จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 455 ปล่อยนางซะ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 455 ปล่อยนางซะ

หยุนถิงที่ยืนอยู่บนแท่นสูง กำลังมองดูบรรดาทหารจัดแถวด้วยความตื่นเต้น จู่ๆลูกธนูแขนเสื้อดอกหนึ่งก็พุ่งมาด้านหน้าของหยุนถิงโดยตรง

นางรู้สึกถึงความอันตรายในอากาศ ดวงตาคู่สวยเคร่งขรึมทันที ร่างกายเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อย ลูกธนูแขนเสื้อแทงเข้าไปในหน้าอกของหยุนถิงเช่นนี้เอง

“อ๊า!” หยุนถิงครางเสียงเบา ทำให้ทุกคนรอบตัวตกตะลึง

“ซื่อจื่อเฟย!” หลงเอ้อตะโกนเสียงดัง

“มีคนลอบโจมตีซื่อจื่อเฟย ระวังด้วย!” รั่วจิ่งมองสำรวบไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง

เมื่อครู่สองคนนี้มัวแต่สนใจมองดูการจัดแถว ใครจะคิดว่าในบรรดาทหารที่กำลังจัดแถวพวกนี้จะมีคนกล้าลอบโจมตีซื่อจื่อเฟย ล้วนเป็นเพราะพวกเขาประมาทไปแล้ว

“คุณหนูใหญ่!” ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ก็ตกใจแทบแย่เช่นกัน

“หยุนถิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซูชิงโยวรีบประคองหยุนถิงที่กำลังจะล้มลงเอาไว้ทันที

ทันทีที่หยุนไห่เทียนเห็นก็สะดุ้งตกใจไปเช่นกัน “น้องสาว ใครก็ได้รีบไปเชิญหมอทหารเร็วเข้า!”

ทหารนายหนึ่งมุ่งหน้าไปที่กระโจมของหมอทหารทันที ทหารคนอื่นๆก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

ถึงแม้หยุนถิงจะเป็นผู้หญิง แต่ก็มักจะมาที่ค่ายทหารบ่อยๆตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรังเกียจชาติกำเนิดและตำแหน่งของทหารอย่างพวกเขามาก่อน มักจะปฏิติบัติต่อพวกเขาด้วยใจจริง แถมยังเล่นมวยปล้ำกับพวกเขา สอนทักษะการแพทย์ขั้นพื้นฐาน ยุทธการพิชัยสงครามให้กับทุกคน ทหารทุกคนรู้สึกขอบคุณหยุนถิงอย่างมาก

“พี่ใหญ่ ข้า——” หยุนถิงอยากจะพูดอะไร แต่ก็หน้ามืดหมดสติไป

“น้องสาว น้องสาว!” หยุนไห่เทียนรีบอุ้มหยุนถิงขึ้นมาในแนวนอนทันที ชำเลืองไปทางบรรดาทหารพวกนั้นด้วยสายตาเฉียบคม

“ทุกคนใครก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น จ้าวหู่ โจวลิ่วหากใครกล้าจากไปโดยพลการให้ประหารชีวิตโดยตรงทันที กล้าทำร้ายน้องสาวของข้า ข้าไม่อภัยเด็ดขาด!” หยุนไห่เทียนออกคำสั่งอย่างแสดงอำนาจ

“ขอรับ!” จ้าวหู่และคนสนิทคนอื่นๆจับตามองทุกคนเอาไว้ทันที

ซูชิงโยวรู้สึกชื่นชมท่าทางที่ปกป้องน้องสาวอย่างแสดงอำนาจของหยุนไห่เทียนด้วยความเลื่อมใส รู้สึกนับถืออย่างมาก รีบตามไปทันที

หมอทหารเข้ามารักษา ยังไม่ทันที่เขาจะจับชีพจรให้กับหยุนถิง หยุนถิงที่หมดสติก็ตื่นขึ้นมา “พี่ใหญ่ข้าไม่เป็นไร เมื่อครู่นี้ข้าจงใจแสร้งทำเป็นหมดสติไปเท่านั้น”

หยุนไห่เทียนเห็นว่านางไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าตกใจแทบตาย หากเจ้าเกิดเรื่องขึ้นที่ค่ายทหารของข้า จวินหย่วนโยวและฝ่าบาทล้วนไม่ปล่อยข้าไปแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่านพ่อของเรา”

“ข้าเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงมือกับข้าในค่ายทหาร ดังนั้นจึงใช้แผนซ้อนแผน!” หยุนถิงตอบ

ทุกคนถึงได้รู้สึกโล่งใจ โดยเฉพาะหลงเอ้อกับรั่วจิ่ง เมื่อครู่นี้พวกเขาจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ซื่อจื่อกลับมาถลกหนังดึงเส้นเอ็น ห้าอาชาแยกร่างพวกเขาแล้ว

