 502
“หากว่าไม่ใช่คนของกรมอาญาแล้ว ผู้ใดจะสามารถอ่านข้อกฎหมายได้?” หวงไท่โฮ่วจึงได้วางใจลงได้
เป็นดั่งคำที่นางเอ่ยออกมา นางนั้นไม่ได้สนใจว่าเซี่ยจื่ออันนั้นจะเป็นหรือตาย นางเพียงแต่กังวลว่ามู่หรงเจี๋ยจะพลาดความสุขในชีวิตไป
นางรู้ดีว่าอาเจี๋ยนั้นทุ่มเทไปมากเพียงใดเพื่อราชวงศ์ต้าโจว จึงอดไม่ได้ที่ร้องเรียกเขาด้วยความรู้สึกผิด
พระราชโองการก็ประทานลงมาเยี่ยงนี้ มหาเสนาบดีเซี่ยเซ็นชื่อและประทับลายนิ้วมือ ใช้ตำแหน่งของเขาและชีวิตของเซี่ยจื่ออันมาเป็นประกัน ภายในครึ่งเดือนนี้ หากว่าเซี่ยจื่ออันไม่มีวิธีที่จะออกใบสั่งยาเพื่อควบคุมโรคนี้แล้ว ก็จะต้องทำตามในพระราชโองการนี้
หลังจากที่ราชการเสร็จสิ้นแล้ว มหาเสนาบดีเซี่ยจึงได้หยุดราชครูเหลียงเอาไว้
ใบหน้าเขาดูมืดมนลง “ราชครู นี่หมายความว่าอย่างไรกัน? ข้านั้นคิดว่า พวกเราก่อนหน้านั้นต่างก็พูดคุยกันดีแล้ว จิ้นกั๋วกงเอ่ยเรื่องนี่ออกมา ข้าจะใช้ชีวิตของเซี่ยจื่อเพื่อขอพระราชโองการ ท่านให้องค์รัชทายาทลากข้าไปด้วยเพื่ออะไรกัน?”
ราชครูนั้นใบหน้าดูรู้สึกผิด “มหาเสนาบดีเซี่ยเข้าใจผิดแล้ว ข้านั้นไม่ได้มีความหมายเช่นนี้เป็นแน่ ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะองค์รัชทายาททรงเอ่ยออกมาด้วยความสับสน ข้ากลับไปจะต้องเอ่ยเตือนองค์รัชทายาทเป็นแน่”
มหาเสนาบดีเซี่ยจ้องมองมายังเขา แม้แต่คำเดียวก็ไม่เชื่อ องค์รัชทายาทนั้นไม่มีทางที่จะทรงเอ่ยออกมาเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผล ความจริงแล้ว ทุกคนต่างก็รู้กันดี องค์รัชทายาทนั้นเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของราชครูเหลียงเท่านั้น ราชครูให้เขาเอ่ยอันใดออกมา เขาก็จะเอ่ยเช่นนั้นออกมา ราชครูให้เขาทำอะไร เขาก็ทำเช่นนั้น
โดนเฉพาะเรื่องใหญ่เช่นนี้ หากว่าไม่มีราชครูที่คอยชี้แนะ เขาจะเอ่ยคำเยี่ยงนี้ออกมาได้อย่างไรกัน?
“ราชครู มีบางเรื่องที่พวกเราในใจนั้นต่างก็รู้กันดี” มหาเสนาบดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ราชครูเหลียงตบลงไปบนบ่าของเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มหาเสนาบดีเซี่ยอย่าได้กล่าวโทษกัน และอย่าได้โกรธเคือง ในเมื่อเป็นเพราะองค์รัชทายาทที่ผิดคำพูดไป ข้าและฮองเฮานั้นจะต้องช่วยมหาเสนาบดีเซี่ยปกป้องตำแหน่งนี้เอาไว้อย่างสุดความสามารถ”
มหาเสนาบดีเซี่ยนั้นภายในใจโกรธเกลียดเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าราชครูเหลียงนั้นใช้วิธีการนี้เพื่อมาเตือนเขา ยับยั้งเขา หากว่าเขายอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้ว แน่นอนว่าจะต้องสามารถรักษาตำแหน่งมหาเสนาบดีนี้เอาไว้ได้
เป็นดั่งที่ว่าไว้ ก่อนที่ราชครูเหลียงจะจากไปนั้น เขาเอ่ยออกมาราวกับไม่ได้ตั้งใจ “ใช่แล้ว ได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนมหาเสนาบดีมักจะไปมาหาสู่กันกับกุ้ยไท่เฟยบ่อย ๆ กลับไปช่วยข้าเอ่ยฝากกับนางสักคำ ครั้งหน้าหากว่าพบกับกุ้ยไท่เฟยแล้ว ช่วยข้าทักทายนางเสียหน่อย”
มหาเสนาบดีเซี่ยจ้องมองด้านหลังของเขา กัดฟันออกมาด้วยความเกลียดชัง เขาในที่สุดก็เข้าใจแล้ว
จวนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ
“กุ้ยไท่เฟย มีข่าวดีแล้วขอรับ มหาเสนาบดีเซี่ยได้เอ่ยต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งหลาย ใช้ชีวิตของเซี่ยจื่ออัน และตำแหน่งของเขาขอให้ประทานคำสั่งทหารลงมา บอกว่าภายในครึ่งเดือนนี้ เซี่ยจื่ออันจะต้องศึกษาวิธีรักษาโรคระบาดนี้ออกมาให้ได้ขอรับ” อาฝูรีบร้อนกลับมาเอ่ยรายงานแก่กุ้ยไท่เฟย
กุ้ยไท่เฟยนั่งอยู่ตรงระเบียง ในมือถือหนังสือเอาไว้ เมื่อได้ฟังคำของอาฝูรายงานแล้ว สายตาเผยแววเฉยเมยออกมา “เอะอะโวยวายทำไมกัน? นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้นหรือ?”
อาฝูแววตาเผยยิ้มออกมา “ใช่ขอรับ เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าบ่าวเดินนั้นคิดว่าท่านอ๋องจะไม่เห็นด้วย คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องกลับเห็นด้วยเสียนี่”
กุ้ยไท่เฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เขาจะต้องเห็นด้วย เจ้าคิดว่าเขาจะไม่มีใจคิดทะเยอทยานกันหรืออย่างไร? ความทะเยอทยานของเขานั้นมิใช่ในตำแหน่งจักรพรรดิ แต่เป็นในชื่อเสียง ตอนนี้ชาวบ้านต่างก็ประหวั่นพรันพรึงกัน ผู้คนต่างก็พากันกล่าวโทษเขา หากว่าเขาไม่เดินตามแผนการนี้แล้ว จะกดข่มความโกรธเกลียดของราษฎรได้อย่างไรกัน?”
แต่ว่าครั้งนี้ใช้ชีวิตของเซี่ยจื่ออันเป็นประกันเชียวนะขอรับ”
กุ้ยไท่เฟยยังคงยิ้มเย็นต่อไป “หญิงสาวนั้น สำหรับเขาจะมีค่าอันใดกัน? เขาเมื่อใดกันที่เอาหญิงสาวเก็บไว้ในใจ? เพียงแค่ก่อนหน้านั้นแสร้งทำเป็นว่ามีคุณธรรมสูงส่ง คิดว่าตนเองนั้นเปี่ยมไปด้วยความชอบธรรม แต่เมื่อถึงสุดท้ายแล้ว มิใช่ว่าผลักให้ว่าที่พระชายาของตนไปตายหรอกหรือ?”