จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 250 จวินหย่วนโยวปกป้องเมียอย่างแสดงอำนาจ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 250 จวินหย่วนโยวปกป้องเมียอย่างแสดงอำนาจ

“เป็นไปไม่ได้ที่หยุนถิงจะเป็นฆาตกร!” จวินหย่วนโยวปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด

“บ่าวก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้เมื่อวานนี้คุณหนูหยุนจะสั่งสอนจ้าวเหลียงเหริน แต่ก็ไม่ได้จะทำให้นางถึงตาย แต่จ้าวเหลียงเหรินก็ตายไปแล้วจริงๆ” ซูกงกงทอดถอนใจ

เมื่อก่อนนี้ซูกงกงไม่ชอบหยุนถิง แต่สองสามครั้งที่ผ่านมานี้ หยุนถิงช่วยฝ่าบาทแก้ไขปัญหาใหญ่ๆด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ แม้แต่ซูกงกงก็ยังเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อนาง ดังนั้นถึงได้ไม่เชื่อเช่นนี้

“เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าอธิบายรายละเอียดเล็กใหญ่ทั้งหมดมาให้ชัดเจน?” จวินหย่วนโยวถามกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

ซูกงกงเล่าเรื่องที่จ้าวเหลียงเหรินฉีกหน้าหยุนถิงกับจวินซื่อจื่อเมื่อวานนี้ออกมาทันที ยังเล่าเรื่องที่หยุนถิงสั่งสอนนาง และเตะนางลงไปในสระ

จวินหย่วนโยวสีหน้าดำมืด เส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นมารางๆ เขาย่อมเชื่ออยู่แล้วว่าหยุนถิงไม่ได้ฆ่าคน กลัวแต่ว่ามีคนต้องการจะยืมมีดฆ่าคน

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปเรียกหยุนถิง” จวินหย่วนโยวหันหลังกลับเข้าไปในเรือน

หยุนถิงที่อยู่ในเรือนยังคงนอนหลับสนิทอยู่ เมื่อคืนนี้ดื่มมากไปหน่อย ดังนั้นเวลานี้หยุนถิงจึงยังไม่ตื่น

จวินหย่วนโยวหยิบเสื้อคลุมมาคลุมให้กับหยุนถิง อุ้มนางขึ้นมาในแนวนอน แล้วก็เดินออกไป

ซูกงกงที่อยู่หน้าประตูมองดูหยุนถิงถูกอุ้มออกมา อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ “ซื่อจื่อ คุณหนูหยุนเป็นอะไรไป?”

“เมื่อคืนดื่มมากไป ยังไม่สร่างเมา ข้าไปกับนางด้วย” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ

ความจริง เขาไม่ต้องการจะปลุกหยุนถิง อยากให้นางนอนต่ออีกหน่อย

มุมปากของซูกงกงกระตุกขึ้นมา เคยเห็นคนเอาอกเอาใจเมีย แต่ไม่เคยเห็นคนที่เอาอกเอาใจเมียขนาดนี้ ถึงขนาดไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมแล้ว จวินซื่อจื่อยังไม่ปลุกนาง ปล่อยให้นางนอนต่ออีก ซูกงกงยังอดนับถือไม่ได้ คุณภาพทางจิตใจของซื่อจื่อแข็งแกร่งมากจริงๆ

พวกเขาขึ้นรถม้า ตรงไปยังพระราชวัง

ตำหนักด้านข้าง

เมื่อฮ่องเต้มองดูจวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงเข้ามา ก็ตะลึงงันไปเช่นกัน “หยุนถิงเป็นอะไรไป?”

“ทูลฝ่าบาท เมื่อคืนนางดื่มมากไปหน่อย” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ

มุมปากของฮ่องเต้กระตุกขึ้นมา จวินหย่วนโยวผู้นี้เอาอกเอาใจเมียเท่าชีวิตจริงๆ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ปลุกหยุนถิงให้ตื่น”

“พ่ะย่ะค่ะ” จวินหย่วนโยวถึงได้ปลุกหยุนถิง

หยุนถิงที่สะลึมสะลือลืมตาขึ้นมามองดูจวินหย่วนโยวที่อยู่ตรงหน้า หัวเราะแฮะๆ “ซื่อจื่อ ข้าจะเอากอดหอมยกสูงๆ” ขณะที่พูด ก็เข้าไปใกล้แก้มของจวินหย่วนโยวแล้วจูจุ๊บเขา

ลักษณะท่าทางของจวินหย่วนโยวมีความจนใจและตามใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้อยู่ในพระราชวัง ระวังกิริยาหน่อย กลับไปแล้วเจ้าอย่างทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“พระราชวัง?” หยุนถิงถึงได้มองบริเวณโดยอย่างรอบชัดเจน เมื่อเห็นฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนที่สูง หยุนถิงชะงักงัน “ฝ่าบาท?”

“เจ้ายังรู้จักข้าหรือ?” ฮ่องเต้ตรัสด้วยสีหน้ามืดมน

“หยุนถิงเจ้านี่มันไร้ยางอายจริงๆ ถึงกับทำเรื่องขัดต่อประเพณีและศีลธรรมเช่นนี้ต่อหน้าฝ่าบาทได้ ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษนางให้หนัก!” เสียงที่โมโหแสบแก้วหูดังมา

หยุนถิงถึงได้เห็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าที่สวมชุดขุนนางยืนอยู่ด้านข้างอย่างชัดเจน คิ้วหนาตาโต โครงหน้าเย็นชาแข็งกระด้าง เวลานี้กำลังมองดูตัวเองอย่างดุดัน

“ข้าจูบซื่อจื่อของข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย หรือว่าเจ้าอยู่บ้านไม่สนิทสนมแนบชิดกับฮูหยิน และนางสนมของเจ้า?” หยุนถิงถามกลับ

คำพูดประโยคเดียว ทำให้สีหน้าของรองเสนาบดีจ้าวดำมืดมากยิ่งขึ้น เขาโมโหไม่สิ้นสุด คุกเข่าลงไปกับพื้นทันที “ขอฝ่าบาทออกหน้าแทนกระหม่อมด้วย หยุนถิงเป็นคนทำร้ายลูกสาวของกระหม่อม ขอฝ่าบาทโปรดสืบหาความจริงด้วย มิเช่นนั้นลูกสาวกระหม่อมคงนอนตายตาไม่หลับแน่”

หยุนถิงเต็มไปด้วยความมึนงง ตอบสนองกลับมาไม่ได้เล็กน้อย “ซื่อจื่อ คำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร?”

“หยุนถิงเจ้ายังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอีก หากไม่ใช่ ลูกสาวของข้าจะตายได้อย่างไร?” รองเสนาบดีจ้าวกล่าวโทษ

“ลูกสาวเจ้าตาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ถึงแม้จะสร้างสถานการณ์หลอกลวงก็คงไม่ทำอย่างเจ้าหรอกใช่ไหม” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น

“คุณหนูหยุน จ้าวเหลียงเหรินที่ถูกท่านสั่งสอนเมื่อวานนี้เสียชีวิตแล้ว ก่อนตายนางทิ้งจดหมายเลือดเอาไว้ฉบับหนึ่ง บอกว่าท่านเป็นคนทำ” ซูกงกงกล่าวเตือนสติ

เส้นสีดำสามเส้นแว๊บผ่านหน้าผากของหยุนถิง “ข้าเป็นคนทำ ทำไมข้าไม่รู้เลยล่ะ เมื่อวานนางเป็นคนฉีกหน้าข้ากับซื่อจื่อเอง ตอนนั้นซูกงกงก็ได้ยินเหมือนกัน”

ซูกงกงพยักหน้าทันที “บ่าวได้ยินจริงๆ” จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาหนึ่งรอบ

“เช่นนั้นออกจากพระราชวังแล้วเจ้าไปที่ไหน?” ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยเสียงที่เย็นชา

“ออกจากพระราชวัง ชางหยุนสี่กับชางเยว่หมิงก็มาหาเรื่อง ข้าก็เลยสั่งสอนพวกเขาหน้าประตูวัง จากนั้นก็พาพวกเขาไปเดินซื้อของ ไปที่หอชุนเฟิง ดื่มสุรากับองค์ชายสี่และซวนอ๋อง หลังจากนั้นก็กลับบ้านไปพร้อมกับซื่อจื่อ” หยุนถิงกล่าวอธิบาย

ความจริงสายของฮ่องเต้ย่อมรายงานเรื่องพวกนี้นานแล้ว เพียงแต่ว่าอย่างไรก็มีคนตาย อย่างไรก็ต้องสอบถามให้ชัดเจน

“เด็กๆ เบิกตัวองค์ชายกับสี่ซวนอ๋องเข้าวัง!” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง

“พ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงให้คนไปประกาศราชโองการทันที

“ถึงแม้เจ้าจะดื่มสุรากับองค์ชายสี่และซวนอ๋อง ก็สามารถสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปฆ่าคนได้ อีกอย่างถึงแม้เจ้าจะกลับบ้านไปก็ยังมีโอกาสอีกมากมาย” รองเสนาบดีจ้าวกล่าวอย่างเย็นชาและมืดมน

“คำพูดของท่านทำข้าโกรธจริงๆแล้ว หากข้าอยากฆ่านางจริงๆ ยังต้องสั่งให้คนทำหรือ ข้าลงมือด้วยตัวเองโดยตรงแล้ว หรือไม่ก็วางยาพิษที่มีความเป็นพิษเรื้อรังใส่นาง และนางก็จะตายโดยไม่มีใครสังเกตเห็นในภายหลัง ก็จะไม่มีใครสงสัยมาถึงตัวข้า จำเป็นต้องจะต้องสั่งสอนเสร็จเมื่อวาน วันนี้ก็ฆ่าคนเลยหรือ เจ้าโง่ หรือว่าข้าโง่กันแน่?” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น

รองเสนาบดีจ้าวเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ “เจ้านี้คือเล่นสำบัดสำนวน อย่างไรเสียลูกสาวข้าก็ตายเพราะเจ้า เจ้าต้องรับผิดชอบ”

ดวงตาของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกในทันใด เสียงที่เย็นชาดังมา “รองเสนาบดีจ้าว เจ้าเห็นกับตาว่าฮูหยินของข้าฆ่าลูกสาวของเจ้าหรือ?”

รองเสนาบดีจ้าวตกใจจนตัวสั่น แสร้งทำเป็นใจเย็นและกล่าวว่า “กระหม่อมไม่เห็น แต่ลูกสาวกระหม่อมทิ้งจดหมายเลือดเอาไว้”

“เช่นนั้นเจ้าเห็นกับตาว่านางเป็นคนเขียนจดหมายเลือด?” จวินหย่วนโยวถามต่อไป

รองเสนาบดีจ้าวรู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุก “เปล่า กระหม่อมดูลายมือนั่นแล้วมันเป็นลายมือของลูกสาวกระหม่อมจริงๆ”

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าฮูหยินของข้าฆ่าลูกสาวของเจ้า และไม่ได้เห็นลูกสาวเจ้าเขียนจดหมายเลือดกับตาตัวเองอีก เจ้าเอาความกล้าจากไหนมาใส่ร้ายฮูหยินของข้า” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเด็ดขาด

รองเสนาบดีจ้าวฟังจนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ลักษณะท่าทางของจวินซื่อจื่อทรงอำนาจเกินไป ทำให้เขารับมือไม่อยู่จริงๆ รู้สึกกดดันมากในทันที

แต่อย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวแท้ๆของตัวเอง รองเสนาบดีจ้าวไม่กล้าทำอะไรจวินหย่วนโยว ได้แต่ขอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ขอพระองค์ออกหน้าแทนกระหม่อมด้วย”

ยังไม่รอให้ฮ่องเต้เอ่ยปาก จวินหย่วนโยวก็กล่าวต่อไปว่า “จดหมายเลือดสามารถใส่ร้ายป้ายสีได้ ลายมือก็สามารถเลียนแบบได้เช่นกัน เว้นแต่ว่ารองเสนาบดีจ้าวจะเอาหลักฐานโดยตรงออกมา มิเช่นนั้นใส่ร้ายฮูหยินของข้าฆ่าคน อาศัยแต่ข้อนี้ข้าก็สามารถสับเจ้าเป็นชิ้นๆได้เลย!”

รองเสนาบดีจ้าวตกใจจนหน้าซีดขาว คนทั้งคนทรุดตัวลงกับพื้น “ฝ่าบาท ซื่อจื่อเขาข่มขู่กระหม่อม ขอฝ่าบาทเห็นแก่ที่กระหม่อมอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ เห็นใจกระหม่อมที่อารมณ์ร้อนเพราะความรักที่มีต่อลูกสาว กระหม่อมมีแค่ลูกสาวคนนี้คนเดียว ตอนนี้นางตายอย่างมีเงื่อนงำ ขอฝ่าบาทโปรดคืนความยุติธรรมให้เหลียงเหรินด้วยเถิด”

ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนที่สูงสีหน้าเคร่งขรึม “จ้าวอ้ายชิงวางใจเถอะ ข้าจะต้องสืบหาความจริงอย่างแน่นอน หากมีใครบังอาจฆ่าคนในวังของข้า ข้าจะไม่มีทางยกโทษให้ง่ายๆเด็ดขาด!”

รองเสนาบดีจ้าวถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตื้นตันใจอย่างยิ่ง

“องค์ชายสี่ ซวนอ๋องขอเข้าเฝ้า!” นอกประตู ขันทีน้อยรายงาน

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท