จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 279 ขอเพียงเจ้าเรียกหาข้า ข้าอยู่ที่นั่นเสมอ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 279 ขอเพียงเจ้าเรียกหาข้า ข้าอยู่ที่นั่นเสมอ

ระหว่างคิ้วและตาของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยการตามใจและความอ่อนโยน: “เจ้านี่นะ แผนร้ายมากที่สุดจริงๆ”

“ข้าก็แค่ปกป้องตัวเท่านั้น สำหรับคนที่วางแผนทำร้ายข้า ข้าไม่เคยแสดงความเมตตามาก่อน” หยุนถิงกล่าว

“มีข้าอยู่ ใครบังอาจกล้าวางแผนทำร้ายเจ้า ข้าจะให้มันเสียใจภายหลังที่เกิดมายังโลกใบนี้” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าซื่อจื่อดีต่อข้าที่สุด”

หยุนถิงใส่ยาให้รั่วจิ่งเสร็จแล้ว ถึงได้เดินออกไป จู่ๆก็รู้สึกคันหนังศีรษะเล็กน้อย นางกลับไปที่ห้องแล้วหยิบแชมพูกับครีมนวมผม ไม่คุ้นชินกับจ้าวเจี่ยวของยุคโบราณ ดังนั้นหยุนถิงจึงสร้างอุปกรณ์สระและนวดบำรุงครบชุดในมิติ

“กำลังจะสระผมหรือ?” จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงใช้ไปสองสามครั้ง

“อืม”

“ข้าช่วยเจ้า” จวินหย่วนโยวเสนอแนะ

หยุนถิงเต็มไปด้วยความยินดี: “โอ้โห ซื่อจื่อท่านถึงกับจะสระผมให้ข้า นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ท่านไหวหรือ?”

ใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชาของจวินหย่วนโยว ดำมืดลงมาทันที: “อย่าถามว่าผู้ชายของเจ้าว่าไหวไหม ข้าไหวไม่ไหว เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ”

หยุนถิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน: “ความหมายของข้าคือ ซื่อจื่อไม่เคยสระมาก่อน ทำเป็นไหม?”

“สระหลายๆครั้ง ฝึกฝนบ่อยๆก็เป็นแล้วไม่ใช่หรือ”

“ได้เลย ซื่อจื่อของข้าสระผมให้ข้า ข้าจะต้องเสวยสุขเป็นอย่างดีแน่นอน” หยุนถิงหัวเราะออกมา

แสงแดดในวันนี้อบอุ่นมาก แล้วก็ไม่มีลมด้วย เยว่เอ๋อร์ตักน้ำร้อนมาวางเอาไว้บนเก้าอี้หินในลานหนึ่งอ่าง

หยุนถิงอธิบายโดยสังเขป จวินหย่วนโยวถลกแขนเสื้อขึ้นก็จะช่วยนางสระผม เพียงแต่ว่าในฐานะที่เป็นซื่อจื่อ อยู่ดีกินดีมาตั้งแต่เด็ก ถูกคนปรนนิบัติรับใช้จนเคยชิน จวินหย่วนโยวในเวลานี้ค่อนข้างงุ่มง่ามเล็กน้อย

หยุนถิงอดที่เย้าแหย่ขึ้นมาไม่ได้: “ซื่อจื่อ ครั้งแรกที่ท่านปรนนิบัติคนอื่น ดูเหมือนเป็นการปรนนิบัติข้าทั้งนั้นเลย”

“แน่นอนอยู่แล้ว เวลาอย่างนี้ก็มีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้” จวินหย่วนโยวช่วยทำให้ผมของนางเปียกอย่างงุ่มง่าม บีบแชมพูเล็กน้อยแล้วก็เริ่มขยี้ผม

เมื่อได้ใช้ ดวงตาของจวินหย่วนโยวก็เบิกกว้าง: “เจ้าสิ่งนี้ใช้ดีกว่าจ้าวเจี่ยวมากนัก ยังมีอีกไหม?”

“หรือว่าซื่อจื่อก็อยากใช้เหมือนกัน?” หยุนถิงถาม

“สามีภรรยาใจเดียวกัน ข้ากับเจ้าใช้อันเดียวก็พอ ข้ากำลังคิดอยู่ว่าของดีเช่นนี้หากนำไปขาย ต้องได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิงมากแน่นอน” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ

“ซื่อจื่อในสายตาท่านก็มีแต่เงินแล้ว คำพูดสองสามประโยคก็คิดถึงการหาเงินแล้ว”

“เจ้าเป็นคนชอบเงิน ข้าช่วยเจ้าคิดต่างหาก” จวินหย่วนโยวแก้ไขให้ถูกต้อง

“ฮ่าๆ ซื่อจื่อนี่แหละที่เข้าใจข้า ครั้งนี้องค์ชายสี่ยอมรับกิจการของตระกูลมู่มา ข้าคิดเอาไว้ว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงซะหน่อย”

“อยากทำอะไร ก็ไปทำเลย ฟ้าถล่มลงมามีข้าคอยค้ำเอาไว้ให้เจ้า” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างแสดงอำนาจ

“ซื่อจื่อท่านหล่อเหลามากเกินไปแล้ว ข้ารักท่านจะตายอยู่แล้ว” ขณะที่หยุนถิงกล่าวไป จู่ๆก็ยื่นมือไปหยิบโฟมที่อยู่บนศีรษะเล็กน้อย แต้มไปบนใบหน้าของจวินหย่วนโยวอย่างซุกซน

“ฮ่าๆ ซื่อจื่อจมูกของท่านขาวไปหมดแล้ว ตลกจังเลย” หยุนถิงหัวเราะเสียงดัง

จวินหย่วนโยวชะงักงัน จากนั้นก็แสร้งทำเป็นจ้องมาทางหยุนถิงด้วยความโกรธ: “นังหนูอย่างเจ้าจะร้ายเกินไปแล้ว”

“นั่นก็เพราะซื่อจื่อเอาอกเอาใจ”

“อันนี้ข้าชอบ” จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงวิ่งไล่จับกันขึ้นมา ทั้งสองคนหัวเราะอยู่ด้วยกัน

พ่อบ้านที่อยู่ด้านนอกลานพาบ่าวรับใช้เข้ามา เห็นภาพฉากนี้เข้าพอดี มองดูซื่อจื่อหัวเราะเสียงดัง ราวกับเด็กเช่นนี้ ไม่มีความกังวลใดๆอีก พ่อบ้านปลื้มปิติอย่างยิ่ง

มีเพียงฮูหยินเท่านั้น ที่สามารถทำให้ซื่อจื่อเป็นเช่นนี้

พ่อบ้านให้บ่าวรับใช้ถอยไปให้หมด ห้ามเข้าไปรบกวน

หยุนถิงวิ่งจนเหนื่อยหอบ หยุดลงมาทันที: “ซื่อจื่อข้ายอมแพ้ ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว”

จวินหย่วนโยวคว้านางไปกอดเอาไว้: “ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปไหน ข้าก็จะจับเจ้าเอาไว้ ให้ชาตินี้เจ้าหนีไม่พ้นฝ่ามือของข้า”

“ซื่อจื่อดีต่อข้าขนาดนี้ ทำไมข้าต้องหนีด้วย”

จวินหย่วนโยวพึงพอใจอย่างยิ่ง มือใหญ่โอบเอวของหยุนถิงเอาไว้ ใบหน้าที่หล่อเหลาเย็นชาเข้ามาใกล้ เพียงแต่ว่าเขายังไม่ทันได้แตะริมฝีปากบางของหยุนถิง น้ำจากเส้นผมก็หยดลงมา

“ไอ๊หยา น้ำเข้าตาข้าแล้ว!” หยุนถิงกล่าวขึ้นมากะทันหัน

จวินหย่วนโยวเงยหน้ามองดู น้ำจากแชมพูหยดลงมาจริงๆ เมื่อครู่เขาเอาแต่สนใจเล่นสนุกกับหยุนถิง ลืมไปซะได้

“ข้าจะช่วยเจ้าล้างเดี๋ยวนี้” ขณะที่จวินหย่วนโยวกล่าวไป ก็โน้มแก้มไปข้างหน้า ประทับจูบไปที่ริมฝีปากบางของหยุนถิง และรีบถอยออกทันที

“ซื่อจื่อ!” หยุนถิงกล่าวอย่างตำหนิ

“ข้าอยู่นี่ ขอเพียงเจ้าเรียกข้า ข้าอยู่ที่นั่นเสมอ ข้ากำลังคิดอยู่ว่าถ้าอย่างไรเรามาคิดรหัสลับระหว่างเราสองคนดีไหม ขอเพียงเจ้าส่งสัญญาณ ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ไหนก็จะไปถึงในทันที ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าทันที” จวินหย่วนโยวสระผมให้นางพร้อมเสนอแนะไปด้วย

“ข้อเสนอนี้ไม่เลว ซื่อจื่อท่านฉลาดจริงๆ งั้นข้าต้องคิดดูดีๆแล้ว รหัสลับที่เป็นของเราสองคนเท่านั้น” หยุนถิงตอบอย่างจริงจัง

รู้สึกถึงนิ้วมืออันอ่อนโยนซื่อจื่อที่ลูบไล้ผ่านเส้นผมของตัวเอง ในใจของหยุนถิงเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น จากนั้นก็ฮัมเพลงขึ้นมา

“เฮ้…รอให้ข้าผมยาวถึงเอว

เฮ้…กลับมาแต่งงานกับข้าดีหรือไม่

เฝ้ารอท่านจนลืมเลือนรอยยิ้มไป

ปิ่นระย้าบนศีรษะก็เก่าไป

…….

ไม่กลัวพ่ายแพ้ต่อวัยหนุ่มสาว

เพียงคิดจะตามท่านไปให้สุดหล้า

ได้ยินเสียงโห่ร้องของท่านในความฝัน

อดใจไม่ไหวอยากจะหนีไปกับท่าน

ถึงแม้ใบหน้าจะแก่ชรานับแต่นี้

ถึงแม้วันเวลาจะไม่อิสระอีกต่อไป

ได้อยู่เคียงข้างท่านก็เพียงพอแล้ว

ชั่วชีวิตฟังเพียงเสียงหัวใจของท่าน……”

เสียงเพลงนุ่มนวลไพเราะจับใจ ราวกับกำลังร้องไห้พร่ำบ่น ให้คนฟังรู้สึกทุกข์ระทมใจ

“นี่คือเพลงอะไร ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?” จวินหย่วนโยวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หยุนถิงโอหังเย่อหยิ่ง ท่าทางอวดดีไม่ยอมคนมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่นางร้องเพลงที่เศร้าเช่นนี้

“เพลงนี้ชื่อเพลงรอให้ข้าผมยาวถึงเอว แต่งงานกันท่านเป็นเช่นไร ซื่อจื่อช่วยข้าสระผมไม่ใช่หรือ ข้าก็เลยนึกถึงเพลงนี้พอดี” หยุนถิงอธิบาย

“ต่อไปห้ามร้องเพลงนี้อีก เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว รักใคร่กันมากด้วย” จวินหย่วนโยวกล่าว

“ตกลง”

…………..

ลานแข่งขัน

นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ยังไม่เห็นหยุนถิงมาเลย ชางเยว่หมิงก็นั่งไม่ติดแล้ว: “องค์ชายสี่ ขอถามหน่อยเหตุใดคุณหนูหยุนถึงไม่มาร่วมงาน?”

“หอเทพเซียน ไม่เข้าตาหยุนถิง นางยุ่งเกินไปไม่มีเวลา!” โม่ฉือชิงตอบกลับอย่างราบเรียบ

มู่เซียวเซียวที่อยู่ตรงข้ามได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมไม่พอใจอย่างมาก

“หยุนถิงคนนี้ยโสโอหังมองไม่เห็นคนอื่นเกินไปแล้ว ถึงกับไม่เห็นหอเทพเซียนอยู่ในสายตา” ชางหยุนสี่จงใจกล่าวเสียงดัง

“มีใครกำหนดว่า หยุนถิงจะต้องเห็นหอเทพเซียนอยู่ในสายตาหรือ?” เสียงที่เย็นยะเยือกของซวนอ๋อง ราวกับห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งจู่โจมมา

ชางหยุนสี่ตกใจจนตัวสั่น ตกตะลึงไปกับรัศมีพลังที่แข็งกร้าวและเย็นชาดุร้ายของซวนอ๋อง รู้สึกไม่เต็มใจแต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากอีก

“องค์หญิงสี่จะพูดอะไรโปรดใช้สมองด้วย อย่ายุแยงตะแคงรั่ว หากแฝงจิตใจที่ยากจะหยั่งถึงได้ ข้าจะสั่งให้คนส่งองค์หญิงสี่กับองค์ชายรองกลับแคว้นชางเยว่!” เสียงที่เย็นชาของโม่ฉือหาน น่าเกรงขามโดยปราศจากความโกรธ

คำพูดประโยคนี้ เป็นคำสั่งไล่แขกโดยไม่ต้องสงสัย

ซวนอ๋องกับองค์ชายสี่ล้วนตกตะลึงไป คิดไม่ถึงว่าโม่ฉือหานที่ไม่ลงรอยกับหยุนถิงมาโดยตลอด จะออกหน้าพูดแทนหยุนถิงในวันหนึ่ง

“ข้าได้รับพระบัญชาจากเสด็จพี่ให้ดูแลการแข่งขันคัดเลือก ก็จะไม่ให้ใครก่อปัญหาสร้างเรื่อง ไม่เกี่ยวกับใครกับใครทั้งนั้น” โม่ฉือหานอธิบาย

“พี่รองไม่ต้องอธิบายหรอก ข้าเข้าใจ ข้าปวดปัสสาวะ งั้นข้าขอไปห้องน้ำก่อนแล้ว” องค์ชายสี่ลุกขึ้นและจากไป

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท