ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 636
จ้วงจ้วงเอ่ยออกมา “ช่างเถอะ ในเมื่อลืมไปแล้ว กลับไปสั่งคนให้ส่งมอบมาก็พอแล้ว ในเมื่อเจ้ามาถวายพระพร ก็โขกศีรษะคำนับแล้วก็กลับไปเถิด ข้าเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับพระชายาอีก”
หานชิงชิวไม่คิดเลยว่า ผ่านไปนานกว่าสิบเอ็ดปีแล้ว องค์หญิงใหญ่ยังคงคิดว่านางเป็นสาวใช้อยู่อีก
นางที่มีสถานะเป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ กลับมาเพื่อโขกศีรษะคำนับให้นางหรือ?
นางกัดฟันลุกขึ้นมา ย่อกายแล้วเอ่ย “หม่อมฉันควรที่จะโขกศีรษะคำนับองค์หญิง แต่หม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่ คงจะคุกเข่าไม่สะดวกนัก หากว่าองค์หญิงไม่ชอบที่จะมองเห็นหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ลาก่อนแล้ว”
นางใช้คำว่าลาก่อนแทนการทูลลา ถึงแม้จื่ออันจะเป็นพระชายา หากว่าว่าตามกันแล้ว คำว่าทูลลานี้ก็ยังต้องเอ่ยออกมา
ทว่าไม่มีใครนึกถึงสองคำนี้ เพราะว่าจื่ออันและจ้วงจ้วงกลับถูกคำว่าตั้งครรภ์ของนางทำให้ตื่นตกใจเข้าแล้ว
จื่ออันมองไปยังสีเลือดบนหน้าของจ้วงจ้วงที่หายไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว นางใช้สองมือกำลงบนที่พักแขนอย่างแรง แล้วพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองเอาไว้
จื่ออันกลัวว่าจ้วงจ้วงจะสูญเสียการควบคุม แล้วจะทำให้หานชิงชิวสมหวังขึ้นมา แล้วส่งเสียงไล่ตะโกนให้นางออกไป
ทว่าจ้วงจ้วงเพียงแต่สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลับมามีท่าทีปกติดังเก่า นางมองไปยังหานชิงชิว “อืม ในเมื่อตั้งครรภ์อยู่ คุกเข่าลงแล้วโขกคำนับครั้งหนึ่งก็ไปเถิด”
หานชิงชิวมองไปยังจ้วงจ้วง เห็นใบหน้าของนางที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่กลับคืนความสงบดังเดิมได้ในเวลาอันสั้น สิบเอ็ดปีที่ไม่พบกัน นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
เมื่อจุดประสงค์ของการมานั้นสำเร็จแล้ว นางก็ไม่จำต้องกังวลอีก ทำตามคำสั่งของจ้วงจ้วง ประคองท้องคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับ “หม่อมฉันลาก่อน!”
เมื่อเอ่ยจบ ก็นำสาวใช้เดินยืดกายออกไป
ฉินจือเอ่ยก่นด่า “อะไรกัน? ต่อไปใครก็ไม่อนุญาตให้ปล่อยนางเข้ามา ต่อให้จะเป็นคำสั่งขององค์หญิงก็ไม่ได้!”
จื่ออันมองเห็นจ้วงจ้วง ดวงตาของจ้วงจ้วงคลอไปด้วยน้ำตา นางเอ่ยพึมพำออกมา “จื่ออัน ในที่สุดข้าก็ดูจะประเมินค่าตนเองสูงเกินไป”
จื่ออันมองเห็นท่าทีเช่นนี้ของนาง ในใจก็รู้สึกย่ำแย่อย่างมาก และก็โกรธเกลียดหานชิงชิวเข้ากระดูก
เซียวเซียวเองก็เกินไป หลายปีมานี้ไม่ได้ดีต่อฮูหยินเลย แต่ทำไมกลับมาเพียงแค่สองเดือนกว่า ก็ทำให้นางตั้งครรภ์เสียได้? เซียวเซียว เจ้าจะกลับมาเพื่ออะไร?
ทันใดนั้นจ้วงจ้วงก็ปิดหน้าร้องไห้ออกมา องค์หญิงใหญ่ท่าทางเช่นนี้ จื่ออันไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในใจก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมา
ฉินจือเองก็ร้องไห้ออกมา “องค์หญิง…”
จื่ออันเอ่ยออกมาเสียงเบา “ฉินจือ เจ้าออกไปเถิด ข้าจะพูดอะไรกับองค์หญิงเสียหน่อย”
ฉินจือเอ่ยออกมาอย่างสะอื้น “ขอบพระทัยพระชายาเพคะ!”
หลังจากที่นางถอยออกไปแล้ว ก็ปิดประตูลง
จื่ออันกอดจ้วงจ้วงเอาไว้เบา ๆ “ร้องไห้ออกมาก็ดี”
นางไม่เก่งในเรื่องปลอบโยนผู้อื่น ทว่านางเองก็คิดว่าคำพูดปลอบโยนใดในเวลานี้ล้วนแต่ไร้ประโยชน์ มีความเจ็บปวดบางอย่างที่ผู้อื่นไม่อาจจะช่วยเหลือได้ ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ทนทุกข์ไปทีละเล็กทีละน้อย
จ้วงจ้วงเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา พยายามที่จะยิ้มอย่างเต็มใบหน้า “ไม่มีอะไรให้น่าร้องไห้ อันที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้น่าร้องไห้ ล้วนแต่ผ่านไปหลายปีแล้ว ควรที่จะปล่อยวางมันลงนานแล้ว”
จื่ออันมองยังนางที่พยายามฝืนตนเองอดกลั้นตนเองเช่นนี้ ก็รู้สึกปวดใจ “หากว่าเจ้าเสียใจ ก็บอกออกมากับข้า มีบางเรื่องราว ที่พูดออกมาก็จะผ่อนคลายลงมาก”
ดวงตาของจ้วงจ้วงแดงบวม ปลายจมูกแดงอย่างยิ่ง “เรื่องที่ไม่งดงาม หากว่าเอ่ยออกมา เกรงว่าจะทำให้หูของเจ้าแปดเปื้อน”
“พูดออกมาเถิด พูดออกมา ถึงจะเป็นการร่ำลาที่กล้าหาญ” จื่ออันรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น ทั้งที่เซียวเซียวรักจ้วงจ้วงมาก นางคงจะไม่ได้มองผิดไป
ทั้งสองคนรักกันลึกซึ้งเพียงนั้น ทำไมท้ายที่สุดถึงได้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน? และยัง เซียวเซียวทำไมถึงได้แต่งหญิงสาวอย่างเช่นหานชิงชิวกัน? ด้วยสถานะจิ้งกั๋วโหวของเขาแล้ว หากว่าเขาไม่แต่งกับจ้วงจ้วง ก็สามารถแต่งกับหญิงสาวที่งดงาม และสถานะสูงส่งคนอื่นได้
ทว่ากลับมาเป็นสาวใช้ที่ต้องการความงดงามก็ไม่งดงาม ต้องการชาติกำเนิดก็ไม่มีชาติกำเนิด