จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 391 ซื่อจื่อ คนผู้นี้หน้าตาดูดีทีเดียว

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 391 ซื่อจื่อ คนผู้นี้หน้าตาดูดีทีเดียว

หยุนถิงมองมา “ซื่อจื่อต้องการจะใช้กับเป่ยจิ่วฉิงกับซ่างกวนเจิ้น”

คิ้วและตาของจวินหย่วนโยวมีความรุนแรงที่เฉียบคมแว๊บผ่านไป “ถูกต้อง ฆ่าพวกเขามันง่ายเกินไป ข้าจะให้พวกเขาทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส อยู่ก็อยู่ไม่ได้ ตายก็ตายไม่ได้”

หยุนถิงย่อมเข้าใจอยู่แล้ว “มี แต่ว่าสำหรับซ่างกวนเจิ้นกับเป่ยจิ่วฉิงที่ฆ่าพ่อแม่ของซื่อจื่อแล้ว ยาพิษพวกนั้นยังไม่พอ ข้าปรุงยาพิษร้ายแรงขึ้นมาด้วยตัวเองชนิดหนึ่ง รับรองจะทำให้พวกเขาตายทั้งเป็นแน่นอน”

“ลำบากแล้ว”

“ซื่อจื่อจะเกรงใจข้าทำไม สามารถแบ่งเบาความกังวลของท่านข้าดีใจมาก” หลังจากที่หยุนถิงกินจนอิ่มดื่มจนเพียงพอแล้วก็ออกไปปรุงยาพิษ

จวินหย่วนโยวไปจัดการเรื่องราวทางฝั่งแคว้นเป่ยลี่ ทั้งสองคนต่างก็ยุ่งกันจนกระทั่งดึกดื่นถึงได้พักผ่อน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยุนถิงก็ปลอมตัวให้ตัวเองกับจวินหย่วนโยว ลากเขาไปเยี่ยมชมเมืองเซิ่งจิงของแคว้นเป่ยลี่

นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนถิงมาที่แคว้นเป่ยลี่ สิ่งปลูกสร้างโดดเด่นมาก เนื่องจากฝั่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ มีลมและทรายค่อนข้างมากตลอดทั้งปี ดังนั้นสิ่งปลูกสร้างล้วนไปได้สร้างสูงมากนัก และสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่เป็นทรงปลายแหลม

ถนนกว้างขวาง ผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย ถนนทั้งสองฝั่งก็ยิ่งมีพ่อค้าแม่ขายมากมาย ล้วนขายของพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งสิ้น ครึกครื้นอย่างมาก

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวปลอมตัวเป็นสองพี่น้อง รูปลักษณ์ย่อมไม่โดดเด่นอยู่แล้ว รูปร่างก็ค่อนข้างอ้วนเล็กน้อย แบบที่เดินอยู่บนถนนก็จะไม่ถูกคนสังเกต

“ซื่อจื่อ เราไปที่ร้านสุราที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นเป่ยลี่กันเถอะ” หยุนถิงเสนอแนะ

“ตกลง”

จวินหย่วนโยวพานางตรงไปที่หอฝูหยวน ทั้งคู่ไม่ได้ขอห้องส่วนตัว แต่นั่งอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะและเริ่มกินขึ้นมา

แคว้นเป่ยลี่มีวัวและแกะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอาหารส่วนใหญ่จึงเป็นวัวและแกะ ยังมีชานมม้า หยุนถิงไม่เคยกินแบบนี้มาก่อน ก็เลยชิมมันทุกอย่าง

ทั้งคู่กินพร้อมกับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของลูกค้าที่มากินอาหารคนอื่นๆไปด้วย ก็เห็นมีเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตู

สวมชุดสีขาวยิ่งกว่าหิมะ ใบหน้าหล่อเหลาสบายตา สูงยาวเข่าดี ถือพัดพับเอาไว้ในมือ ดูสุภาพอ่อนโยนไม่ยึดติด มองดูค่อนข้างเจริญตาดี

“ซื่อจื่อ คนผู้นี้หน้าตาดูดีทีเดียว เขาเป็นใครหรือ?” หยุนถิงเอ่ยปากถาม

ใบหน้าของจวินหย่วนโยวดำมืดลงมา มืดมนไร้ที่เปรียบทันที “ข้าดูไม่ดีหรือ?”

“ไม่ใช่นะ ในใจของข้าซื่อจื่อดูดีที่สุดแล้ว” หยุนถิงอธิบายด้วยความเข้าใจ

“เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าเขาดูดี แต่ว่าถึงจะดูดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ดูดีแต่ใช้การไม่ได้!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเย็นยะเยือก

“ซื่อจื่อ ความหมายของท่านคือเขา?” ใบหน้าของหยุนถิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ถูกต้อง เขาก็คืออ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่”

“อ๋า เขาก็คืออ๋องเก้าที่น้องชายถูกตัดคนนั้น” เพราะความตกใจ เสียงของหยุนถิงจึงค่อนข้างดังเล็กน้อย แต่แล้วก็ถูกอ๋องเก้าที่เดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดี

อ๋องเก้าถูกคนเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชน สีหน้าเย็นชามืดมนในทันที จ้องมองไปทางหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวด้วยความโกรธ “เมื่อครู่นี้พวกเจ้าว่าอะไรข้านะ แน่จริงก็พูดอีกครั้งสิ”

หยุนถิงกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง นางนี่มันช่างปากโป้งจริงๆ ทำไมถึงไม่รู้จักสงบปากสงบคำบ้าง

“ขอโทษด้วยท่านอ๋องเก้า เมื่อครู่นี้เราไม่ได้พูดถึงท่าน แต่พูดถึงคนอื่นอยู่ อ๋องเก้าหน้าตาหล่อเหลาสง่างามขนาดนี้ต้องไม่ถือสาหาความกับเราแน่นอนใช่ไหม” หยุนถิงแสร้งทำท่าทางสุนัขรับใช้ กล่าววาจาประจบประแจง

เพิ่งมาถึงที่นี่ นางไม่อยากก่อเรื่องให้เป็นที่สังเกต

สายตามืดมนของอ๋องเก้าเหลือบมองมาทางหยุนถิง และมองไปทางจวินหย่วนโยวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ท่าทางคนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้ ไม่ได้การมีคำนับและยกยอเอาใจเขาเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้อ๋องเก้าโมโหไม่จบสิ้น

“บัดซบ อย่าคิดว่าคำพูดดีๆแค่ไม่กี่คำก็จะทำให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไป ยังมีเจ้าอีกคน ถึงกับปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับข้าในที่สาธารณะ พวกเจ้าสองคนกินดีหมีหัวใจเสือไม่รู้จักรักตัวกลัวตายใช่ไหม ทหาร สั่งสอนพวกเขาให้หนักเลย” อ๋องเก้ากล่าวด้วยความโกรธแค้น

นัยน์ตาสีดำที่เฉือนคมของจวินหย่วนโยวกวาดมองมา “เจ้าถูกคนทำร้ายน้องชายที่หอเทพเซียนเมื่อสามเดือนก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังหาคนร้ายไม่พบ ถึงแม้ในตอนนั้นเรื่องนี้จะถูกปกปิดเอาไว้ แต่ว่าไม่มีความลับบนโลกนี้ อ๋องเก้าข้าพูดถูกหรือไม่!”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกมืดมน แฝงไปด้วยการดูหมิ่นและถากถาง

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของอ๋องเก้าที่เดิมก็ไม่น่าดูแล้ว เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดุร้ายจนบิดเบี้ยว “ทำไมเจ้าถึงได้รู้เรื่องนี้?”

คำพูดประโยคเดียว เท่ากับสารภาพออกมาเองโดยไม่ต้องคาดคั้น

ทันทีที่ลูกค้าคนอื่นๆได้ยินคำพูดนี้ ต่างก็พากันมองมาเช่นกัน ถึงแม้มากน้อยทุกคนก็ได้ยินข่าวลือมาบ้าง และพากันคาดเดาไปต่างๆนานา แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานโดยตรงมาตลอด

ตอนนี้อ๋องเก้ายอมรับด้วยตัวเอง ข่าวซุบซิบเรื่องนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงทันที ทุกคนล้วนพากันมองมา ปูเสื่อรอสอดรู้สอดเห็น

อ๋องเก้าได้ยินทุกคนกระซิบวิพากษ์วิจารณ์ สีหน้ายิ่งดุร้ายเคียดแค้น นัยน์ตาแผ่ซ่านไปด้วยเจตนาสังหารและความโกรธที่โหดเหี้ยม

“เจ้ารนหาที่ตาย!” อ๋องเก้ากล่าวออกมาอย่างเย็นชา ดึงกระบี่ยาวขององครักษ์ส่วนตัวที่อยู่ด้านข้างออกมา และฟันไปทางจวินหย่วนโยว

ทุกคนสะดุ้งตกใจ รีบร้อนหลบออกไป ด้วยกลัวว่าตัวเองจะโดนหางเลขไปด้วย ขณะเดียวกันก็มองไปทางหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวด้วยความเห็นอกเห็นใจ สองคนนี้เกรงว่าวันนี้คงจะถึงจุดจบแล้ว

แต่แล้วกระบี่ของอ๋องเก้ายังไม่ทันได้แตะถูกจวินหย่วนโยว จวินหย่วนโยวก็เตะเขากระเด็นออกไปแล้ว

“คนที่รนหาที่ตายคือเจ้า!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างดูหมิ่น

หากไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ที่สังเกตของคนอื่น อาศัยแค่คำพูดของอ๋องเก้าเมื่อครู่นี้ จวินหย่วนโยวจะต้องฉีกอ๋องเก้าออกเป็นชิ้นๆอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อยแน่นอน

“โครม!”

“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องของอ๋องเก้าดังมา คนทั้งคนกระแทกไปที่โต๊ะที่อยู่ด้านข้าง กระแทกจนโต๊ะล้มลงโดยตรง แสดงให้เห็นว่าจวินหย่วนโยวใช้แรงมากแค่ไหน

“เจ็บจัง บัดซบเจ้าถึงกับกล้าลงมือกับข้า เด็กๆ ฆ่าพวกเขาซะ!” อ๋องเก้าคำรามอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน

องครักษ์ที่ติดตามมาด้วยจู่โจมเข้ามาทันที หลิงเฟิงกับหลงเอ้อปรากฏตัวขึ้นมาทันที ทุกคนยังมองไม่เห็นเลยว่าพวกเขาสองคนลงมือกันอย่างไร บรรดาองครักษ์ทั้งหมดของอ๋องเก้าก็กระเด็นออกไปแล้ว

ห้องโถงชั้นหนึ่งที่กว้างใหญ่ เสียงครวญครางกรีดร้องดังอยู่ในหูไม่ขาดสาย ทุกคนตกใจจนพากันวิ่งหนี ไม่กล้าอยู่ต่ออีก

อ๋องเก้าเห็นคนของตัวเองล้มลงไปจนหมด ถึงได้มองพิจารณาหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวขึ้นมา ก็แค่ชายหญิงรูปร่างหน้าตาธรรมดาๆเท่านั้น ถึงกับลงมือโหดขนาดนี้

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ถึงกับกล้าลงมือกับข้า?” อ๋องเก้ามองมาด้วยความสงสัย

ทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา สองคนนี้ดูแล้วแปลกหน้ามาก หรือว่าผู้อยู่เบื้องหลังของพวกเขาร้ายกาจมากกว่าของตัวเองอีก?

“แค่อ๋องเก้าตัวเล็กๆ ข้ายังไม่เห็นอยู่ในสายตา กลับไปบอกเป่ยจิ่วฉิง หนี้บัญชีที่เขาติดค้างในตอนนั้นควรต้องชดใช้แล้ว!” เสียงที่เย็นยะเยือกของจวินหย่วนโยว แฝงไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยม ทำให้คนฟังรู้สึกตัวสั่นสะท้านแม้ว่าจะไม่หนาวก็ตาม

ทีนี้อ๋องเก้าตะลึงงันไปอย่างสิ้นเชิง เขาถึงกับกล้าเรียกชื่อเสด็จพ่อแบบนี้ และยังไม่เห็นเสด็จพ่ออยู่ในสายตาอีก ฟังคำพูดนี้เหมือนมีความแค้นกับเสด็จพ่อนี่นา อ๋องเก้าไม่กล้าอยู่ต่อไปอีก ถ้าหากคนพวกนี้จับตัวเองเป็นตัวประกัน เช่นนั้นเขาจะไม่อนาถมากหรอกหรือ

“ได้ ข้าจะรีบกลับไปบอกเสด็จพ่อทันที” อ๋องเก้ารีบวิ่งหนีไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน

หยุนถิงมองดูเขาที่เป็นเช่นนี้ ยิ่งเต็มไปด้วยความรังเกียจ “อย่างเขายังจะอยากจะแต่งงานกับชางหยุนสี่ ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบชางหยุนสี่ แต่ข้าไม่ชอบเขามากกว่า เสียดายใบหน้านั้นไปจริงๆ”

“ดังนั้น บางคนก็แค่ดูดีแค่ภายนอกเท่านั้น ต่อไปอย่าได้ถูกรูปลักษณ์ล่อลวงเด็ดขาด ระวังอย่าให้ใครมาหลอกได้ดีกว่า” จวินหย่วนโยวสั่งสอน

หยุนถิงเบะปาก “ซื่อจื่อสั่งสอนถูกแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ให้ใครมาหลอกแน่นอน ในสายตาในดวงใจจะมองเพียงแค่ซื่อจื่อคนเดียวเท่านั้น”

จวินหย่วนโยวพึงพอใจอย่างยิ่ง ยกมุมปากขึ้นสูง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท