จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 565 โม่ฉือชิงที่เป็นเช่นนี้ค่อนข้างหล่อเหลาเล็กน้อย

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 565 โม่ฉือชิงที่เป็นเช่นนี้ค่อนข้างหล่อเหลาเล็กน้อย

หลิ่วเฟยมองดูองค์หญิงใหญ่ที่โกรธจัด ก็รู้แล้วว่าโม่หลานทำให้นางหงุดหงิดโมโหมาก ปกติโม่หลานไม่รู้จักกาลเทศะจนเคยชิน ตอนนี้กลับทำให้คนรู้สึกสาแก่ใจจริงๆ

หลิ่วเฟยกลับมีสีหน้าเฉยเมย“ตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่ได้สติ ก่อนที่จะหาตัวคนร้ายเจอใครก็ห้ามจากไป หวังว่าองค์หญิงใหญ่จะยกโทษให้ข้า

คนที่มาร่วมงานเลี้ยงมีมากเกินไป ห้องรับแขกล้วนเต็มแล้วจริงๆ หากองค์หญิงใหญ่ต้องการความสงบเงียบ ข้ากลับนึกถึงลานแห่งหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่มีคนอยู่เป็นเวลานานแล้ว ค่อนข้างรกร้างเล็กน้อย

“ขอเพียงไม่ต้องเห็นโม่หลานอีก ข้าอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น!” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยความหงุดหงิดโมโห

“ตกลง ข้าจะให้คนไปเก็บกวาดเดี๋ยวนี้!”

ทางด้านนี้ เหมยเฟยดูแลฮ่องเต้มาทั้งคืน พูดคุยกับเขาทั้งคืน ฮ่องเต้ยังคงหมดสติอยู่ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย

นี่ทำให้เหมยเฟยกระวนกระวายใจแทบแย่ หมอหลวงหลิวมาจับชีพจรหลายต่อหลายครั้ง เขารักษาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ในเมื่อหมอยมบาลบอกให้รอ เช่นนั้นก็ได้แต่รอเท่านั้นแล้ว

และหยุนถิงตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหลับไป เพียงแต่ว่าเอาแต่นอนเช่นนี้มันก็เหนื่อย นางฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสนใจดึงแขนเสื้อผ้าของจวินหย่วนโยวเบาๆ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากพูดโดยไม่มีเสียง

“กลับบ้าน!”

จวินหย่วนโยวเข้าใจในทันที อุ้มหยุนถิงขึ้นมาในแนวนอนก็จากไป

เหมยเฟยเห็นพวกเขาออกมา รู้สึกเป็นห่วงมาก“จวินซื่อจื่อ นี่เจ้าจะพาซื่อจื่อเฟยไปไหน?”

“กลับจวนซื่อจื่อ นางอยู่ที่นี่รู้สึกไม่อิสระ”

เหมยเฟยคิดแล้วก็รู้สึกว่ามันถูกต้อง อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นตำหนักด้านข้างของฮ่องเต้ เมื่อคืนสถานการณ์ฉุกเฉิน ฝ่าบาทเอ่ยปาก แต่หยุนถิงจะอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้เช่นกัน

“ดูแลซื่อจื่อเฟยให้ดี ข้าไม่สามารถปลีกตัวได้ ไม่ส่งแล้ว!” เหมยเฟยกล่าวด้วยความเป็นห่วง

“ตกลง!” จวินหย่วนโยวอุ้มคนเดินออกไป

คนทั้งพระราชวังล้วนไม่มีใครกล้าขัดขวางจวินซื่อจื่อ หลิ่วเฟยได้ยินว่าจวินหย่วนโยวพาหยุนถิงกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ให้คนนำยาบำรุงกำลังและสมุนไพรล้ำค่าไปให้

และด้านนอกพระราชวังในคืนนี้กลับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน โม่เหลิ่งเหยียนนำกองทหารหลวง หมิงจิ่วซางแอบนำบรรดาพี่น้องของหอดวงจันทร์อย่างลับๆ ทั้งสองกลุ่มร่วมมือกัน กำจัดฐานลับของแคว้นเทียนจิ่วทั้งหมดที่อยู่ในเมืองหลวงของแคว้นต้าเยียนในเวลาคืนเดียว

โม่ฉือหานไปตรวจค้นที่แปรพระราชฐาน ค้นหาทั่วทั้งแปรพระราชฐาน ไม่ปล่อยให้พลาดแม้แต่มุมเดียว แต่กลับหาพิษที่พูดถึงนั่นไม่เจอ

ความจริงในใจของโม่ฉือหานก็รู้ดีว่า องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วเจ้าเล่ห์และอำมหิตที่สุด เป็นไปได้อย่างมากว่านางเป็นคนวางยาพิษ แต่หาหลักฐานไม่พบไม่สามารถตัดสินโทษของนางได้โดยตรง อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยเห็นยาเจ็ดวิญญาณมาก่อนเช่นกัน