“น้องสาว เพราะข้าปกครองไม่เข้มงวด ข้าจะสืบหาคนร้ายตัวจริงออกมาให้ได้ ไม่ให้อภัยง่ายๆเด็ดขาด!” หยุนไห่เทียนตำหนิตัวเอง

“พี่ใหญ่ไม่ต้องตำหนิตัวเองหรอก ในเมื่อเขากล้าเลือกเวลานี้ คงจะคิดว่าทหารมากมายขนาดนี้มันยากที่จะสืบหาตัวได้” หยุนถิงปลอบโยน

“เขากล้าทำร้ายซื่อจื่อเฟยข้าจะต้องลากตัวเขาออกมาและสับเป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้!” รั่วจิ่งกล่าวอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน

“ใช้แผนซ้อนแผน” หยุนถิงบอกแผนการของตัวเองให้กับทุกคนทันที

ทุกคนฟังด้วยความรู้สึกนับถือ ล้วนชูนิ้วโป้งให้กับหยุนถิง

ทั้งหมดออกไปจากกระโจม ล้วนทำหน้ามืดมนและโกรธเคือง

หยุนไห่เทียนตรงไปที่ขบวนแถว “ท่านแม่ทัพ คุณหนูหยุนเป็นอย่างไรบ้าง?” จ้าวหู่ถามด้วยความเป็นห่วง

“หมอทหารบอกว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังไม่ได้สติ ไม่แน่ว่าจะสามารถตื่นขึ้นมาได้หรือไม่” หยุนไห่เทียนเต็มไปด้วยความหนักใจ

“ไอ้สารเลวคนไหนกันแน่ที่มันลอบโจมตีคุณหนูหยุน รู้สถานการณ์ก็ไสหัวออกมาเองเดี๋ยวนี้!” รองแม่ทัพฮั้ว

ถึงแม้รองแม่ทัพฮั้วจะแข่งมวยปล้ำแพ้หยุนถิง แต่กลับนับถือนางจนอยากจะก้มลงกราบ

“ทุกคนเข้ารับการตรวจสอบทีละคน ถึงกับกล้าทำร้ายน้องสาวของข้าต่อหน้าต่อตาข้า ไม่ว่าจะเป็นใครข้าจะไม่ให้อภัยง่ายๆเด็ดขาด!” หยุนไห่เทียนกล่าวด้วยความโกรธ

ในฝูงชน นัยน์ตาของทหารบางคนมีความบรรลุผลและเย็นชาดุร้ายเล็กน้อยแว๊บผ่านไป ชั่วพริบตาก็ถูกเขาเก็บซ่อนเอาไว้อีก

ครั้งนี้ หยุนไห่เทียนซักถาม และตรวจสอบทีละคนด้วยตัวเอง ขอเพียงเป็นคนที่คิดว่าน่าสงสัยล้วนให้อยู่ต่อทั้งหมด แน่ใจว่าไม่มีความน่าสงสัย ถึงได้ปล่อยคนจากไป

และทหารที่ลอบโจมตีคนนั้นก็หลอกผ่านไปอย่างง่ายดาย จากนั้นก็จากไป

หยุนไห่เทียนเงยหน้ามองขึ้นไปกลางอากาศครู่หนึ่ง อินทรีทองที่บินวนอยู่ตลอดถึงกับบินตามทหารคนนั้นไป สีหน้าของหยุนไห่เทียนเคร่งขรึมลงมาทันที นึกถึงสิ่งที่หยุนถิงกำชับ แต่ไม่ได้หยุดเขาไว้

ไม่ช้าข่าวเรื่องหยุนถิงได้รับบาดเจ็บก็แพร่กระจายไปทั้งค่ายทหาร ทุกๆคนล้วนประหม่า และเป็นห่วงอย่างยิ่ง

เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม รถม้าของจวินหย่วนโยวกับซวนอ๋องล้วนจอดอยู่ด้านนอกค่ายทหาร

จวินหย่วนโยวกับซวนอ๋องแทบจะลงจากรถม้าในเวลาเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันครู่หนึ่ง ทั้งสองคนเดินตรงเข้าไปข้างใน

“คำนับจวินซื่อจื่อ ซวนอ๋อง——” บรรดาทหารที่อยู่หน้าประตูกำลังจะคำนับ

“ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ หยุนถิงอยู่ไหน!” จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนส่งเสียงพร้อมกัน

“คุณหนูหยุนอยู่ในกระโจมของท่านแม่ทัพ!” ทหารตอบ

โม่เหลิ่งเหยียนก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน จวินหย่วนโยวก็ตามเข้าไปทันที ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ซื่อจื่อตัวจริง แต่คนนอกไม่รู้เรื่องเลย จะแพ้ให้กับซวนอ๋องไม่ได้เด็ดขาด

ทั้งสองคนตรงไปที่กระโจม หยุนไห่เทียนได้ยินว่าสองคนนี้มาแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมทันที กำลังจะคำนับและอธิบายให้พวกเขาฟัง โม่เหลิ่งเหยียนก็ชิงตัดหน้าเดินเข้าไปจับมือของหยุนถิงเอาไว้ก่อนก้าวหนึ่ง

“หยุนถิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

สายของซวนอ๋องในค่ายทหารกลับไปรายงาน โม่เหลิ่งเหยียนที่เดิมมีกำลังจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าหันหลังกลับมาที่ค่ายทหารโดยตรง

ทันทีที่จวินหย่วนโยวที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า สีหน้าก็เย็นยะเยือกสุดขีด “ซวนอ๋องเจ้าล้ำเส้นไปแล้วนะ ถิงเอ๋อร์คือซื่อจื่อเฟยของข้า ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”

นัยน์ตาสีดำที่ที่เย็นชาดุร้ายของโม่เหลิ่งเหยียนชำเลืองไปทางเขา หากเป็นจวินหย่วนโยวตัวจริง โม่เหลิ่งเหยียนย่อมจะปล่อยมืออยู่แล้ว แต่เป็นแค่ตัวปลอมคนหนึ่ง โม่เหลิ่งเหยียนย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา

“ถ้าหากข้าไม่ปล่อยล่ะ?”

“รนหาที่ตาย!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเย็นคนคำหนึ่ง และเหวี่ยงหมัดเข้ามา

ถึงแม้เขาจะเป็นตัวปลอม แต่ในสายตาคนนอกซื่อจื่อโปรดปรานซื่อจื่อเฟยคนเดียวเช่นนี้ จะทนให้ผู้ชายอื่นจับมือผู้หญิงของตัวเองได้อย่างไร

ท่าทีของโม่เหลิ่งเหยียนเย็นชาแข็งกร้าว สายตาเหยียดหยาม ต่อสู้กับจวินหย่วนโยวในชั่วพริบตา

หลงเอ้อกับรั่วจิ่งมองด้วยความประหม่า อย่าได้เผยพิรุธออกมาเด็ดขาด

หยุนไห่เทียนก็ยิ่งเป็นกังวล ซูชิงโยวและผู้หญิงคนอื่นๆถอยออกไปนอกกระโจมโดยตรง ซื่อจื่อกับซวนอ๋องสู้กัน ไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บ พวกนางไม่อยากจะเป็นตัวรับกระสุนหรอกนะ

ความจริงโม่เหลิ่งเหยียนเห็นจวินหย่วนโยวขัดหูขัดตามานานมากแล้ว หากไม่ใช่หยุนถิงคอยปกป้อง เขาสั่งสอนเจ้าหมอนี่นานแล้ว

ตอนนี้เจ้าตัวปลอมนี่ก็กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าตนเอง โม่เหลิ่งเหยียนย่อมไม่ทนอยู่แล้ว

หยุนไห่เทียนไม่กล้าขัดขวาง รีบเดินไปทางหยุนถิง และเอ่ยเสียงเบาทันที “น้องสาว หากเจ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอีก เกรงว่าสองคนนี้คงจะพังกระโจมนี่แล้ว!”

“เช่นนี้ถึงจะดูสมจริงยิ่งขึ้น พี่ใหญ่ชมความครึกครื้นก็พอ!” หยุนถิงปลอบโยนเสียงเบา

สองคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ย่อมไม่ได้สังเกตทางด้านนี้อยู่แล้ว ตามด้วยเสียงดังโครม หลังคากระโจมถูกสองคนนี้พังไปโดยตรง กระโจมทั้งอันถูกกำลังภายในผ่าออกจากตรงกลาง ไม่มีสิ่งกีดขวาง คนที่อยู่ภายในกระโจมปรากฏขึ้นมาต่อหน้าทุกคน

ฉางเซิ่นที่แอบอยู่ไม่ไกลตลอด เห็นหยุนถิงนอนอยู่บนเตียงไม่ได้สติ ซวนอ๋องกับจวินซื่อจื่อต่อสู้กัน นัยน์ตามีความได้ใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย หันหลังจากไป

หยุนไห่เทียนไม่ได้ขัดขวาง รีบอุ้มหยุนถิงขึ้นมาในแนวนอนและกำลังจะไปที่กระโจมถัดไป

“ปล่อยนางซะ!” โม่เหลิ่งเหยียนกับจวินหย่วนโยวส่งเสียงพร้อมกัน

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท