ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 767
จื่ออันมองไปยังเขา พยายามอ่านอารมณ์ที่หลบซ่อนอยู่ของเขาอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ท่านไม่อยากจะแต่งชายารองใช่หรือไม่? หากว่าท่านไม่อยากแต่งแล้ว ข้าจะไปปฏิเสธแทนท่านเอง”
มู่หรงเจี๋ยออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย “ไม่ใช่ปัญหาที่ว่าข้าอยากจะแต่งงานหรือไม่ แต่เป็นเจ้าที่อยากจะให้ข้าแต่งหรือไม่ หากว่าเจ้าไม่ชอบแล้ว ตนเองก็ไปบอกกับเสด็จแม่เอง”
“ข้าอย่างไรก็ได้” จื่ออันรับรู้ได้ถึงความคิดของเขา จึงยักไหล่ออกมา “ท่านชื่นชอบก็พอแล้ว”
มู่หรงเจี๋ยส่งเสียงฮึมฮัมออกมา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วนั่งลงอย่างไม่พอใจนัก
จื่ออันเท้าคางแล้วถอนหายใจออกมาอย่างแรง
“กังวลเรื่องอาซินหรือ?” มู่หรงเจี๋ยถามออกมา
“ข้ากังวลเกี่ยวกับเขา และก็กังวลกับจ้วงจ้วง และยิ่งกังวลกับสถานการณ์ในปัจจุบัน”
มู่หรงเจี๋ยไม่ส่งเสียงใดออกมา การปลดฮองเฮาเป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น ขั้นแรกที่ทำให้ทางด้านของราชครูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา จากนั้นตั้งใจรับมือกับเรื่องที่อ๋องหนานหวายจะกลับเข้ามาในเมืองหลวง
เขาเอ่ยออกมา “เมื่อปลดฮองเฮาแล้ว ในวังก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นระยะหนึ่ง ข้าได้เสนอเรื่องที่ให้ยกพระสนมเหมย เจ้าสามารถเข้าวังไปสนทนากับนางได้เป็นครั้งคราว”
“พระสนมเหมย?” จื่ออันผงะไปเล็กน้อย “ท่านถึงกับเสนอให้ยกพระสนมเหมยขึ้นมา?”
“นางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าก่อนหน้านั้นนางเคยช่วยเหลือฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อน อีกทั้งเรื่องของเซี่ยหลิน ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง”
“ข้ารู้ เป็นเซี่ยหวายจุนที่กระทำ” จื่ออันไม่ได้กล่าวโทษพระสนมเหมยมากนัก พระสนมเหมยในตอนนั้นเพียงแต่ต้องการปกป้องตนเอง และก็คิดต้องการหาทางออกให้แก่องค์ชายสาม จึงสับสนไปชั่วคราว จากนั้นนางก็ผิดหวังท้อใจขึ้นมา ฮูหยินผู้เฒ่าและเซี่ยหวายจุนนั้นต่างไม่ได้ช่วยเหลือนาง นางก็ควรจะได้รับบทเรียนแล้ว
และก็เป็นจริงดั่งที่ว่า พระสนมเหมยเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ตระกูลเดิมไม่มีอำนาจมากนัก และก็เป็นเพราะว่าเรื่องของฮูหยินผู้เฒ่าถึงทำให้ถูกกดขี่ลงไป จึงเข้าใจที่จะสงบเสงี่ยมลงได้
จื่ออันมองไปยังมู่หรงเจี๋ย “จริง ๆ แล้ว ในใจของท่านมีความคิดเช่นไร? ท่านปลดฮองเฮาแล้ว นี่ก็หมายความว่าท่านต้องการจะดึงรัชทายาทลงมา ท่านกำลังให้ความสนใจกับอ๋องเหลียงอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยส่ายศีรษะ “อ๋องเหลียงไม่มีทางแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท”
“ทว่าที่ท่านทำมากมายเหล่านั้นก็ไม่ใช่เพื่อที่จะประคองเขาขึ้นไปหรอกหรือ? กำจัดชื่อเสียงเลวร้ายของเขา แล้วสร้างสายสัมพันธ์ขึ้น สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับเขา ดูแล้วก็เหมือนว่าต้องการจะให้เขาเป็นจักรพรรดิ”
มู่หรงเจี๋ยไม่ส่งเสียงใดออกมา เพียงแต่มองไปยังนาง
จื่ออันคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านต้องการจะให้เขาเป็นเกราะกำบังหรือผู้ที่คอยหลอกตา? ท่านอยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่าท่านต้องการจะให้เขาเป็นรัชทายาท?”
มู่หรงเจี๋ยยังคงไม่ส่งเสียงใด ก็เท่ากับว่าไม่ได้ปฏิเสธ
จื่ออันกรุ่นโกรธขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านดึงจุดสนในมาที่ตัวเขา นั่นจะเป็นอันตรายต่อเขา”
“เขาเป็นลูกหลานของตระกูลมู่หรง เขาก็ควรจะแบกรับกับเรื่องเหล่านี้ เขาเองก็จะต้องยินยอมทำเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นเขาเพียงแต่เสื่อมโทรมไปเท่านั้น”
“ท่านถามเขาแล้วหรือยัง?” จื่ออันเอ่ยถาม
“การสื่อสารระหว่างชายหนุ่มนั้น บางคราวก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด เพียงแค่มองตากันเท่านั้นก็พอแล้ว”
จื่ออันจ้องมองไปยังเขา “ท่านมันจิ้งจอกเฒ่า”
เมื่อชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยออกมา “ท่านเสนอให้ยกพระสนมเหมยขึ้นมา เพราะสนมในวังหลังเหล่านั้นเองก็อาจจะเกิดการต่อต้านขึ้นมา ความคิดของท่านเกรงว่าคงไม่อาจจะปิดบังราชครูเหลียงและกุ้ยไท่เฟยได้”
“เพราะฉะนั้น พระสนมเหมยจึงทำได้เพียงแค่ช่วยเหลือเรื่องของวังหลังเท่านั้น และจำเป็นจะต้องหาใครสักคนมาช่วยเหลือนาง”
“ใครกัน?” จื่ออันเอ่ยถาม
มู่หรงมองยังนาง “เจ้าคิดว่าพระสนมอี๋เป็นอย่างไรบ้าง?”
จื่ออันคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เลว”