ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 669
พระสนมเหมยนำองค์ชายสามมาด้วย องค์ชายพอรู้ความแล้ว ปกติก็มักชอบจะอยู่ใกล้กับป้าสะใภ้ มาตอนนี้เมื่อเห็นว่าป้าสะใภ้ใกล้จะตาย เขาก็ยิ่งร้องไห้ จับมือจ้วงจ้วงไว้แล้วร้องเรียกนาง
จื่ออันถอยออกมาอย่างเงียบ ๆ ภายในห้องนั้นดูรู้สึกอึดอัด นางแทบจะหายใจไม่ออก
หูฮวนสี่คอยอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นนางออกมา ก็เดินเข้ามานั่งกับนางตรงระเบียง “เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ว่าใครต่างก็ไม่คาดคิด อย่าได้เสียใจจนเกินไปเลย”
นางเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่ตนเองกลับดวงตาแดงก่ำไปก่อนแล้ว จ้วงจ้วงเองก็ถือได้ว่าเป็นสหายที่ดีของนาง ในยุคสมัยนี้ มีหนึ่งในสหายที่ดีเพียงแค่ไม่กี่คน
“ชายชราคนนั้นเป็นใครกัน? ทำไมอ๋องเจ็ดถึงได้ให้เจ้าไปตามหา?” จื่ออันเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“ท่านอ๋องอันหราน เป็นคนแคว้นต้าเหลียง เบาะแสของเขายังคงเป็นเงื่อนงำอยู่ คนที่รู้เบาะแสของเขามีเพียงแค่ท่านอ๋องเยี่ย ส่วนคนที่รู้ว่าท่าอ๋องเยี่ยอยู่ที่ใดนั้น ก็มีไม่มาก ข้าเองก็รู้” หูฮวนสี่เอ่ยออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“อ๋องเยี่ย? อ๋องเยี่ยเป็นใคร?” จื่ออันถามออกมาด้วยความสงสัย
“แม้แต่น้องเขยของเจ้าก็ยังไม่รู้จักหรือ?”
“น้องเขย? เขาเป็นน้องชายของมู่หรงเจี๋ยอย่างนั้นหรือ?” จื่ออันยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่
“ใช่แล้ว แต่เขาถูกองค์จักรพรรดิองค์ก่อนไล่ออกไป เจ้าหมอนี่งี่เง่ายิ่งนัก ดังนั้นองค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนถึงได้แต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋องเยี่ย แล้วไล่เขาออกไป ให้เขาใช้ชีวิตด้วยตนเอง เขาเองไม่ชอบไปมากับคนในราชวงศ์ นอกจากสามีของเจ้า”
ไม่น่าแปลก แม้แต่อ๋องหลี่กับอ๋องอันก็ดูจะไม่ใส่ใจมากนัก เพราะทุกคนเองก็ไม่ได้ดูจะใส่ใจเขา
“อันดับของเขาอยู่ที่เท่าไหร่กัน?” จื่ออันเอ่ยถามออกมาอย่างโง่เขลา
“เก้า อ๋องเก้า!”
จื่ออันหรี่ตาลงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนมีโอรสอยู่สิบพระองค์ มู่หรงเจี๋ยอยู่อันดับที่เจ็ด อ๋องหนานหวายลำดับที่แปด อ๋องเยี่ยผู้นี้ป็นอ๋องเก้า ให้จำชื่อเกรงว่าคงจะจำไม่ได้ ทำได้เพียงแต่จำอันดับ
“ทักษะการแพทย์ของท่านอ๋องผู้นี้สูงส่งสินะ?” จื่ออันสงสัยท่านอ๋องผู้นี้เป็นอย่างมาก เพราะว่าเขาเข้าทักษะการฝังเข็มทองคำ
มีเพียงอ๋องเก้าท่านนั้น นางค่อย ๆ คิด เป็นเขาที่จับนางไปโยนทิ้งในหล่มโคลน เบื้องหลังเป็นใครที่บ่งการ? เมื่อครู่นี้หูฮวนสี่บอว่าเขาและอ๋องเจ็ดไปมาหาสู่กัน
หย๋า ทว่ามาตอนนี้ก็ไม่มีใจมาคิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว
“อันที่จริงแล้ว เขาเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของเวินอี้ และยังเป็นผู้สืบทอดทักษะการฝังเข็มทองคำ หากว่าเจ้าอยากจะเรียนกับเขา ก็สามารถให้อ๋องเยี่ยแนะนำเจ้าได้”
ในใจของจื่ออันสั่นไหวขึ้นมา “เขาจะรับข้าอย่างนั้นหรือ?”
“เขาเป็นเพื่อนกับอ๋องเยี่ย คำของอ๋องเยี่ย เขาล้วนแต่ฟัง” หูฮวนสี่เอ่ยออกมาอย่างเรียนเฉย
จื่ออันถอนหายใจออกมาเบา ๆ “แต่เขาเองก็ไม่มีวิธีที่จะช่วยเหลือจ้วงจ้วง”
หูฮวนสี่ดูเคร่งขรึมไม่เอ่ยอันใดออกมา ดวงตาค่อย ๆ แดงก่ำ
จื่ออันเห็นว่านางอยู่ที่นี่นานแล้ว จึงได้เอ่ยออกมา “เจ้ากลับไปก่อนเถิด เจ้าเองก็ยุ่งวุ่นวายมากนัก มีข่าวอะไรข้าจะบอกเจ้าเอง”
“ไม่แล้ว” หูฮวนสี่ดูวุ่นวายใจอย่างชัดเจน “คอยเฝ้าอยู่ที่นี่อีกสักประเดี๋ยวเถิด ต่อให้กลับไปก็ไม่สบายใจ จ้วงจ้วง…ก่อนที่ข้าจะรู้จักกับเจ้า นางเป็นสหายเพียงคนเดียวของข้าที่นี่ ข้าไม่อาจจะจากไปเช่นนี้ได้…” น้ำเสียงของนางดูแหบพร่า และก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก
ทั้งสองคนพากันเข้าใกล้กันและกัน ต่างก็มีความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาได้
พวกนางทั้งสองล้วนแต่เดินทางข้าวผ่านห้วงเวลามานับพันปี เคยหมดไร้หนทาง เคยเศร้าสิ้นหวัง เคยถูกรังแก เป็นจ้วงจ้วงที่เข้ามาช่วยเหลือพวกนาง อย่างไรก็ตาม หญิงสาวที่จิตใจดีผู้นั้น มาตอนนี้ชีวิตกับแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“จื่ออัน ข้าไม่เชื่อในพระพุทธศาสนา!” จู่ ๆ หูฮวนสี่ก็หันมามองนาง
จื่ออันเงียบงันอยู่ชั่วครู่ “ข้าเองก็ไม่เชื่อ”
ทั้งสองคนยืนขึ้นพร้อมกันแล้วคุกเข่าลงบนพื้น
จวนองค์หญิงไม่เคยมีครื้นเครงเช่นนี้มาก่อน ราชนิกูล ขุนนางในราชสำนัก เหล่าฮูหยิน พากันหลั่งไหลเข้ามา
เฉินไท่จวิน ชุยไท่เฟย และจิ่นไท่เฟยก็มาด้วยกัน เฉินไท่จวินมองไปยังจ้วงจ้วง ส่ายศีรษะออกมาอย่างเหน็บหนาว “เด็กคนนี้ น่าสงสารยิ่งนัก!”
ทุกคนในตอนนี้ต่างก็รู้สึกว่าจ้วงจ้วงช่างน่าสงสาร ทว่าก่อนที่นางจะฆ่าตัวตายนั้น มีใครเคยถามนางบ้างว่าในใจรู้สึกเศร้าเสียใจบ้างหรือไม่?