ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 583
ส่วนทางด้านของเรือนชิงหนิงนั้น รับรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่ออาฝูเข้ามาบอกว่าเจ้าสาวคือเซี่ยจื่ออันนั้น กุ้ยไท่เฟยไม่ส่งเสียงใดออกมา นางสีหน้าซีดขาว
สถานะของเจ้าสาวที่ถูกปิดบังมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ถึงได้เปิดเผยออกมา ไม่มีอะไรนอกเสียจากป้องกันคนคนหนึ่ง และคนคนนี้ก็คือนางนั่นเอง
ไท่หวงไท่โฮ่วต้องการจะป้องกันนาง นี่หมายความว่า ถึงแม้ว่านางจะอยู่ไกลไปถึงผู้เขาอันเยือกเย็นแล้ว ก็ยังคงเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งอย่างในเมืองหลวง
ทุกการกระทำของตนเอง เกรงว่าคงจะปิดบังนางเอาไว้ไม่ได้
ความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้ หลายปีก่อนหน้านั้น นางเองก็เคยพบเจอมาก่อนแล้ว
พลังอำนาจมีมากในราชวงศ์ โดยเฉพาะตระกูลที่มีอายุร้อยปีเหล่านั้น ล้วนแต่ติดตามอยู่กับนาง ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้อยู่ในอาราม ไม่ได้อยู่ในวัง แต่ว่าอิทธิพลของนางก็ยังคงอยู่
แม่มดเฒ่าที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมตาย
นางไม่คิดที่ต่อต้านอะไรในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่ว่านางจะทำอย่างไร วันนี้ก็ล้วนแต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยายแม่มดเฒ่านั่น
นางแต่งหน้าเล็กน้อย แล้วออกไปพร้อมกับอาฝูที่ประคองเอาไว้
นางเดินออกไปไม่แม้แต่จะหันกลับ เดินไปถึงหน้าพระพักตร์ของไท่หวงไท่โฮ่ว เมื่อเงยหน้าขึ้น เพื่ออยากจะสบพระเนตรของไท่หวงไท่โฮ่ว ทว่าเพียงสบสายตาเล็กน้อยเท่านั้น ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งกาย สายตาคู่นั้นราวกับถูกดับด้วยน้ำแข็ง
พลังความแข็งแกร่งที่เสแสร้งอยู่นั้น ทันใดนั้นก็หายวับไป นางคุกเข่าลง “หม่อมฉันคารวะไท่หวงไท่โฮ่ว”
ไท่หวงไท่โฮ่วไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา และก็ไม่ได้ให้นางลุกขึ้นมา เพียงแต่ใช้สายตาจ้องมองไปยังนาง
หวงไท่โฮ่วตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และคิดจะเอ่ยเตือนให้ไท่หวงไท่โฮ่วเรียกให้นางลุกขึ้นยืน ซุนกงกงที่อยู่ด้านหลังคว้าแขนนางเอาไว้ โบกมือส่งสัญญาให้นางไม่ต้องส่งเสียงออกมา
หลังจากผ่านไปนาน ไท่หวงไท่โฮ่วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลุกขึ้นเถิด”
กุ้ยไท่เฟยโขกศีรษะคำนับ “ขอบพระทัยไท่หวงไท่โฮ่ว!”
นางลุกขึ้นยืน ขาทั้งสองแทบจะยืนอยู่ไม่มั่นคง ดูอ่อนแรงอย่างมาก เสื้อผ้าด้านหลังเปียกชื้นจนแนบติดหลัง ทำให้นางรู้สึกได้ราวว่ามีแสงสว่างติดอยู่กับแผ่นหลังของนาง
กุ้ยไท่เฟยรู้ได้ในทันทีว่า หากไท่หวงไท่โฮ่วกลับมาแล้ว แผนการต่าง ๆ ของนางก็คงจะพังทลายลง
การรับรู้นี้ ทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาวะเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง หลายปีมานี้ที่นางไม่เคยคิดจะยอมแพ้ ไม่ว่าจะพบกับแรงต้านทานมากเพียงใด นางไม่เคยมีความคิดที่จะยอมแพ้มาก่อน ทว่าในนาทีนี้ นางกลับมีความคิดที่จะยอมแพ้ เพราะนางรู้ว่า หากว่าแม่มดเฒ่ายังไม่จากไป นางไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
นางได้นึกย้อนไปถึงกลอุบายไร้เลือดของแม่มดเฒ่า
ทางด้านนี้แข่งขันกันทางด้านพลังอำนาจ ทางด้านอภิเษกนั้นก็ครื้นเครงขึ้นมา
ภายใต้การโห่ร้องของเซียวท่าและเฉินหลิวหลิ่ว มู่หรงเจี๋ยแบกจื่ออันเอาไว้บนหลัง แล้วเดินออกจากห้องปีก จากนั้นประทัดก็ถูกจุดดังขึ้น ในขณะที่เขาแบกเจ้าสาวเอาไว้ กรมกิจการภายในจัดเตรียมกองเกียรติยศเพื่อบรรเลงดนตรี คนรุ่นเยาว์ต่างก็พากันมาที่แห่งนี้ เพื่อชมดูงานแต่งงานที่ไม่ธรรมดานี้
มู่หรงเจี๋ยเดินออกไป ทุกคนก็พากันตามออกไป มู่หรงจ้วงจ้วงยืนอยู่ตรงระเบียงด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม มองไปยังมู่หรงเจี๋ยที่ไกลออกไปด้วยรอยยิ้มราวดอกไม้ แต่กลับมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาของนาง
นางเองก็เคยฝันถึงภาพการเป็นเจ้าสาวมาแล้วครั้งหนึ่ง
เซียวเซียวหันมองกลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว ดวงตาของทั้งสองคนจับจ้องอยู่กันกลางอากาศ
ในใจของเซียวเซียวเจ็บปวดขึ้นมา แล้วรีบหันสายตาตามกลุ่มคนไปอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นมืดมิด และการกราบไหว้ฟ้าดินในช่วงพลบค่ำก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เหลียงซื่อที่ทำหน้าที่เป็นซี่เหนียงชั่วคราวก็ร้องตะโกนออกมา มู่หรงเจี๋ยและเซี่ยจื่ออันคำนับฟ้าดิน จากนั้นก็คำนับบรรพบุรุษ
ไท่หวงไท่โฮ่ว หวงไท่โฮ่ว กุ้ยไท่เฟย หยวนฉุ่ยยวี่ ทั้งสี่คนต่างพากันรับการคำนับ เดิมทีนั้นหัวหน้าครอบครัวที่เป็นสตรีนั้นไม่ควรที่จะได้รับการคำนับ ทว่าไท่หวงไท่โฮ่วบอกว่าวันนี้ไม่มีข้อห้ามนี้
กุ้ยไท่เฟยเองก็เผยยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่ดูแข็งค้าง
หลังจากที่คำนับบรรพบุรุษเรียบร้อยแล้ว เหลียงซื่อมองไปยังทั้งสองคน จึงเอ่ยออกมาสั้น ๆ ว่า “สามีภรรยาคำนับกัน!”
ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน ผ้าคลุมสีแดงที่ปิดบังศีรษะของจื่ออันเอาไว้ ปิดบังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดีของนางไว้ ร่างกายโค้งลงเล็กน้อย การคำนับนี้ คำนับออกไปด้วยความยินดี
หลังจากที่คำนับเสร็จแล้ว เหลียงซื่อเอ่ยออกมา “พิธีสำเร็จ ส่งตัวเข้าห้องหอ!”
เสียงขลุ่ยดังขึ้นอย่างครื้นเครง ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยความสุขที่อบอวล
ทุกคนล้วนแต่ยิ้มออกมา อย่างยากที่จะบรรยายถึงความสุขได้ ไท่หวงไท่โฮ่วยังคงนั่งอยู่ จะมีใครที่กล้าไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ?
ในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยภาพฉากมีชีวิตชีวา ยากที่จะพูดออกมา หน้าที่ของทุกคนในคืนนี้คือเพียงแค่ดื่มเหล้าตามคำสั่งของผู้สำเร็จราชการแทน
คราวนี้ก็เป็นตามที่หูฮวนสี่ว่าเอาไว้ ทวงคืนความอยุติธรรม มีแค้นย่อมต้องแก้แค้น