ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 596
พี่ใหญ่ตระกูลเฉิน เฉินฉู่เอ่ยออกมาว่า “วันนั้นพวกเราพี่น้องรับคำสั่งออกไป ยังไม่ทันถึงจี้ชุนก็ตกเข้าไปในหลุมพราง จากนั้นก็ถูกขังอยู่ในห้องลับมาตลอด ที่คอยเฝ้าพวกเราอยู่นั้น ล้วนแต่เป็นงูพิษ”
“เช่นนั้นคนที่คุมขังพวกท่านเป็นใครกัน?” เซียวท่าเอ่ยถาม
พี่รองตระกูลเฉิน เฉินหนิวเอ่ยออกมาว่า “ตอนต้นนั้นไม่รู้ แต่ภายหลังนั้นรู้ว่าคือไท่หวงไท่โฮ่ว”
จื่ออันเอ่ยออกมาอย่างกรุ่นโกรธ “จะต้องเป็นนาง ข้าเองก็ถูกนางคุมขังเอาไว้”
พี่สามตระกูลเฉิน เฉินหู่เอ่ย “พระชายา ไท่หวงไท่โฮ่วทรงช่วยท่านเอาไว้ พวกเราพี่น้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ถูกงูคุกคามอยู่ที่นั่นอย่างเปล่าประโยชน์ตั้งหลายวัน”
เฉินหลงปิดปาก “ข้าจำได้ว่า สองวันแรกน้องหกตื่นตกใจจนตัวสั่นเทาตลอดเวลา เขากลัวงูเป็นที่สุด ช่างน่าสงสาร เขาเองยังมีชื่อเรียกว่าเฉินเฉอ แต่กลับกลัวจนกลายเป็นแบบนั้นไป”
พี่น้องตระกูลเฉินพากันพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจ ในตอนนั้นตื่นตระหนกหวาดกลัว มาตอนนี้กลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้ว และก็เป็นเพราะไท่หวงไท่โฮ่ว หากว่าเป็นผู้อื่น อย่างไรแล้วก็ต้องรู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง
แต่ที่สำคัญคือไม่กล้าที่จะขุ่นเคือง
คืนนี้มู่หรงเจี๋ยที่เต็มไปด้วยความสนใจ เขาดื่มเหล้าด้วยตนเอง บางคราวก็หันกับไปมองจื่ออัน มองไปแล้วก็ดื่มไปหนึ่งจอก ดวงตาเต็มไปด้วยความสุข
มู่หรงเจี๋ยนอกจากงานเลี้ยงของแคว้นและงานเลี้ยงของตระกูลในวังแล้ว เขาก็แทบจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงอื่นใดแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เขาจึงขาดประสบการณ์ในงานเลี้ยง เขาเป็นคนที่ขาดหัวข้อที่จะสนทนา หากว่าต้องการจะสนทนากับเขาแล้ว เขาก็จะทำให้บทสนทนานั้นชะงักลงในระยะเวลาอันสั้น เขาช่างขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำให้การสนทนาสิ้นสุดลงอย่างแท้จริง
ทว่าวันนี้มีผู้ที่ยุติหัวข้อการสนทนาลงสองคน ภาพฉากก็ดูครื้นเครงขึ้นมา ต้องขอบคุณหลิวหลิ่วและโหรวเหย๋า
เมื่อซูชิงได้ยินคำของเหล่าแม่ทัพเฉินที่บอกเรื่องที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องลับ และถามทุกคนว่าจัดการกับมันอย่างไร ทุกคนต่างก็พากันเอ่ยความคิดเห็นออกมา บอกว่าตนเองหลุดพ้นจากอันตรายนั้นได้อย่างไร
เมื่อฟังจากที่ทุกคนเอ่ยออกมาแล้ว จากนั้นก็หันกลับไปถามมู่หรงเจี๋ย “หากว่าเจ้าถูกขังเอาไว้ในห้องลับ ด้านนอกมีงูจำนวนมากคอยเฝ้าอยู่ แล้วเจ้าจะหลบหนีได้อย่างไร?”
มู่หรงเจี๋ยถือเหล้าเอาไว้ในมือ ค่อย ๆ ดื่มลงไปก่อนจะเอ่ย “นั่นไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับข้าได้”
ซูชิงเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย “ไม่ใช่เอ่ยถ้าหากหรอกหรือ? ถ้าหากเกิดขึ้นกับท่านแล้ว ท่านจะจัดการกับมันอย่างไร?”
“เรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่มีถ้าหาก” เขายุติหัวข้อสนทนานี้ด้วยคำเดียว
ซูชิงเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจแล้ว ก็เอ่ยถามอ๋องหลี่ต่อ “ท่านอ๋อง……”
“หุบปาก!” อ๋องหลี่เบิกตากว้างมองยังเขา “เสียงดังเกินไป”
ซูชิงโดนเข้าสองครั้งติดต่อกัน รู้สึกว่างานเลี้ยงนี้สูญสิ้นความสดใดไปในทันที
จู่ ๆ หูฮวนสี่ก็เสนอแนะขึ้นมา “พวกเรามาเล่นความจริงหรือเสี่ยงอันตรายกันดีหรือไม่?”
จื่ออันเมื่อได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองหูฮวนสี่ทันที “เจ้าว่าเล่นอะไรกันนะ?”
หูฮวนสี่เอ่ยอธิบายออกมา “ความจริงหรือว่าเสี่ยงอันตรายเล่นกัน เช่นนี้พวกเรานั่งกันอยู่ตั้งมากมาย ทุกคนต่างก็เขียนชื่อของตนเองลงบนแผ่นไม้ไผ่ จากนั้นก็ให้เสี้ยนจู่จับสลากขึ้นมา ผู้ที่ถูกจับสลากได้สามารถเลือกตอบความจริง หรือว่าเลือกเสี่ยงอันตราย เสี่ยงอันตรายก็คือการลงโทษนั่นเอง”
จื่ออันจ้องมองไปยังหูฮวนสี่ ทั่วทั้งกายสั่นเทาขึ้นมา “เจ้าเล่นความจริงหรือเสี่ยงอันตรายได้อย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าได้ ข้าเป็นคนเสนอออกมา……” หูฮวนสี่ชะงักคำพูดลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองจื่ออันในทันที ท่าทีของทั้งสองคนเหมือนกัน
การมองหน้ากันเช่นนี้ ติดต่อกันนานกว่าสิบวินาที ทุกคนล้วนแต่มองไปยังพวกนาง ไม่รู้ว่าทั้งสองที่เอ่ยกันออกมา จู่ ๆ ก็หยุดคำพูดลงเสีย
จากนั้นก็เป็นจื่ออันที่ยิ้มตอบออกมา “ไม่คิดเลยว่าเถ้าแก่หูจะเล่นความจริงหรือว่าเสี่ยงอันตรายเป็นด้วย ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยได้ยิน ทว่าไม่เคยเล่นมาก่อน”
“ข้าเคยเล่นมาก่อน!” อ๋องหลี่เอ่ยออกมาอย่างเฉยเมย
จื่ออันและหูฮวนสี่จ้องมองไปยังอ๋องหลี่อย่างพร้อมเพรียงกัน
อ๋องหลี่เงยหน้าขึ้นมา “บรรพชนเป็นผู้สอนข้า”
เป็นไท่หวงไท่โฮ่วที่ทรงสอน เช่นนั้นก็ไม่แปลกแล้ว นางผู้นี้ดูเหมือนว่าจะรู้ทุกอย่าง