จู่ๆห้องด้านข้างก็มีเสียงสิ่งของบางอย่างตกลงบนพื้นดังมา นัยน์ตาสีดำของโม่ฉือหานหรี่ลงเล็กน้อย นำกำลังมาเข้ามาทันที

แต่แล้วก็เห็นขวดเครื่องเคลือบขนาดเล็กวางอยู่บนพื้น ขวดยังคงหมุนอยู่ แสดงให้เห็นว่าเมื่อครู่มีคนจงใจทิ้งเอาไว้

องครักษ์นายหนึ่งรีบนำเข้ามาทันที“ท่านอ๋อง!”

โม่ฉือหานรับมา เปิดฝาออก และดมกลิ่นนั่น จากนั้นก็พลิกขวดคว่ำลงมา มองดูยาเม็ดสองเม็ดที่อยู่ข้างใน

ถึงแม้เขาจะไม่มีความรู้ด้านทักษะการแพทย์ และไม่เคยเห็นยาเจ็ดวิญญาณมาก่อน แต่เวลานี้เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ในขวดนี้คือยาเจ็ดวิญญาณ

คนที่รู้จักยานี้ ก็มีเพียงหยุนถิงคนเดียวเท่านั้นแล้ว

แต่หยุนถิงหมดสติอยู่ไม่ใช่หรือ โม่ฉือหานไม่เข้าใจ แต่กลับกำขวดเครื่องเคลือบที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น

โม่ฉือหานรีบนำขวดเครื่องเคลือบนั่นกลับพระราชวังทันที มอบให้กับหมอหลวงหลิวด้วยตัวเอง หมอหลวงหลิวก็ไม่เคยเห็นยาเจ็ดวิญญาณมาก่อนเช่นกัน แต่ว่าดูจากสีแล้วมันคล้ายมากจริงๆ

โม่เหลิ่งเหยียนเสร็จธุระแล้วก็เข้าวัง ฟังโม่ฉือหานเล่าความเป็นมาของเหตุการณ์ ก็เดาออกแล้วว่าหยุนถิงให้คนส่งเข้าไป

“ไม่ว่ายานี่จะเป็นยาเจ็ดวิญญาณหรือไม่ ในเมื่อค้นได้จากแปรพระราชฐานขององค์หญิงใหญ่ ก็เพียงพอที่จะแสดงถึงความน่าสงสัยของนาง ข้าจะไปพบองค์หญิงใหญ่ด้วยตัวเอง!” โม่เหลิ่งเหยียนออกคำสั่งอย่างแสดงอำนาจ

“ขอรับ!” กองทัพหลวงหน่วยหนึ่งติดตามซวนอ๋องไปยังลานที่องค์หญิงใหญ่พำนักอยู่ทันที

ในลานเวลานี้

โม่หลานกำลังต่อสู้กับจี้อวี๋อย่างไม่สามารถสลัดตัวออกมาได้ ทันทีที่ลืมตาในตอนเช้าตรู่ข้าวก็ยังไม่ได้กิน โม่หลานก็ไปสู้กับจี้อวี๋แล้ว

เมื่อคืนจี้อวี๋ก็ไม่ได้พักผ่อนดีๆ ตอนเช้าก็ไม่ได้กินข้าวอีก พละกำลังยังไม่ทันได้ฟื้นฟู ไม่ช้าก็เสียเปรียบอย่างรวดเร็ว

และโม่หลานกลับยิ่งสู้ก็ยิ่งห้าวหาญ ราวกับมีพละกำลังที่ใช้ไม่หมด เห็นเพียงโม่หลานฟันดาบเข้าไป จี้อวี๋ใช้กระบี่ยาวที่อยู่ในมือต้านเอาไว้อย่างสุดชีวิต

เสียง “ปัง!” ดังขึ้นมา กระบี่ยาวในมือของจี้อวี๋ถูกฟันจนหักเป็นสองท่อนทันที

ภาพฉากนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึง โดยเฉพาะองค์หญิงใหญ่

นางคิดไม่ถึงเลยว่า อาวุธในมือของจี้อวี๋จะถูกโม่หลานฟันจนหักได้

“กระบี่นี่ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน จี้อวี๋สู้กับนางต่อไป!” องค์หญิงใหญ่ออกคำสั่ง

จี้อวี๋เต็มไปด้วยความละอายใจ“องค์หญิงใหญ่ ข้าแพ้แล้ว!”

องค์หญิงใหญ่โกรธจนใบหน้าดำมืด“แพ้อะไรกัน ข้าบอกว่าเจ้ายังไม่แพ้ก็คือไม่แพ้ สู้ต่อไป สู้จนกว่าจะฆ่านางได้!”

ยังไม่ทันที่โม่หลานจะเอ่ยปาก ก็มีเสียงดูหมิ่นที่เกะกะระรานดังมา“วันนี้ข้าได้เปิดโลกทัศน์แล้วจริงๆ ที่แท้องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วใจแคบเช่นนี้ แพ้ก็คือแพ้ ดื้อรั้นไม่ยอมคนก็แพ้แล้วเช่นกัน

เช้าตรู่วันนี้ข้าก็ให้คนกระจายข่าว เรื่องที่ข้ากับองค์หญิงใหญ่เดิมพันกันออกไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้เรื่องแล้ว องค์หญิงใหญ่ส่งมอบตราทหารออกมาดีกว่า มิเช่นนั้นไม่เพียงต้าเยียน คนของสี่แคว้นก็จะรู้ว่าท่านแพ้ไม่เป็น ต่อไปท่านยังจะให้คนนับถืออย่างไรได้!”

โม่ฉือชิงเดินเข้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความได้ใจ อวดดีอย่างมาก

“ท่านมาได้อย่างไร?” โม่หลานคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะมาเช้าขนาดนี้

“ข้าเดิมพันด้วยตำแหน่งอ๋องที่ให้ความสำคัญที่สุด ไม่มาได้หรือ เจ้าเอาชนะแคว้นเทียนจิ่วได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าจะเลี้ยงเหล้าเจ้าในภายหลัง!” โม่ฉือชิงตอบ

“ตกลง!” โม่หลานตอบตกลงอย่างง่ายดาย

องค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดวงตาคู่สวยชำเลืองไปทางโม่ฉือชิงอย่างเฉียบคมและไม่แยแส“วิธีการยั่วยุใช้ไม่ได้กับข้า ตราพยัคฆ์เกี่ยวพันถึงกองทัพของแคว้นเทียนจิ่วข้า ข้าไม่มีทางให้เจ้าเด็ดขาด”

“หมายความว่า องค์หญิงใหญ่อยากกลับคำพูด พูดเหมือนกับผายลม?” โม่หลานถามกลับ

สีหน้าที่เดิมทีก็ไม่น่าดูขององค์หญิงใหญ่ เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งในชั่วพริบตา“ผู้หญิงหยาบคายอย่างเจ้า ไร้การศึกษาเช่นนี้ ช่างน่าขายหน้าจริงๆ หลัวหรูจี๋ตบปากนางเดี๋ยวนี้!”

หลัวหรูจี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างตลอดกลืนน้ำลายโดยสัญชาตญาณ เขาเกรงกลัวความสามารถที่น่ากลัวของโม่หลาน แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งขององค์หญิงใหญ่ ได้แต่แสร้งทำเป็นเดินเข้าไปอย่างใจเย็น

ทันทีที่โม่ฉือชิงเห็นดังนั้น ก็ขวางอยู่ตรงหน้าของโม่หลานโดยสัญชาตญาณ“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่!”

มุมปากของโม่หลานกระตุกขึ้นมา ไก่อ่อนอย่างเขายังคิดจะปกป้องตัวเอง น่าขำ แต่ว่าโม่หลานก็ไม่ได้พลักโม่ฉือชิงออก นางก็อยากเห็นเหมือนกันว่าโม่ฉือชิงจะ “ปกป้อง” ตัวเองอย่างไร

“เฉินอ๋อง โปรดหลีกไป!” หลัวหรูจี๋กล่าวอย่างมืดมน

“หากข้าไม่หลีกล่ะ?” ใบหน้าของโม่ฉือชิงตึงเครียด จริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่เป็นครั้งแรกที่โม่หลานเห็นโม่ฉือชิงจริงจังเช่นนี้ แตกต่างจากเขาที่เอ้อระเหยลอยชาย ดูถูกเหยียดหยามชาวโลก ราวกับคนละกัน

จู่ๆนางก็รู้สึกว่า โม่ฉือชิงที่เป็นเช่นนี้ค่อนข้างหล่อเหลาเล็กน้อย

“จี้อวี๋!” องค์หญิงใหญ่ออกคำสั่งอย่างโกรธแค้น

จี้อวี๋เดินเข้ามาทันที โม่ฉือชิงตกใจแทบแย่ทันที หลัวหรูจี๋เป็นราชครูไม่มีวรยุทธ เขายังสามารถเอ็ดตะโรอย่างโอหัง แต่ความสามารถของจี้อวี๋กับโม่หลานสู้สีกัน โม่ฉือชิงขี้ขลาดในทันที

เห็นเพียงโม่ฉือชิงรีบซ่อนตัวไปด้านหลังของโม่หลาน ยังไม่ลืมจับแขนเสื้อของโม่หลาน“โม่หลาน พวกเขารังแกข้า!”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท